เสียงเหมือนโลหะกระทบกันดังขึ้นชัดเจน เสียงไม่ดัง ทว่าทุกคนในที่นี้ได้ยินอย่างชัดเจน
ไม่มีเหตุผลอื่นใด แค่ตอนนี้เงียบจนน่ากลัว เหมือนทุกคนกลั้นหายใจมองภาพนี้
สีหน้าลู่ฝานเรียบเฉย เก็บกระบี่หนักไร้คมไว้ข้างหลัง จากนั้นเงยหน้ามองบนท้องฟ้า
ที่ตรงนั้น ตอนนี้ไท่จื่ออ้าปากค้าง ความตะลึงบนใบหน้า ราวกับมีคนยัดแอปเปิลเข้าไปในปากเขาสองสามลูก จนไม่สามารถปิดปากได้
ส่วนสีหน้าขององค์ชายรองฉินฝานยังดีหน่อย แต่ก็ไม่ได้ดีเท่าไร แค่อ้าปากกว้างน้อยกว่าเท่านั้น
ลู่ฝานละสายตาออกมา เดินช้าๆ ลงมาจากลานประลอง
ลานประลองที่โดนการต่อสู้ทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี ตอนนี้เหลือความสูงแค่หลายร้อยฟุต ลู่ฝานเดินลงมาอย่างรวดเร็ว
ทุกคนมองเงาของลู่ฝานอย่างเหม่อลอย ในเวลาเดียวกันก็หลีกทางให้ลู่ฝานเดิน
ลู่ฝานเดินช้าๆ ไปทางรถม้าของตัวเอง
สิบสามรออยู่ตรงนั้นนานแล้ว และมีเพียงสีหน้าของสิบสามที่ยังปกติ เมื่อเห็นลู่ฝานกลับมา จึงพูดเสียงเบาว่า “เจ้านาย ยินดีด้วยครับ!”
ลู่ฝานรับเจ้าดำมาจากมือสิบสาม แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ไปกันเถอะ เสร็จเรื่องแล้ว กลับไปฉลองเทศกาลเซ่นไหว้ประจำปีอย่างเต็มที่กันเถอะ นายอยากกินอะไร ฉันเลี้ยงนายเอง”
สิบสามส่ายหน้าเบาๆ บังคับรถม้าเคลื่อนตัวออกไปช้าๆ
จนเงาของทั้งสองคนหายลับไป ทุกคนที่อยู่ในงานเพิ่งตั้งสติได้ หลังจากนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้น
“ลู่ฝานชนะแล้ว พระเจ้า ลู่ฝานนักกระบี่แห่งตงหวาชนะจางกวัง!”
“จางกวังแพ้แล้ว อีกทั้งยังโดนฆ่าตายด้วย แปดผู้โดดเด่นพ่ายแพ้ยับเยิน”
“ลู่ฝานแข็งแกร่งมาก ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งขนาดนี้”
“กระบวนท่าสุดท้ายที่เขาใช้ ก็คือพลังทำลายล้างเหมือนกันเหรอ เขาไม่ใช่มนุษย์เผ่ามังกร ทำไมถึงมีเงามังกรเทพทำลายล้างปรากฏขึ้นมาได้!” ……
เสียงตะโกนต่างๆ เสียงพูดคุยมากมาย ทุกคนตื่นเต้นเป็นอย่างมาก พูดคุยเกี่ยวกับภาพเมื่อครู่กันอย่างเสียงดัง
จนกระทั่งตอนนี้ พวกเขายังไม่อยากเชื่อว่าลู่ฝานเอาชนะจางกวังได้
ขนาดฉินซางต้าตี้ยังเงียบอยู่นาน จากนั้นพูดว่า “กลับกันเถอะ สิ่งที่ควรดูก็ดูจบแล้ว”
หลู่เฉิงเซี่ยงกำลังจะพูดอะไร ฉินซางต้าตี้ยกมือขึ้นมาห้ามเขาไว้ทันที
“ไม่ต้องพูด ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น”
หลู่เฉิงเซี่ยงพยักหน้าพูดอย่างเข้าใจ “ครับ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเตี้ยนเซี่ยตัดสินใจ”
ฉินซางต้าตี้กับหลู่เฉิงเซี่ยง เดินออกมาจากกลุ่มคนช้าๆ
ทว่าหลังจากที่พวกเขาเดินออกไป ผู้ชายที่ยืนข้างฉินซางต้าตี้มาตลอดพูดว่า “เอ๊ะ เมื่อกี้ข้างฉันมีคนหรือเปล่า ทำไมฉันจำอะไรไม่ได้เลย นี่ เจ้าจาง เมื่อกี้ข้างฉันมีคนหรือเปล่า”
“มีกะผีน่ะสิ ฉันอยู่ข้างๆ นายตลอด มีคนที่ไหนกันล่ะ!” ……
ทางด้านนี้ เทียนชิงหยางเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพูดว่า “ดูเหมือนเราต้องกลับไปสืบให้แน่ชัดแล้วว่าลู่ฝานคือใคร”
สุ่ยสือฉวนพูดว่า “ใช่ เขาเป็นภัยคุกคามแล้ว”
ถานไถเก๋อพูดว่า “งั้นพวกนายค่อยๆ สืบ ฉันยังต้องไปดูหนุ่มหล่อ”
ทั้งสามคนมองหน้ากัน แล้วหัวเราะออกมา จากนั้นหันหลังเดินออกไป
หลิ่วเจินมองหานหยวนหนิงแล้วพูดว่า “ได้ยินว่าลู่ฝานสนิทกับตระกูลหานของพวกนายเหรอ”
หานหยวนหนิงพูดว่า “เคยเจอกันไม่กี่ครั้ง แต่เขาโดนตระกูลหานของฉันไล่ออกไปแล้ว”
สือเฉินพูดว่า “น่าเสียดาย นี่ถ้าย้อนไป ผู้อาวุโสตระกูลหานของพวกนายคงไม่เสียใจนะ”
หานหยวนหนิงกัดฟัน ไม่ได้ตอบ หานสงที่ยืนอยู่ด้านหลังไม่ห่างจากหานหยวนหนิงเท่าไร กลับกำหมัดแล้วพูดเบาๆ ว่า “ทำได้ดี ทำได้งดงาม ฮ่าๆ ลู่ฝาน ทุกครั้งฉันคิดว่านายเอาพละกำลังออกมาแล้ว ที่แท้ก็โกหกทั้งนั้น นี่สิคือพลังแท้จริงของนาย ให้ตายเถอะ หานเฟิงที่เป็นศิษย์พี่ของนาย จะไม่เก่งกว่านี้เหรอ ดูเหมือนฉันต้องปลีกวิเวกจริงๆ แล้วล่ะ”