เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 952
ในขณะที่ทุกคนต่างก็กำลังเตรียมจะละสายตา ทันใดนั้น ทุกคนก็พลันมองเห็นว่าเทียนตู้ที่อยู่ด้านบนหินยักษ์ ได้มีสีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนไปแล้ว
เทียนตู้ยิ้ม และพูดขึ้นว่า: “ลู่ฝาน ในที่สุดนายก็มาแล้ว! ”
ทันใดนั้น ทุกคนต่างก็อุทานกันขึ้น
ผู้ตรวจการแปด องค์ชายรอง และอาจารย์อีกสองคน ต่างก็จับจ้องมองมาที่ร่างของลู่ฝาน
ถูกต้อง สองคนที่มาถึงนี้ ก็คือลู่ฝานและสิบสาม
ลู่ฝานมองไปโดยรอบ และมองไปยังประตูสถาบันบู๊องอาจที่มีสีทองอร่าม รวมถึงยิ้มทักทายให้กับผู้คนที่มองมาด้วยสายตาอันอบอุ่นและกระตือรือร้น
“ผู้คนจำนวนมากมายเลย! ”
ลู่ฝานยิ้มเล็กน้อย
จากนั้น ท่ามกลางค่ายกลเคลื่อนฟ้า ก็ประกายลำแสงขึ้นอีก
คนกลุ่มหนึ่งพากันเดินออกมา ทีละคนทีละคน ทั้งหมดก็คือพี่น้องตระกูลหานที่ต้องการมาร่วมชมบรรยากาศที่คึกคัก ซึ่งผู้ที่นำมาก็คือหานสงนั่นเอง
หานสงถือกระจกจำภาพ แล้วกวาดสายตามองไปรอบด้านพร้อมกับพูดขึ้นว่า: “ไอ๊หยา วันนี้มีผู้ชมไม่น้อยเลยทีเดียว แม่งจริงเลย ตอนนั้นที่ฉันถูกไล่ออกจากสถาบัน ยังไม่มีผู้คนโอบล้อมมองดูมากมายขนาดนี้ พระเจ้า นั่นคือเก้าอี้มังกรของราชสำนักใช่ไหม ลู่ฝาน นายก็แค่ประลองยุทธ์เท่านั้น คิดไม่ถึงว่าแม้แต่คนในราชสำนักก็ยังถูกดึงดูดให้มาชมด้วย! ”
จากนั้น หานสงก็รีบนำพี่น้องตระกูลหานคารวะแสดงความเคารพต่อองค์ชายรอง
องค์ชายรองที่อยู่ห่างออกไปนั้น ก็ได้โบกมือเบา ๆ ให้พวกเขาไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรมาก
หานสงยิ่งมองก็ยิ่งตื่นตกใจ ผู้คนที่มากันในวันนี้ไม่ใช่จะมีจำนวนมากธรรมดาเท่านั้น มองแวบเดียว เขาก็มองออกว่านั่นคืออาจารย์สองท่านของสถาบันบู๊องอาจ และยังจะมีผู้ตรวจการแปดด้วย
ลำพังแค่ไม่กี่คนนี้ ก็ทำให้เขาเกิดความผวาหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว
การต่อสู้ครั้งนี้ น่าจะเหนือกว่าการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือแดนปราณฟ้าสองคนก่อนหน้านี้แล้ว
ลู่ฝานกลับไม่ได้ใส่ใจ เขาแค่มองเห็นเทียนหยาจื่อผู้อำนวยการสถาบันที่อยู่กลางอากาศ
ลู่ฝานพยักหน้าทักทายกับผู้อำนวยการสถาบัน ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
เทียนหยาจื่อผู้อำนวยการสถาบันเองก็ยิ้มและพูดว่า: “ใช่เขาจริง ๆ ด้วย คิดไม่ถึงว่าเขาจะผูกมิตรกันกับพวกคนอันธพาลตระกูลหานเหล่านั้นแล้ว”
ผู้อาวุโสหลายคนที่อยู่ด้านข้างก็มองสังเกตไปที่ลู่ฝานอย่างละเอียด
“มีรากกระดูกที่แข็งแรงยอดเยี่ยม และยังมีท่วงท่านักบู๊ด้วย! ”
“รูปร่างหน้าตาก็ไม่เลว แววตามีประกายมั่นคง”
“เอ๊ะ ทำไมฉันถึงมองระดับวิทยายุทธของเขาไม่ออกล่ะ ในร่างของเขามีสมบัติล้ำค่าพิเศษอะไร หรือว่าฝึกฝนวิชาพิเศษอะไรอย่างนั้นเหรอ? ”
ผู้อาวุโสหลายคนก็พากันชื่นชม ความประทับใจแรกเริ่มที่พบเห็นนั้นถือว่าดีมาก
เทียนหยาจื่อยิ้มอย่างดีใจ เขาที่มีอายุปูนนี้แล้ว เรื่องที่น่าภาคภูมิใจที่สุดก็คือสั่งสอนลูกศิษย์ที่ยอดเยี่ยมได้สักคนหนึ่ง ซึ่งสามารถที่จะกระหยิ่มยิ้มย่องต่อหน้าพวกเพื่อนอาวุโสเหล่านี้ได้ ก็ทำให้เขาดีใจมากอย่างยิ่งแล้ว
สายตาของฉินฝานเองก็จับจ้องไปที่ร่างของลู่ฝาน ใบหน้ามีรอยยิ้มเล็กน้อย ราวกับว่ามองเห็นสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่ง
“มาเลย ให้ฉันชมมูลค่าในตัวของนายสักหน่อย”
ฉินฝานพูดพึมพำขึ้น
วันนั้น หลังจากที่โฉวซิงได้นำกระจกจำภาพการต่อสู้ของลู่ฝานที่หน้าประตูเมืองมอบให้เขาแล้ว ฉินฝานจึงได้ลองชมดู ก็พลันรู้สึกว่าตนเองนั้นได้พบเจอกับสมบัติล้ำค่าอย่างที่สุด
เหตุการณ์ที่ลู่ฝานเอาชนะหานสงได้ในกระบวนท่าเดียว ทำให้เขาตื่นตะลึง ทำให้เขามองเห็นถึงโอกาสความเป็นไปได้นั้นบ้าง
ดังนั้นเขาจึงได้มายังที่นี่ ก็เพื่อต้องการยืนยันให้แน่ใจถึงมูลค่าในตัวของลู่ฝาน
หากว่าลู่ฝานสามารถแสดงพลังความสามารถออกมา แล้วทำให้เขาเกิดความหวั่นไหวได้……
แหะแหะ ฉินฝานเหมือนจะคิดไปถึงสถานการณ์ที่น่าสนุกน่าสนใจอย่างหนึ่งขึ้นมาได้แล้ว
ผู้ตรวจการแปดเองก็จับจ้องสายตามาที่ร่างของลู่ฝานเช่นกัน ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงอันตรายบางอย่างจากในร่างของลู่ฝาน
ขณะนั้น ผู้ตรวจการแปดก็ยิ้ม ต่อคนที่น่าสนใจนี้ มิน่าล่ะที่องค์ชายใหญ่ถึงได้สั่งให้เขามาที่นี่
สายตาของอาจารย์เหลยกับถิงยวนจับจ้องไปที่ในมือของลู่ฝาน ที่นั่น มีแหวนวงหนึ่งสะท้อนแสงเข้ามาในม่านตา
ใบหน้าของอาจารย์เหลยแสดงออกถึงความตื่นตะลึงอย่างที่สุด และพึมพำว่า: “ใช่มันหรือเปล่า? ”
ถิงยวนเองก็ตอบขึ้นด้วยท่าทางตกใจว่า: “น่าจะใช่! ”
ขณะนั้นทั้งสองคนก็สูดหายใจลึก และมองหน้าสบตากัน
อาจารย์เหลยพูดกระซิบว่า: “จะต้องพาตัวเขากลับไปที่สาขาสายฟ้าให้ได้! ”
ถิงยวนตอบกลับว่า: “ต้องพยายามอย่างถึงที่สุดไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม! ”