“คุณสามารถรักษาได้?”
ในชั่วพริบตาเดียว ในดวงตาของซูเป่ยฉี ก็มีความสว่างไสวออกมาอย่างประหลาด
แต่ว่าแปปเดียว ความสว่างไสวนี้ก็หม่นลงไป
เขาส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มขมขื่น พูดไปว่า:“หลายปีมานี้ ผมยอมรับชะตากรรมแล้วว่า รักษาไม่ได้แล้ว”
“ฉินเทียน พูดถึงเรื่องนี้ ผมอาบน้ำร้อนมาก่อน จึงอยากจู้จี้กับคุณเล็กน้อย”
“พูดตรงๆ นะ ซูซูแต่งงานกับคุณ ตอนนั้นผมก็ต่อต้าน แต่ว่าตอนนี้ผมคิดได้แล้ว”
“แค่คุณปฏิบัติต่อซูซูด้วยความจริงใจ ใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุข นั่นก็เพียงพอแล้ว”
“ผมรู้ คุณอยากจะแสดงให้เห็น แต่คนหนุ่มสาวนะ?ปฏิบัติจริงจะดีกว่า”
“คุณเข้าใจความหมายของผมไหม?”
ความหมายของเขานั้นชัดเจนมาก รู้สึกว่าฉินเทียนชอบพูดโอเวอร์ ไม่สมจริง
“ผมเข้าใจ”ฉินเทียนยิ้ม:“ก็แค่ ไม่ลองสักหน่อย จะรู้ได้ไงล่ะ?”
ซูเป่ยฉีขมวดคิ้ว ใบหน้าดูไม่พอใจเล็กน้อย เขาพูดชัดเจนมากแล้ว ทำไมวัยรุ่นคนนี้ถึงได้ดื้อรั้นแบบนี้?
คนหนุ่มสาวสมัยนี้ ไม่น่าเชื่อถือเลย
ด้านข้าง ซูซูที่นั่งอยู่บนรถเข็น มองฉินเทียน จากนั้นทำท่าเหมือนคิดอะไรอยู่
ทันใดนั้นเธอก็พูดว่า:“คุณปู่รอง ไม่งั้น ให้เขาลองดูไหมคะ?”
“ถ้ารักษาไม่ได้ ยังไงก็ไม่เสียหายอะไร ถ้าหาก ฉันหมายถึงถ้าหาก ได้ผลล่ะ?”
แม้แต่เธอก็ยังยากที่จะเชื่อ แต่มองดูสภาพฉินเทียนที่มั่นใจแล้ว ในใจของซูซู จู่ๆ ก็มีความคิดแปลกๆ ขึ้นมา
ซูเป่ยฉีไม่อยากหักหน้าซูซู จึงยิ้มอย่างช่วยไม่ได้:“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นตามผมมา”
เขาจับไม้เท้า พาฉินเทียนกับซูซู มาที่ห้องเล็กๆ ห้องหนึ่งด้านหลัง
“เอ่อ ฉันต้องหลบไหม?”ซูซูพูดกับฉินเทียน สีหน้าอึดอัดเล็กน้อย
ฉินเทียนรู้ เธอนึกถึงเรื่องที่รักษาแล้วต้องถอดเสื้อผ้า
“ไม่ต้อง”
“คุณปู่รอง คุณนอนลง”
“กางเกงตัวนี้ใส่มานานแล้ว ตอนนี้คุณกลับมาอย่างมีเกียรติ ควรเปลี่ยนเป็นตัวใหม่ได้แล้ว”
“ผมจะช่วยคุณทำลายมันเอง”
พูดไป เขาก็ใช้กรรไกร ตัดขากางเกง บนขาข้างนั้นที่หักของซูเป่ยฉี
ขาข้างนี้แห้งเหี่ยว ราวกับกิ่งไม้อายุมากที่ขาดสารอาหาร
เปลือกตาซูซูกระตุก แต่ว่า ความสนใจของเธอ ถูกกระตุ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็นอย่างรวดเร็ว ดวงตาคู่นั้นจ้องไปที่ฉินเทียน
ใบหน้าของฉินเทียนจริงจังขึ้นมา เขาเหยียดนิ้วออกไปสามนิ้ว บีบไปที่จุดฝังเข็มหลายจุดและบริเวณที่กระดูกหัก และพูดไปว่า:
“กระดูกหัก”
“เพราะว่ารักษาไม่ทันเวลา ทำให้เส้นเอ็นหดตัว เลือดอุดตัน”
“คุณปู่รอง น่าจะเจ็บเล็กน้อย ต้องอดทนไว้นะ”
เขาพลิกมือ ชั่วพริบตาเดียว บนขาข้างนี้ ก็ถูกแทงด้วยเข็มเล็กๆ สีดำไปทั่ว
ทันใดนั้น ขาแก่ๆ ที่เหี่ยวแห้งนั้น ก็เปลี่ยนเป็นชุ่มชื่นเลือดฝาด
ซูเป่ยฉีแค่รู้สึกถูกแทง ปวด คัน ราวกับมดคันไฟจำนวนมากเจาะเข้ามาในร่างกาย
ถึงแม้เขาจะมีการควบคุมอารมณ์ตัวเองมาก กัดฟันแน่น แต่ก็ยังส่งเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวด จากช่องลอดฟันอย่างทนไม่ไหว
ซูซูประหม่าจนฝ่ามือเหงื่อออก เธอกำฝ่ามือไว้แน่น
เธอที่เรียนแพทย์แผนจีนมาตั้งแต่เด็ก จึงเข้าใจเรื่องการฝังเข็มเป็นอย่างดี แต่ยังไม่เคยเห็นวิธีการที่แปลกเช่นนี้มาก่อน
เธอเห็นฝ่ามือของฉินเทียน มีประกายสีแดงขึ้นมา ราวกับหัวแร้ง ก็อดไม่ได้ที่จะปิดปากอย่างตกใจ
ใบหน้าของฉินเทียนยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้น ภายใต้การนวดแบบแพทย์แผนจีนของฝ่ามือสีแดงของเขา เข็มเล็กๆ สีดำที่แทงไปบนขาของซูเป่ยฉี ราวกับถูกแผดเผา และค่อยๆ กลายเป็นสีแดงเข้ม
“โอ๊ย!”ในที่สุดซูเป่ยฉีก็ร้องออกมาอย่าทนไม่ไหว
“เสร็จแล้ว!”ฝ่ามือสุดท้ายของฉินเทียนตบไป เข็มเหล่านั้นที่แทงไปบนขาของซูเป่ยฉี ก็เด้งออกมาทั้งหมด
เขาปล่อยท่าไปกลางอากาศ เก็บเข็มทั้งหมดออกไป จากนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ฉินเทียนถอนหายใจออกมา ใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม พูดว่า:“นายท่าน คุณลองดู ขามีความรู้สึกแล้วใช่ไหม?”
ซูเป่ยฉีรู้สึกว่าทั้งร่างกายเต็มไปด้วยกระแสน้ำอุ่น เขานั่งขึ้นมาตามสัญชาตญาณ
กลับพบว่า ขาที่ใช้การไม่ได้ข้างนั้น ขยับได้แล้ว
“หายดีแล้ว?”
“ผมหายดีแล้วจริงๆ หรือ?!”ภายใต้ความตื่นเต้น เขาพลิกตัวลงเตียง จนเกือบจะล้ม
ฉินเทียนรีบไปประคองเขา แล้วพูดว่า:“ผมเพิ่งก่อรูปกระดูกใหม่ให้คุณ ขุดลอกเส้นเอ็นให้ แต่ยังต้องฟื้นตัวช้าๆ”
“ประมาณสามเดือน”
“ถึงตอนนั้น น่าจะเหมือนคนปกติอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว”
ซูเป่ยฉีนอนอยู่บนเตียง ก้มหัวให้ฉินเทียน
เขาน้ำตาไหลด้วยความตื่นเต้น พูดว่า:“หลานเขย คุณเป็นคนอัศจรรย์จริงๆ!”
“ตอนนี้ผมถึงรู้ว่า ตอนนั้นทำไมซูซูถึงต้องแต่งกับคุณ ที่แท้คุณก็มีอะไรซ่อนไว้ลึกๆ นี่เอง!”
“คุณช่าง มีพระคุณต่อชีวิตผมมากจริงๆ!”
นึกถึงเมื่อกี๊ที่เขายังสั่งสอนฉินเทียนว่าอาบน้ำร้อนมาก่อน ชายชราก็ตบหน้าด้วยความสำนึกผิด
……
ทางที่กลับไป ซูซูนั่งข้างคนขับ ไม่พูดอะไรเลย
มองฉินเทียนบ้างเป็นครั้งคราว ในดวงตาของเธอมีความไม่คุ้นเคยเล็กน้อย และความขี้ขลาด
ในที่สุดตอนนี้เธอก็รู้แล้วว่า ตัวเองมองผู้ชายคนนี้ผิดไป
“ที่แท้ไม่ถอดเสื้อผ้าก็รักษาได้……”ในที่สุด เธอก็พูดอย่างคับแค้นใจ
นึกถึงตอนที่ชายคนนี้ต้องให้ตัวเองถอดเสื้อผ้าให้ได้ ถึงจะรักษาให้ตัวเองได้ ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำราวกับดอกท้อในเดือนมีนาคม
ฉินเทียนเวลานั้น ดูหมกมุ่นเล็กน้อย
“ลามกเอ๊ย!”ซูซูสึกถึงสายตาที่เร่าร้อน ตื่นตระหนกข้างในใจ พูดออกมาอย่างโมโห
ฉินเทียนจึงรู้สึกตัว รีบพูดว่า:“อาการของคุณปู่รองไม่เหมือนกับคุณ”
“ไม่เหมือนตรงไหน?”ซูซูไม่ยอมรับ
“เขาเจ็บที่ขาข้างหนึ่ง ส่วนคุณขาสองข้าง”
“เขาได้รับบาดเจ็บ เพราะถูกคนตีไปที่ขาด้วยไม้กระบอง ส่วนคุณกระโดดลงมาจากชั้นบน ทำให้คุณบาดเจ็บไปทั้งตัว”
“ซูซู คุณเชื่อผมสิ——”
“ไม่ต้องพูดแล้ว!”ซูซูหันหน้าไปอย่างเขินอาย จนกระทั่งถึงบ้าน ก็ไม่พูดอะไรอีก
ตอนลงจากรถ ฉินเทียนก็เหมือนเคย อุ้มเธอมาจากที่นั่งข้างคนขับ
เธอหลบสายตา อย่างไร้ที่พักพิง
“พวกแกกลับมาแล้วหรือ?”
“รีบเข้ามาสิ แม่จะฉลองความสำเร็จให้พวกแก!”
“ฉันก็มีข่าวดีจะบอกพวกแม่ด้วย!”
พ่อค้าเหล่านั้นที่หยางยู่หลันเคยติดต่อไว้ อีกฝ่ายตกลง ให้ความร่วมมือต่อไปได้
มีแหล่งสินค้าแล้ว มีช่องทางการขายแล้ว อนาคตสดใสจริงๆ!
เพื่อความสุขหลังจากเครียดมานาน หยางยู่หลันกับซูซูปรึกษากันว่า จะจัดพิธีการ ในอีกสามวัน
และนี่ ก็ถือเป็นการประกาศอย่างเป็นทางการต่ออุตสาหกรรมด้วย
เพียงแค่สีหน้าของซูซู ดูแปลกอยู่เสมอ หยางยู่หลันยังคิดว่าเธอกำลังต่อต้านฉินเทียน ก็อดไม่ได้ที่จะโน้มน้าว:
“ซูซู ตอนนี้ลูกน่าจะรู้แล้วว่า ฉินเทียนจริงใจต่อลูกนะ?”
“และอีกอย่างที่พวกเรามาถึงจุดนี้ ก็เพราะความช่วยเหลือของฉินเทียนไม่น้อยเลย พวกแกก็เป็นสามีภรรยาตามกฎหมายนานแล้วด้วย”
“แก——”
“แม่ ฉันเหนื่อยแล้ว กลับห้องก่อนนะ”
ซูซูตัดบทหยางยู่หลัน ส่วนตัวเองเข็นรถเข็น ไปที่ห้อง
พอถึงหน้าประตู ก็พูดจาฟังดูลวกๆ ว่า:“แม่ คืนนี้ฉันอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว”
“แกไปนอนห้องตัวเองละกัน”
ตลอดมานี้ เพื่อดูแลซูซู สองแม่ลูกต่างนอนเตียงเดียวกัน
หยางยู่หลันไม่กล้าไม่เชื่อฟัง เธอกังวลอย่างมาก
เธอกลัวฉินเทียนไม่วางใจ จึงพูดปลอบ:“ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ซูซูก็เป็นคนป่วย ฉินเทียน แกก็ยอมหน่อยนะ”
“ไม่ต้องห่วงครับแม่”
ทั้งสามคน ต่างเข้าไปในห้องใครห้องมัน พร้อมเรื่องในใจ
จนเที่ยงคืน บนโลกเงียบสงัด ฉินเทียนกำลังนั่งขัดสมาธิฝึกลมปราณบนเตียง ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง
เขารีบหยิบมาดู เป็นข้อความที่ซูซูส่งมา
เนื้อหามีเพียงคำสองคน:“มานี่”