หิมะเต็มภูเขาและแม่น้ำ ปกคลุมจนขาวโพลนไปหมด
หิมะของเมืองหลวง ใหญ่กว่าเขตตงหวามากจริงๆ ถ้าบอกว่าหิมะโปรยปรายที่บ้านเกิด แค่เหมือนกับขนห่าน งั้นหิมะโปรยปรายของที่นี่ ก็เทียบได้กับห่านทั้งตัวล่ะมั้ง
สิ่งที่ปรากฏในสายตา เกล็ดหิมะขนาดใหญ่เป็นแผ่นๆ ลอยพลิ้วลงมาจากท้องฟ้า
หิมะใหญ่ขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าจะไม่ก่อตัวเป็นลูกเห็บ ประหลาดมาก
อีกทั้งยิ่งใกล้เทศกาลเซ่นไหว้ประจำปี หิมะก็ยิ่งโปรยปรายเยอะขึ้น
มีคนเดินบนถนนไม่เยอะ แต่ร้านอาหาร โรงน้ำชาใหญ่ๆ กลับเต็มไปด้วยผู้คน
ตามประเพณีของคนเมืองหลวง ทุกครั้งที่หิมะเต็มถนน หนาประมาณสามฟุต พวกเขาต้องดื่มเหล้าดีกรีแรงหนึ่งกาเพื่อฉลอง
นี่เรียกว่าหิมะตกนั้นเป็นลางบอกว่าปีหน้าจะอุดมสมบูรณ์ ปีหน้าประเทศสงบสันติ ประชาอยู่เย็นเป็นสุขแน่นอน!
ลู่ฝานนั่งอยู่บนรถม้า มองนอกหน้าต่างอย่างเงียบๆ ถนนที่เต็มไปด้วยหิมะขาวสะอาด ในมือก็ถือเหล้าไว้หนึ่งกาเช่นกัน
ล้อรถเหยียบลงบนหิมะหนาจนเป็นรอยยาว เคลื่อนตัวไปข้างหน้า
ลู่ฝานใช้นิ้วเคาะเบาๆ ลงบนกาเหล้า แล้วถามว่า “สิบสาม ใกล้ถึงตระกูลเทียนแล้วใช่ไหม ครั้งก่อนนายบอกว่ามีคนตั้งใจรอฉันที่ตระกูลเทียน ใครเหรอ”
สิบสามขี่รถม้า แล้วพูดอย่างราบเรียบว่า “เจ้านาย ไม่รู้!”
ลู่ฝานปิดผ้าม่านลง แอบครุ่นคิดในใจ
เขาคิดยังไงก็คิดไม่ออก ว่าจะมีคนตั้งใจรอเขา
แต่ยังไงก็ต้องไปตระกูลเทียน ก่อนหน้านี้เรื่องบ้าบอรัดตัว เขาไม่กล้าออกจากเจดีย์ยาเลย
ตอนนี้ออกมาได้แล้ว อันดับแรกคือเขานัดประลองกับจางกวังตอนเทศกาลเซ่นไหว้ประจำปี นั่นแสดงว่าก่อนหน้านั้น ถ้ามีคนที่รับใช้พวกราชวงศ์จะทำร้ายเขา ต้องถามความเห็นของจางกวังก่อน นักบู๊ของมนุษย์เผ่ามังกรถือดีเป็นอย่างยิ่ง ถ้าการประลองที่ตกลงไว้ล้มเหลว หรือคู่ต่อสู้โดนเล่นงานลับหลังจนตายก่อนการประลองเขาจะรู้สึกว่าโดนสบประมาท ด้วยเหตุนี้ลู่ฝานจึงค่อนข้างปลอดภัยไม่น้อย
อีกอย่างหนึ่ง พวกผู้จัดการดูแลเจดีย์ยา ดีกับเขาอย่างไม่ทราบสาเหตุ มาพูดกับเขาหลายครั้งว่าจะไปไหนก็ได้ มีเจดีย์ยาอยู่ ไม่มีปัญหา!
ในเมื่อผู้จัดการดูแลเจดีย์ยาพูดขนาดนี้แล้ว แน่นอนว่าเขาจึงกล้าออกมา แต่ออกเดินทางก็ต้องไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจ พาสิบสามมาแค่คนเดียว ส่วนเจ้าดำที่ดูสะดุดตาเขาให้มันอยู่ในเจดีย์ยา เล่นกับพวกเซียวเฮ่า
รถม้าจอดลงช้าๆ สิบสามหันมาพูดกับลู่ฝานเบาๆ ว่า “เจ้านาย!”
เปิดผ้าม่านแล้วเดินออกมา สิ่งที่ปรากฏอยู่ในสายตาคือคฤหาสน์ยิ่งใหญ่ของตระกูลเทียน
ลู่ฝานโบกมือไปมาให้สิบสาม บอกให้เขาไปแจ้งที่ประตู ไม่นานสิบสามเดินกลับมา พยักหน้าเบาๆ ให้ลู่ฝาน เป็นการบอกว่าเข้าไปได้แล้ว
เดินเข้ามาในตระกูลเทียน จู่ๆ ลู่ฝานรู้สึกว่าร่างกายตัวเองทะลุผ่านค่ายกลไม่รู้ตั้งเท่าไร
จู่ๆ เงาใครบางคนปรากฏออกมาจากค่ายกล เมื่อเห็นลู่ฝานกับสิบสาม เขาโค้งตัวทำความเคารพ แล้วพูดว่า “ไม่ทราบว่าใช่ลู่ฝาน นักกระบี่แห่งตงหวา คุณชายลู่ใช่ไหมครับ ผมเทียนเหวินหยู่แห่งตระกูลเทียน ดีใจที่ได้พบคุณชายลู่ฝาน!”
คนนี้ดูเหมือนอายุประมาณ 15-16 ปี ใบหน้าหล่อเหลายังดูมีความละอ่อนอยู่เล็กน้อย แต่ในแววตาเต็มไปด้วยประกายแวววาว
ลู่ฝานคารวะแล้วพูดว่า “วันนี้ลู่ฝานมาเยี่ยมผู้อาวุโสเทียนหยาจื่อ”
เทียนเหวินหยู่พยักหน้า แล้วพูดว่า “ผู้อาวุโสเทียนหยาจื่อกำชับเอาไว้นานแล้วครับ ถ้าคุณชายลู่ฝานมา ให้เข้ามาได้เลย เชิญทางนี้ครับ!”
พูดพลาง จู่ๆ มีอุโมงค์แสงปรากฏขึ้นด้านหน้า
เทียนเหวินหยู่ยืนในอุโมงค์ แล้วพูดว่า “คุณชายลู่ฝาน เชิญตามผมมาครับ ค่ายกลคุ้มครองคฤหาสน์ของตระกูลเทียนมีเยอะมาก มีเพียงทางนี้ที่สามารถไปถึงด้านในได้ครับ”
ลู่ฝานกับสิบสามเดินตามเทียนเหวินหยู่เข้ามาในอุโมงค์แสง
เดินได้ไม่กี่ก้าว ลู่ฝานเห็นว่าฉากรอบๆ เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าลู่ฝานคือลานประลองบู๊ พวกลูกหลานตระกูลเทียนสวมชุดขาว กำลังฝึกฝนกันอยู่ เมื่อเดินเข้าไปข้างหน้า สิ่งที่ปรากฏในสายตาคือศาลาพักผ่อนหย่อนใจ มีคนเข้าออกไม่แน่นอน ตัวอักษรขนาดใหญ่คำว่าหอเก็บวิชา ปรากฏอยู่ในสายตา