เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 958
สายลมโบกพัดเมฆขาวล่องลอยไป โบกพัดฝุ่นควันจางหายไป
ลู่ฝานค่อย ๆ เดินออกมาจากหลุม ด้วยท่าทางที่สงบนิ่ง และเฉยชา
ลมหายใจมั่นคง แม้ว่าจะเสร็จสิ้นจากการต่อสู้แล้ว ช่วงจังหวะหายใจก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
พูดได้ว่า การต่อสู้เมื่อครู่นี้ สำหรับลู่ฝานแล้ว ก็แค่การต่อสู้เล็กน้อยเท่านั้นเอง
จุดนี้ พวกอาจารย์เหลยพอที่จะมองออกกันแล้ว พวกเทียนหยาจื่อเองก็มองออกเหมือนกัน ส่วนองค์ชายรองฉินฝานก็มองออกด้วยเช่นกัน
ทันใดนั้น องค์ชายรองฉินฝานก็พลันลุกยืนขึ้นและปรบมือให้
เมื่อเขาปรบมือ คนอื่นก็พากันงุนงง แต่ไม่นานนักก็ตั้งสติกลับมากันได้ ทุกคนจึงปรบมือตามและโห่ร้องยินดี แม้แต่พวกนักเรียนของสถาบันบู๊องอาจ ก็ยังร่วมปรบมือด้วย
ลู่ฝานเดินกลับมายังด้านข้างของหานสง ยิ้มและพูดว่า: “ฉันบอกแล้วว่า ฉันไม่มีทางแพ้หรอก”
หานสงพยักหน้า จากนั้นก็ดึงเสื้อของลู่ฝานและพูดขึ้นว่า: “องค์ชายรองกำลังปรบมือให้นายอยู่ นายโค้งคำนับหน่อยสิ! ”
ลู่ฝานหันหน้ามองไปยังองค์ชายรองที่อยู่กลางอากาศ ครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วก็โค้งคำนับ
เวลานี้ฉินฝานก็พลันพูดขึ้นว่า: “ลู่ฝานนักกระบี่แห่งตงหวา ฉันต้องการที่จะเชิญนายไปร่วมดื่มเหล้าสนทนาเรื่องบู๊กันสักหน่อย ไม่ทราบว่านายจะยินดีไหม! ”
ลู่ฝานขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย และพูดว่า: “ไม่ไปได้หรือไม่? ”
เมื่อพูดจบ คนกลุ่มหนึ่งก็พากันสูดหายใจลึก
คิดไม่ถึงว่าลู่ฝานคนนี้จะกล้าพูดกับองค์ชายรองด้วยกิริยาท่าทางแบบนี้ เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้วใช่ไหม?
แต่องค์ชายรองฉินฝานกลับหัวเราะเหอะเหอะและพูดว่า: “ไม่ไปก็ได้ แต่นายจะต้องคิดให้ดีนะว่า ถ้าหากนายไม่ไป ก็คงจะไม่มีใครเชิญนายดื่มเหล้าที่ดีแล้ว”
ฉินฝานตั้งใจที่จะเน้นย้ำตรงคำพูดที่ว่าเหล้าที่ดี
ลู่ฝานหวั่นไหวบ้างเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นแล้วก็มองไปยังฉินฝานด้วยความประหลาดใจ
ฉินฝานมองเห็นสีหน้าท่าทางของลู่ฝานในระยะไกล แล้วก็พูดพึมพำว่า: “ฉลาดนัก เยี่ยมมาก! ”
ฉินฝานโบกมือ สั่งให้องครักษ์เกราะทองไปรับลู่ฝานมา โดยเก้าอี้มังกรก็ได้กลายเป็นรถม้าอีกครั้ง
องครักษ์เกราะทองหลายคนก็เหยียบย่ำมาในอากาศ แล้วก็ยื่นมือขวาไปเชิญลู่ฝาน
ลู่ฝานพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็รู้สึกได้ถึงพลังที่อ่อนโยน ค้ำยันร่างกายของเขา จนร่างกายล่องลอยขึ้นในอากาศ
ฝ่าเท้าเหยียบย่ำกลางอากาศ ลู่ฝานรู้สึกได้ว่าตนเองนั้นเหมือนกำลังเหยียบอยู่บนก้อนหิน
พลังฟ้าดินโดยรอบ เวลานี้เหมือนกับว่าควบแน่นอยู่ข้างกายของเขา
เพียงแค่เขาเคลื่อนไหว พลังฟ้าดินก็จะควบแน่นล่วงหน้ากลายเป็นของแข็งเพื่อให้เขาก้าวย่ำเดินไป
วิชานี้ ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
ลู่ฝานสามารถรู้สึกได้ว่า นี่คือพลังสุดยอดขององครักษ์เกราะทองสองคนที่อยู่ด้านข้างนี้แน่นอน
แต่ในตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในการสอบถามวิชาจากคนอื่น ลู่ฝานเหยียบย่ำอยู่กลางอากาศ แล้วก้าวเดินจนไปถึงเบื้องหน้าของรถม้าที่หรูหรา
เวลานี้ ฉินฝานได้เข้าไปนั่งอยู่ในรถม้าล่วงหน้าแล้ว
“เชิญ! ”
องครักษ์เกราะทองพูดขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
ลู่ฝานมองไปที่พวกเขาเล็กน้อย เวลานี้เขาแยกไม่ค่อยจะออกว่าองครักษ์เกราะทองเหล่านี้ตกลงว่าเป็นคนหรือเป็นหุ่นเชิดกันแน่
บางที องครักษ์ที่แท้จริง ก็น่าจะมีลักษณะแบบหุ่นเชิดก็เป็นได้?
ลู่ฝานหันหน้ากลับมา แล้วก็พูดกับสิบสามว่า: “นายพาเจ้าดำกลับไปกันก่อน! ”
สิบสามพยักหน้า แล้วก็โอบอุ้มเจ้าดำอย่างมั่นคง
ลู่ฝานเดินก้าวเข้าไปในรถม้า จากนั้นองครักษ์ทั้งหมดก็เดินตามเข้ามาด้านในด้วย
รถม้าหันกลับหัวแล้วกลายร่างเป็นเส้นลำแสง หายสูญไปในฟากฟ้า
ด้านหน้าประตูของสำนักบู๊องอาจ เมื่อทุกคนเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวนี้แล้ว ก็ถึงกับเงียบไม่พูดไม่จาอะไรอยู่นาน
อาจารย์เหลยพูดขึ้นว่า: “ทำอย่างไรกันดี? จะไล่ตามกันไปดีไหม? ห้ามปล่อยให้เขาหนีไปอย่างเด็ดขาด”
อาจารย์ถิงยวนพูดขึ้นว่า: “ฉันว่าเขาคงจะหนีไปไหนไม่พ้นหรอก เขามาพร้อมกันกับไอ้หนุ่มตระกูลหาน แน่นอนว่าจะต้องพักอยู่ที่ตระกูลหาน พวกเราไปรอกันอยู่ที่ตระกูลหานเถอะ”
“มีเหตุผล! ”
อาจารย์เหลยพยักหน้า แล้วทั้งสองคนก็ลุกยืนขึ้น
จากนั้นหานสงที่กำลังเตรียมตัวพาสิบสามพวกเขากลับไปนั้น ก็เห็นอาจารย์สองท่านเดินเข้ามาหาพร้อมกับยิ้มหัวเราะอย่างเสแสร้ง
“หานสงอ่า! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ! ”
……