หิมะตกลงมาบนชายคาบ้าน จากจำนวนเล็กน้อยจนกลายเป็นจำนวนที่มากขึ้น ไม่นานนักบนท้องถนนก็ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน แสงสว่างของไฟบนท้องถนนได้สาดส่องให้มันกลายเป็นสีสันที่หลากหลาย
ลู่ฝานเดินอยู่ท่ามกลางหิมะ ปล่อยให้หิมะตกลงบนร่างกายของเขา
หิมะหนาวเย็นแค่ไหน ก็ไม่เท่ากับจิตใจที่เย็นชาห่อเหี่ยว
ลู่ฝานยังคงรู้สึกโมโห ต่อการกระทำของหานอู๋ซวง
บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ศิษย์พี่หานเฟิงไม่ยอมกลับมา บางทีนี่อาจจะเป็นภาพลักษณ์ตัวตนที่แท้จริงของตระกูลหานก็เป็นได้
ลู่ฝานเดินอยู่อย่างเงียบ ๆ และครุ่นคิดไปต่าง ๆ นา ๆ
สิบสามเดินตามอยู่ด้านหลังของเขา โดยที่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ
ไม่รู้ว่าเดินกันมานานเท่าไรแล้ว เมื่อเงยหน้าขึ้น ลู่ฝานก็พลันเห็นว่าข้างหน้ามีร้านแห่งหนึ่ง
มีกลิ่นหอมของเหล้าโชยมา ซึ่งเป็นกลิ่นหอมที่เข้มข้นมากด้วย
ภายในตรอกซอยเก่า คิดไม่ถึงว่าจะมีร้านเหล้าอยู่ด้วย
ลู่ฝานยิ้มและพูดขึ้นว่า: “นี่คงจะเป็นโชคชะตาล่ะสิ”
ลู่ฝานหันหลัง มาพูดกับสิบสามว่า: “ไปเถอะ เข้าไปดื่มเหล้าด้านในกัน! ”
สองคนเดินเข้าไปภายในร้าน น่าจะเป็นเพราะมาถึงดึกจนเกินไป ภายในร้านจึงไม่มีคน
มีเพียงแต่เจ้าของที่อ้วนท้วมคนหนึ่ง ที่นั่งดื่มกินอยู่คนเดียว อย่างดื่มด่ำเพลิดเพลิน
“เถ้าแก่ เสริฟเหล้าหน่อย! ”
ลู่ฝานพูดขึ้น
เจ้าของร้านหันมองไปที่ลู่ฝานและพูดขึ้นว่า: “เจ้าหนุ่มดึกดื่นขนาดนี้แล้วทำไมไม่กลับบ้าน ยังจะออกมาดื่มเหล้าอีก น่าจะมีเรื่องเสียใจอะไรใช่ไหมล่ะ ต้องขอโทษด้วย ที่เหล้าของฉัน ไม่ขายให้กับคนที่เสียใจ”
ลู่ฝานขมวดคิ้วและพูดว่า: “ก็แค่ขายเหล้ายังจะมีกฎเกณฑ์มากมายอะไรด้วยเหรอ ฉันก็แค่กลุ้มใจ ไม่ได้เสียใจสักหน่อย แบบนี้สามารถดื่มได้ไหม? ”
เถ้าแก่อ้วนเงยหน้าขึ้นมองลู่ฝาน ก็พลันหัวเราะขึ้นและพูดว่า: “ได้ กลุ้มใจสามารถดื่มเหล้าได้ เมื่อดื่มจนเมาแล้วก็จะช่วยบรรเทาความกลุ้มใจได้ แต่เหล้าของฉันนั้น ราคาแพงนะ”
ลู่ฝานยิ้มและพูดว่า: “จะแพงสักเท่าไรกัน? ”
เถ้าแก่อ้วนพูดขึ้นว่า: “เงินไม่สามารถซื้อได้ ผลประโยชน์ไม่สามารถนำมาแลกเปลี่ยนได้ เหล้าของฉัน จะขายให้กับเรื่องราวประสบการณ์เท่านั้น เจ้าหนุ่ม ฉันว่านายคงจะเป็นคนที่มีเรื่องราวประสบการณ์พอสมควร งั้นฉันเชิญนายดื่มเหล้าแล้วนายก็เล่าเรื่องราวของนายให้ฉันฟังว่า ทำไมวันนี้นายถึงได้กลัดกลุ้มใจขนาดนี้ว่าอย่างไรล่ะ”
ลู่ฝานครุ่นคิดและพูดว่า: “ได้”
เถ้าแก่อ้วนหัวเราะฮ่าฮ่า แล้วก็หยิบเหล้าหมักไหหนึ่งที่อยู่ใต้โต๊ะออกมา แล้วก็ไปนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของลู่ฝาน และนำเหล้าวางลงไปบนโต๊ะ
หนึ่งคนหนึ่งถ้วยเซรามิกขาว สิบสาม และเจ้าดำต่างก็ได้รับจัดแบ่งด้วย
เจ้าดำนั่งอยู่ด้านข้าง ก็ยิ้มเยาะและมองไปที่เถ้าแก่อ้วนนั้น ราวกับจะพูดว่า นายช่างรู้งานเสียจริง
เหล้าสีขาวใส และมีกลิ่นหอมเข้มข้น ขณะที่เปิดผนึกขึ้นนั้น ก็แทบจะทำให้ลู่ฝานมึนเมาเคลิบเคลิ้มไปเลยทีเดียว
“เหล้าชั้นยอด” ลู่ฝานพูดขึ้น
เถ้าแก่อ้วนยิ้มและพูดว่า: “ยังไม่ทันดื่มเลย นายก็รู้แล้วหรือว่านี่คือเหล้าชั้นยอด? ลองดื่มดูสิ”
ลู่ฝานจิบชิมหนึ่งคำ ก็พลันสำลักทันที คิดไม่ถึงว่าเหล้านี้จะมีรสชาติที่ร้อนแรงกว่าที่เขาเคยดื่มมาทั้งหมดเลย
สิบสามก็ดื่มเล็กน้อย จนตัวแดงไปหมด และร่างกายก็โอนเอนไปมา จากนั้น เขาก็ล้มฟุบไปนโต๊ะ เมื่อเจ้าดำเห็นดังนั้น ก็ไม่กล้าที่จะไปแตะต้องเหล้าแก้วนั้นอีก
เถ้าแก่อ้วนหัวเราะฮ่าฮ่าและพูดขึ้นว่า: “ฉันนึกว่านายดื่มเหล้าเป็นเสียอีก คิดไม่ถึงว่าจะอ่อนหัดเช่นนี้! ”
ลู่ฝานเองก็หน้าแดงเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหล้า หรือเป็นเพราะคำพูดเยาะเย้ยของเถ้าแก่อ้วน
หลายปีมาแล้ว ที่เขาไม่เคยถูกคนอื่นบอกว่าเขาเป็นเพียงแค่เด็กอ่อนหัด
ลู่ฝานถามขึ้นว่า: “นี่คือเหล้าอะไร? ”
เถ้าแก่อ้วนพูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจว่า: “เหล้าเมาพันเขา พู่กันหนึ่งขีดวาดภาพภูเขาและแม่น้ำ เหล้าหนึ่งคำมึนเมาหลับไหลไปชั่วกาล เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ใครจะจดจำรู้จักฉันบ้าง”
ลู่ฝานพยักหน้าและพูดว่า: “เหล้าชั้นยอด เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ดื่มเหล้าที่ร้อนแรงขนาดนี้”
เถ้าแก่อ้วนพูดว่า: “แน่นอน ไม่ใช่ว่าฉันจะโอ้อวดนะ เหล้านี้ ทั้งใต้หล้ามีแค่เฉพาะร้านของฉันแห่งเดียวเท่านั้น พอเถอะ เหล้านายก็ได้ชิมไปแล้ว ได้เวลาที่นายจะพูดถึงเรื่องราวของนายว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว”
ลู่ฝานหันมองไปที่สิบสาม แล้วก็ใช้ฝ่ามือตีไปที่ไหล่ของสิบสาม ปลดปล่อยปราณชี่ เข้าไปในเส้นชีพจรของสิบสาม เพื่อช่วยเขาขับความร้อนแรงของเหล้าออกมา