เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 951
เสียงดังกึกก้อง กังวานไปทั่วทั้งสรวงสวรรค์
จากนั้น องครักษ์เกราะทองกลุ่มหนึ่ง ก็ออกมาจากภายในรถม้า แล้วลอยตัวกระจายกำลังไปอยู่ที่บริเวณด้านข้างของรถม้าทั้งสองข้าง
แสงสีทองอร่ามเจิดจ้า กลบคลุมแสงสว่างของดวงอาทิตย์ในทันที
ฝูงชนที่มุงดูอยู่ในบริเวณโดยรอบเมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้แล้ว ทั้งหมดก็โค้งคารวะทำความเคารพ
ผู้ที่สามารถมาถึงที่นี่ได้ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นนักบู๊ แต่ก็ไม่มีใครที่คารวะทำความเคารพ
อาจารย์เหลย เทียนหยาจื่อและคนอื่น ๆ ก็พากันลุกขึ้นแสดงความเคารพทั้งหมด
จากนั้น ก็มีคนผู้หนึ่งค่อย ๆ เดินออกมาจากรถม้า
องค์ชายฉินฝานกะเผลกขา ยิ้มเบะปากแล้วก้าวเดินออกมา
องค์ชายฉินฝาน มองไปยังทุกคนอย่างยิ้มแย้ม และพูดขึ้นว่า: “เชิญทุกคนชมกันต่อตามสบายเลย ไม่ต้องมาสนใจฉัน ฉันเองก็มาชมการประลองเหมือนกัน! ”
ขณะที่พูด องค์ชายก็ดีดนิ้ว ทันใดนั้นรถม้าที่เขานั่งมา ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงรูปร่างราวกับเป็นของเหลว
รถม้าที่สวยงามหรูหราก็กลายเป็นเก้าอี้ไม้แกะสลักมังกรทอง แล้วฉินฝานก็นั่งลงด้านบนทันที
ปราณเกราะที่โปร่งใสได้ก่อตัวขึ้น แล้วปกคลุมฉินฝานเอาไว้อยู่ภายใน
“นี่ก็คือองครักษ์เกราะทองกับเขตวิถีสัมบูรณ์! ”
“ได้ยินว่าปราณเกราะดังกล่าว ต่อให้เป็นถึงยอดฝีมือเซียนบู๊ ก็ยังสามารถป้องกันต้านทานได้ช่วงเวลาหนึ่ง”
“องครักษ์เกราะทองเหล่านี้ หรือว่าจะเป็นยอดฝีมือแดนปราณฟ้า? พวกเขายังสามารถเหาะเหินกลางอากาศได้อีกด้วย”
“นายจะไปรู้อะไรล่ะ นี่คือทักษะวิชาการบินแบบทหาร ใต้หล้านี้จะมียอดฝีมือแดนปราณฟ้ามากมายขนาดนั้นเชียวเหรอ”
กลุ่มคนซุบซิบวิพากษณ์วิจารณ์กัน และชื่นชมกันอย่างเบา ๆ
คนธรรมดาอย่างพวกเขานี้ มีโอกาสน้อยมากที่จะได้พบเจอกับองค์ชาย เวลานี้ได้พบเห็นรูปโฉมที่แท้จริงขององค์ชายกับองครักษ์เกราะทองในตำนาน คนจำนวนไม่น้อยต่างก็ตกอยู่ในสภาพที่ตื่นเต้นดีใจ
เทียนหยาจื่อและคนอื่น ๆ รู้สึกว่ามีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล องค์ชายผู้ยิ่งใหญ่ระดับนี้ เป็นไปได้อย่างไรที่จะเดินทางมาชมการประลองฝีมือของนักบู๊ธรรมดาแบบนี้โดยเฉพาะ ช่างมีเวลาว่างเยอะเหลือเฝือเกินไปแล้ว
ถ้าหากว่าการประลองนี้เป็นการต่อสู้กันระหว่างยอดฝีมือแดนเซียนบู๊แล้วล่ะก็ องค์ชายมาเปิดหูเปิดตารับชม ก็ยังพอที่จะเข้าใจได้
แต่นี่อย่างมากก็แค่การต่อสู้กันระหว่างยอดฝีมือแดนปราณชีวิต องค์ชายยังจะมารับชมด้วยเหรอ ทำให้ผู้คนถึงกับเกิดความไม่เข้าใจ
หรือว่ารอบข้างขององค์ชายยังขาดแคลนนักบู๊แดนปราณชีวิตอีกเหรอ?
มองดูพวกองครักษ์เกราะทองนั่นสิ คนไหนบ้างล่ะที่ไม่ใช่นักบู๊แดนปราณดิน หากคัดเลือกออกมาประลองสักคนสองคน คาดว่าคงจะน่าดูกว่าการประลองในวันนี้เป็นแน่เลย
ผู้ตรวจการแปดเองก็ก้มหน้าลง พร้อมกับขมวดคิ้วแน่น
เดิมทีในวันนี้ ตอนที่องค์ชายใหญ่สั่งให้เขามาดูการประลองนี้นั้น เขาเองก็ยังจะไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไร
โดยความคิดของเขานั้น หากให้มาดูคนอ่อนแอสองคนต่อสู้กันไปมา มันจะมีสาระน่าสนุกตรงไหน
แต่เมื่อมาถึงแล้ว เขาพบว่า สถานการณ์เหมือนจะไม่เป็นไปอย่างที่เขาคาดการณ์เอาไว้
ผู้อาวุโสเทียนหยาจื่อของตระกูลเทียนก็มา และองค์ชายรองก็มาด้วย ทุกสิ่งทุกอย่าง ทำให้การประลองในครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ง่ายดายอย่างนั้นแล้ว
เขาไม่เชื่อว่าการประลองทั่วไป จะดึงดูดให้คนระดับนี้มาชมกันได้
ผู้ตรวจการแปดนั่งอยู่อย่างสงบ เพื่อรอให้ลู่ฝานมาถึง เขาต้องการจะดูว่า การประลองในครั้งนี้มีความพิเศษแตกต่างอย่างไร
การประลองยังไม่ทันจะเริ่มต้น ถึงขนาดที่ว่าผู้ประลองทั้งสองฝ่ายก็ยังมากันไม่ครบ แต่ทางฝั่งของผู้ที่มาชมการประลองนั้น ก็เพียงพอที่จะทำให้คนในเมืองหลวงนำเรื่องราวดังกล่าวไปพูดคุยสนทนากันอย่างแพร่หลายแล้ว
ไม่ว่าในวันนี้ ใครจะเป็นผู้ชนะในการประลอง ก็คงจะโด่งดังมีชื่อเสียงเป็นแน่
ข่าวคราว ก็ได้แพร่กระจายออกไปจากสถาบันบู๊องอาจอย่างรวดเร็ว พวกผู้ที่ชอบสอดรู้สอดเห็น ถึงขนาดนำกระจกจำภาพออกมา เริ่มทำการบันทึก โดยที่ทุกคนต่างก็กระตือรือร้นกันเป็นอย่างมาก
ทันใดนั้น ท่ามกลางจุดที่จัดวางค่ายกลเคลื่อนฟ้าด้านหน้าสถาบันบู๊องอาจ ก็พลันมีสองเงาร่างปรากฏขึ้น
ทุกคนต่างก็นึกว่าเป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่คนไหนที่จะมาถึงอีก จึงได้ชะเง้อมองกันยกใหญ่ แต่เมื่อเงาร่างนั้นเดินออกมา ทุกคนต่างก็ผิดหวังกันเล็กน้อย
เป็นคนธรรมดาสองคน ที่เดินมาพร้อมกับแบกอาวุธมาด้วย