บทที่ 21 โชคชะตาเล่นตลก
ทั่วทั้งหลงเจียงสะเทือนเลือนลั่น
พิธีเปิดสาขาสมาคมการแพทย์ที่หลงเจียง เป็นเพียงแค่เวทีเท่านั้น
เหล่าบุคคลสำคัญผู้มีอิทธิพลจากทั่วทุกสารทิศ รวมไปถึงสตรีสูงศักดิ์ที่ติดป้ายทิวลิป เป็นเพียงแค่ตัวประกอบเท่านั้น
พระเอกคนสำคัญ ไม่มีใครรู้ชื่อแซ่ของเขา
ผู้คนรู้แค่ว่า เขาเป็นราชาเทพผู้ซึ่งมากความสามารถ
เช้าตรู่ หลังจากที่ฉินเทียนทำความสะอาดใบหน้าของซูซูอย่างระมัดระวังแล้ว ก็เข็นเธอออกจากบ้านไป
หยางยู่หลันคอยตามอยู่ข้างๆอย่างวิตกกังวล
เดิมทีเธอไม่ได้อยากจะมาเลย แต่ฉินเทียนบอกเธอว่า บางทีอาจจะขอให้หวางโป๋เหนียนช่วยดูอาการของซูซู
หรือว่า ฉินเทียนคนนี้จะมีความสัมพันธ์อะไรกับหวางโป๋เหนียนของสมาคมการแพทย์อย่างนั้นเหรอ ?
ด้วยเหตุนี้ เธอก็จึงตั้งใจแต่งตัวอย่างพิถีพิถัน
ห้าปีมานี้ จากสตรีชนชั้นสูงเธอกลายมาเป็นแม่ค้าที่ขายผักอยู่ในตลาด
ตอนนี้พอมาแต่งเนื้อแต่งตัว ความสง่าและมีเสน่ห์เหล่านั้นก็ปรากฏขึ้นมา
ราวกับหยกที่ถูกเจียระไนไปตามกาลเวลา ชาที่ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี นานวันไปก็ยังคงหอมหวน
ฉินเทียนอดที่จะทอดถอนใจไม่ได้ คงมีเพียงผู้หญิงแบบนี้เท่านั้น ที่จะให้กำเนิดลูกสาวอย่างซูซูได้
มาถึงยังสถานที่จัดงาน มีรปภ.ยืนปฏิบัติหน้าที่อยู่ไกลๆ
ยานพาหนะทุกคัน ต้องจอดไว้ที่ด้านนอก ไม่ว่าแขกจะสูงศักดิ์แค่ไหน ก็ต้องเดินเข้าไปในงาน
ไม่ค่อยมีให้เห็น แขกเหรื่อที่มาเข้าร่วมงาน ต่างก็ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี ไม่มีใครบ่นเลยสักคน
แต่ละคนดูเคารพนบนอบ ราวกับจะไปแสวงบุญ
นี่เป็นเพียงแค่ด่านแรก
ฉินเทียนเข็นรถเข็นซูซู กับหยางยู่หลันหลังจากที่ได้รับการตรวจ ก็กำลังจะเข้าไป
มีรถคัลลิแนนคันหนึ่งหยุดลงตรงหน้า และมีซูหนานเดินลงมา
เมื่อซูหนานเห็นซูซูกับฉินเทียน ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะร่วน
“นี่คนแซ่ฉิน สถานที่แบบนี้นายก็ยังกล้ามาเหรอ ? ”
“นายคงไม่คิดว่า ราชาเทพจะรักษาเมียที่พิการของนายหรอกนะ?”
“นายจะตลกเกินไปแล้ว!”
“ราชาเทพเขาเป็นใคร นั้นมังกรเทพบนฟ้าบนสวรรค์เชียวนะ!เมียนายก็แค่เศษไม้ใบหญ้าเท่านั้น”
“อย่ามาทำขายหน้าที่นี่ รีบไสหัวไปซะ !”
ใบหน้าฉินเทียนเรียบเฉย เขาขี้เกียจจะมาโต้เถียงกับผู้หญิงที่หยาบคายอย่างซูหนาน
แต่ว่า เมื่อเห็นอีกฝั่งของรถคัลลิแนน มีคนคนหนึ่งที่สวมแว่นขอบทองลงมา คุณชายที่ดูสุภาพเรียบร้อย ดวงตาของเขาก็ไหววูบเล็กน้อย
“ที่รัก!”ซูหนานรีบเดินเข้าไปหา กอดไปที่แขนของคุณชายอย่างรักใคร่ พูดเสียงออเซาะ “เรารีบเข้าไปกันเถอะ”
“ครั้งนี้คุณเป็นตัวแทนของครอบครัวในการเข้าร่วมงานนี้ หากผูกมิตรไมตรีกับราชาเทพได้คุณก็จะสามารถรับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัวได้อย่างราบรื่น”
ขณะที่พูด เธอก็แกล้งทำทีเป็นทอดถอนใจ“ต้องดูแลบริษัทที่มีมูลค่ากว่าหลายหมื่นล้าน คิดๆไปแล้วฉันก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย”
“คุณป้า ได้ยินว่าคุณป้าขายผักอยู่ที่ตลาด เงินที่หาได้ในแต่ละวันพอกินพอใช้ไหมคะ?”
“หรือไม่ รอให้หนูกับสามีได้เข้าไปดูแลบริษัทของตระกูลอู๋แล้ว จะให้ป้าไปเป็นหัวหน้าแม่บ้านดีไหมคะ?”
หยางยู่หลันอารมณ์ซับซ้อน พูดเสียงเบากับฉินเทียน “เขาคืออู๋เฟยของตระกูลอู๋ ”
มีคำหนึ่งที่เธอไม่ได้พูดออกไป นั่นก็คือ ห้าปีก่อนในวันไหว้พระจันทร์ อู๋เฟยไปที่ตระกูลซู เดิมทีจะไปขอซูซูแต่งงาน
ไม่คิดว่า การที่ซูซูแอบออกไปเงียบๆ จะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นกับฉินเทียนที่เป็นพนักงานส่งอาหารได้
เป็นผลให้ซูหนานได้โอกาสนี้ไป เป็นคุณนายน้อยของตระกูลอู๋
ชะตากรรมของคนทำไมถึงได้แปลกประหลาดแบบนี้กัน?
หากวันไหว้พระจันทร์เมื่อห้าปีที่แล้ว ซูซูไม่ได้ออกไปข้างนอก แต่อยู่สังสรรค์กับครอบครัวและตอบตกลงการขอแต่งงานของอู๋เฟย
อย่างนั้นแล้วคนที่ยืนอยู่ข้างๆอู๋เฟยในตอนนี้ ก็คงจะเป็นลูกสาวของตัวเองใช่ไหม ?
ทุกอย่างของซูหนานไม่ว่าจะด้านไหน เห็นชัดว่าสู้ลูกสาวของตัวเองไม่ได้เลย
ลูกสาวตัวเอง สมควรที่จะเป็นคุณนายน้อยของครอบครัวที่ร่ำรวยและมีอำนาจนี้!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขามองไปยังอู๋เฟยผู้ซึ่งมีความสามารถ แล้วมองไปยังฉินเทียนที่อยู่ตรงหน้า รู้สึกว่า ช่างโชคร้ายเสียจริง!
หากเทียบกับอู๋เฟย ฉินเทียนมีอะไร ?
“อู๋เฟย?”
ฉินเทียนขมวดคิ้ว และพูดว่า“คุณชายเฟย?”
อู๋เฟยมองไปที่ฉินเทียน ดวงตาอ่อนโยนหลังเลนส์แว่น มีความอาฆาตแค้นปรากฏ
เขาเค้นเสียงหึ“นายเป็นใคร กล้าดียังไงมาเรียกชื่อฉัน!”
พูดจบ ก็ไม่สนใจฉินเทียน แต่เดินมาตรงหน้าซูซู
มองดูซูซู ดวงตาอู๋เฟยซับซ้อน เขาพูดเสียงเบา“คุณป้า ซูซูยังมีความหวังที่จะรักษาได้ไหมครับ ? ”
นั้นคืออารมณ์ความรู้สึกหนึ่งที่ความรักก่อเกิดเป็นความเกลียดชัง ไม่ได้ครอบครอง แต่ก็ตัดใจไม่ลง
ซูหนานปรี่เข้ามา กอดไปที่แขนของอู๋เฟย พูดอย่างประหม่า“ที่รัก นี่คุณพูดเหลวไหลอะไรกัน ”
“หมอกี่คนต่างก็ลงความเห็นไปในทางเดียวกัน ว่าเธอจะเป็นยัยโง่ที่ต้องนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต รักษาไม่หายแล้ว !”
“เรารีบเข้าไปด้านในกันเถอะ !”
กล้ามเนื้อใบหน้าของอู๋เฟยกระตุก จ้องมองไปยังฉินเทียน กัดฟันและพูดว่า“ลาภลอยของไอ้สารเลวอย่างแกแล้วสินะ !”
“ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่พวกแกควรมา อย่าให้ต้องอับอายขายหน้า รีบไสหัวไปซะ!”
พูดจบ ก็เดินตรงไปยังด้านในอย่างกรุ่นโกรธ
ตอนนี้ฉินเทียนในสายตาของเขา มันเป็นการเสียสายตาอย่างมากหากต้องทนมองดู
ไม่ต่างอะไรกับสุนัขจรจัดขอทานข้างถนน
หยางยู่หลันพูดอย่างสิ้นหวัง “ฉินเทียน อย่าดิ้นรนต่อไปเลย ไม่มีบัตรเชิญ เราเข้าไปด้านในไม่ได้หรอก”
“อีกอย่าง ด้วยสถานะที่ต่ำต้อยของเรา หมอเทวดาเขาก็ไม่มาสนใจเราหรอก ”
“ไปกันเถอะ ฉันยังต้องไปทำงานอีก ”
“แม่ครับ”ฉินเทียนพูดอย่างร้อนรน“ไหนๆก็มาแล้ว ลองดูกันก่อนเถอะนะครับ ”
“หรือไม่ ผมจะไปถามกับรปภ.ดู ว่านอกจากบัตรเชิญแล้ว ยังมีวิธีไหนที่จะเข้าไปในงานได้”
เขารีบเดินไปในที่ที่ห่างออกไปไกล พูดกับรปภ.คนหนึ่งว่า“เห็นผู้ชายกับผู้หญิงที่เพิ่งเข้าไปเมื่อกี้นั้นแล้วใช่ไหม?”
“เพิกถอนบัตรเชิญของพวกเขา”
“ครับ!”รปภ.เป็นคนของแก๊งเขี้ยวมังกร
หัวหน้าทีมเหลยเป้า ได้เผยแพร่รูปภาพของฉินเทียนกับบุคคลภายใน และยังได้สั่งการอย่างเด็ดขาด กับบุคคลนี้ ทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด
ดังนั้นคนของแก๊งเขี้ยวมังกรที่ปลอมตัวมาเป็นรปภ.คนนี้ แม้จะไม่รู้สถานะของฉินเทียน แต่เมื่อเห็นหน้าก็จำได้ในทันที ว่าบุคคลนี้คือคนที่พวกเขาต้องเชื่อฟังคำสั่งอย่างเคร่งครัด
เขารีบโทรไปหาศูนย์บัญชาการของหน่วยรักษาความปลอดภัยในทันที
“ฉินเทียน พูดมา ว่านี่คือเรื่องบ้าๆที่แกทำใช่ไหม?”
“ให้ครอบครัวของเราต้องวิบัติ ฉันขอแลกชีวิตกับแก!” ทันใดนั้น ก็มีร่างที่เฒ่าชราพุ่งตรงเข้ามา
เป็นซูเป่ยซาน
เขาคว้าไปที่คอเสื้อของฉินเทียน อารมณ์เดือดพล่าน
รปภ.ที่อยู่ข้างๆถึงกับตาค้าง รีบพุ่งตรงเข้าหา ดึงตัวซูเป่ยซานออก พูดเสียงเย็นเยือก“ ตาเฒ่า สมองเลอะเลือนแล้วหรือไง ?”
“รู้ไหมว่าเขาเป็นใคร?”
ซูเป่ยซานตะโกนเสียงดัง“ฉินเทียน แกมันก็แค่ไอ้เด็กส่งอาหาร ลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลซูของเรา เป็นแค่สุนัขตัวหนึ่ง!”
“แกมาหลอกต้มตุ๋นคนที่นี่อีกแล้ว!”
“ไม่เป็นไร ฉันได้บัตรเชิญมาแล้ว อีกเดี๋ยวได้เจอกับราชาเทพ ถึงตอนนั้นฉันจะเล่นงานแกให้ตายเลยคอยดู!”
ซูเป่ยซานโกรธจัด เดินเข้าไปข้างในด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว
เขาไม่ได้นอนมาหลายวันแล้ว ดวงตามีเส้นเลือดฝอยสีแดง
ชะตากรรมของตระกูล ได้ทุ่มมันไปกับโอกาสครั้งสุดท้ายนี้แล้ว
ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน เขาจะต้องร้องขอการคุ้มครองดูแลจากราชาเทพให้ได้ !
รปภ.พูดอย่างโกรธเคือง “คุณผู้ชาย จะเพิกถอนบัตรเชิญของเขาด้วยไหมครับ?”
ฉินเทียนยิ้มเยาะแล้วพูดว่า“ไม่ต้อง ให้เขาเข้าไป ”
“เอ่อว่าแต่ คุณชื่ออะไรครับ ?”
รปภ.นิ่งไปชั่วครู่ แล้วพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ผมชื่อหม่าห้าว พวกเขาเรียกผมว่าเสี่ยวหม่าครับ!”
“เสี่ยวหม่า ขอบคุณนะ”
ฉินเทียนกลับมาอย่างรวดเร็ว พูดกับหยางยู่หลันว่า“แม่ครับเราเข้าไปกันเถอะ”
“รปภ.ที่ชื่อเสี่ยวหม่า บอกว่าให้สิทธิ์สำหรับบุคคลภายในกับพวกเราได้ ถึงเวลาเราแค่แจ้งชื่อของเขาก็พอครับ ”
“จริงเหรอ?”หยางยู่หลันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง