นี่เป็นไปได้ยังไง
ทายาทเจ้าของเก่า“บัญชาพญายม”เห็นชัดว่าอยู่ในมือของเขา อีกทั้งบนโลกนี้มีเพียงชิ้นเดียว
เจียงว่านทาวพวกเขาได้รับบัญชาพญายมแล้วไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะต้องเป็นของปลอมแน่นอน
อย่างนั้นเป็นใครคิดไม่ถึงว่าจะกล้าสวมรอยเป็นบัญชาพญายม? ในดวงตาของฉินเทียนปรากฏความคิดที่จะฆ่าออกมา
“คุณฉิน เชิญคุณไปพูดข้างในบ้านเถอะ” เจียงว่านทาวเห็นฉินเทียนไม่ไปแล้วอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น
“พูดตามตรงบัญชาพญายมไม่อยู่กับผมที่นี่ อยู่ในมือผู้นำจินของพวกเรา”
“ผมก็เพิ่งได้รับข่าวจากผู้นำจินในตอนเช้าวันนี้ พูดว่าเขาตื่นแต่เช้าตอนที่จุดธูปไหว้ทำความเคารพกวนเอ้อเย่พบป้ายชิ้นนั้นก็วางบนโต๊ะบูชาของกวนเอ้อเย่”
“อานุภาพของบัญชาพญายมในยุทธภพไม่พูดก็รู้ แต่ตั้งแต่ไหนมาก็มีด้านดีและด้านชั่วร้าย”
“มีคนพูดว่ามันลงโทษคนชั่วที่ทำเรื่องเลวร้ายโดยเฉพาะและก็มีคนพูดว่ามันฆ่าคนที่บริสุทธิ์อย่างไม่สนใจ เลวร้ายมากจนไม่น่าให้อภัย”
“แต่ไม่น่าสงสัยแม้แต่นิดขอแค่เป็นสถานที่ที่บัญชาพญายมปรากฏตัวจะต้องมีภัยพิบัติถูกฆ่า!”
“ไม่มีคนสามารถหลุดพ้นจากการลงโทษของมันได้”
“ครั้งนี้องค์กรที่ลึกลับอันนี้ได้เล็งเป้าพันธมิตรฉู่ของพวกเราแล้ว”
ฉินเทียนฟังอยู่อย่างเงียบ ๆ จากนั้นพูด“พวกคุณเตรียมที่จะทำยังไง?”
“คือยอมศิโรราบต่อบัญชาพญายมหรือต่อสู้ให้ถึงที่สุด?”
เจียงว่านทาวมีท่าทางที่ตื่นเต้นพูดเสียงดังว่า“ความคิดผมคนเดียวไม่เพียงพอที่จะเป็นตัวแทนความมุ่งมั่นของพันธมิตรฉู่”
“คุณฉิน ถ้าหากคุณยินยอมสามารถตามผมไปที่ห้องผู้นำพร้อมกันได้”
“ถึงเวลานั้นคุณดูก็รู้แล้ว”
ฉินเทียนพยักหน้าแล้วพูดว่า“ไปเถอะ”
เรื่องเชื่อมโยงถึงบัญชาพญายม เขาไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถปล่อยไปได้
สองคนออกจากห้องลับหันเดินไปด้านนอก
“หยุด!”เสียงคำรามด้วยความโกรธเสียงหนึ่ง เถียปี้ที่อยู่ด้านข้างก็บุกมาอีก
เขาก็เป็นชายชาตรีจริง ๆ กระดูกนิ้วมือถูกฉินเทียนทำให้หักแล้ว เลือดสดกระเซ็นแต่เขาเหมือนไม่รู้ถึงความเจ็บอย่างนั้น
เจียงว่านทาวย่นคิ้วแล้วพูด“เถียปี้ พวกเราเป็นคนฝึกฝนศิลปะวิชาการต่อสู้ ที่สำคัญที่สุดก็คือยอมเข้ารวมการเดิมพันแล้วก็ต้องยอมรับผลอย่างจริงใจ”
“เรื่องจริงพิสูจน์แล้วการฝึกฝนของนายและคุณฉินแตกต่างกันมาก พัวพันอย่างไร้สาระอีกก็ไม่ใช่หาความลำบากให้ตัวเองเหรอ”
“รีบไปโรงพยาบาลรักษาอาการบาดเจ็บเถอะ”
“เรื่องต่อไปนายก็ไม่ต้องเข้าร่วมแล้ว”
เถียปี้กัดฟันแล้วจู่ ๆ ตึ้งเสียงหนึ่ง คุกเข่าสองข้างลงต่อหน้าฉินเทียน
“นายชนะฉันแล้วต้องรับฉันเป็นลูกศิษย์!”
“อาจารย์!”
ฉินเทียนรีบขยับเท้าลอยมาถึงด้านข้าง ล้อเล่นอะไรอยากเป็นลูกศิษย์ของเขาฉินเทียนก็ไม่ได้ง่ายอย่างนั้น
แต่สำหรับเถียปี้ผู้ชายอย่างแท้จริงที่มีความรับผิดชอบแบ่งแยกบุญคุณความแค้นอย่างชัดเจนชนิดนี้ เขากลับมีความชื่นชมเล็กน้อย
“เอาการสั่งสอนของฉันก่อนหน้านี้ดูดซึมทำให้เข้าใจก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ”
พูดจบเขาก็ลอยออกไป
เถียปี้ตะลึงในตอนนั้น มีปฏิกิริยามาเขารู้ว่าการสั่งสอนก่อนหน้านี้ที่ฉินเทียนพูดมาทั้งหมดก็คือเขาแข็งแกร่งรุนแรงแต่ขาดการเปลี่ยนแปลง
ควรจะเปลี่ยนแปลงยังไงล่ะ?
เขาอดไม่ได้ที่จะเข้าสู่การครุ่นคิด……
ไม่นานฉินเทียนและเจียงว่านทาวก็มาถึงด้านนอกซื่อเหอย่วนสไตล์จีนหลังหนึ่งแล้ว
เพียงเห็นหน้าประตูลานบ้านมีผู้ชายเจ็ดแปดคนยืนอยู่มีท่าทางเตรียมความพร้อมรออยู่แล้ว
ฉินเทียนกวาดตามองแวบหนึ่งตามสบายพบว่าใต้เงามืดข้างกำแพงรอบ ๆ ลานบ้านซ่อนคนมีฝีมือเต็ม ๆ หลายสิบคน
พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในความมืดดวงตาทั้งคู่ว่องไวก็เหมือนเสือชีต้าที่เตรียมพร้อมจู่โจมได้ทุกเวลา
ดูแล้วพันธมิตรฉู่ได้ระดมสมาชิกทั้งหมดแล้ว
“รองผู้นำเจียง!” หน้าประตูมีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาแล้ว
เจียงว่านทาวพยักหน้าแล้วพูดเสียงต่ำว่า“รองหัวหน้าท่านอื่น ๆ และผู้รับผิดชอบต่างก็มาถึงแล้วหรือยัง?”
“ต่างก็มาถึงแล้ว เพียงแค่ขาดรองผู้นำเจียง”
ผู้ชายพูดอยู่ก็มองฉินเทียนแวบหนึ่งอย่างสงสัย“เขาเป็นใคร?”
เจียงว่านทาวพูดด้วยเสียงที่ตื่นเต้นเล็กน้อยว่า“คุณฉินท่านนี้เป็นผู้ช่วยที่ฉันเชิญมา!”
“อ๊ะ?”
ผู้ชายย่นคิ้ว ฉินเทียนมองไปแล้วอายุน้อยมีมีพิษภัยอะไร คนชนิดนี้ก็เหมาะสมที่จะเป็นผู้ช่วย?
เขารู้สึกว่ารองผู้นำเจียงแก่แล้วเลอะเลือนใช่หรือเปล่า
แต่ช่วงเวลาที่สำคัญนี้เขาก็ไม่สนใจมากอย่างนั้น สะบัดมือต่อด้านหลังแล้ว“เปิดประตู”
ในห้องผู้นำนั่งเต็มไปด้วยคนมากมาย สีหน้าของทุกคนเคร่งขรึมทั้งในห้องเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ทั้งเศร้าและฮึกเหิม
บนเก้าอี้กลางห้องมีชายชราผมขาวที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณและแข็งแรงนั่งอยู่คนหนึ่ง นั่นก็คือผู้นำจินหรง
สองสามปีก่อนก็เป็นเขาที่รวมตัวทุกคน เคลื่อนไหวขับไล่อันธพาลคนนั้นที่เป็นภัยพิบัติของฉู่โจวก่อตั้งพันธมิตรฉู่แล้ว
พูดได้ว่ามีคุณธรรมและบารมีสูง
เขาพยักหน้าต่อเจียงว่านทาวกวาดตามองฉินเทียนแวบหนึ่ง พูดอย่างสงสัยว่า“รองผู้นำเจียง, ท่านนี้คือใคร?”
เจียงว่านทาวรีบพูดว่า“ผู้นำจินท่านนี้คือฉินเทียน คุณฉินเป็นผู้ที่มีฝีมือสูงที่ผมเชิญมาเขายอมที่จะรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกเรา”
“รองผู้นำเจียงคุณก็ทำลวก ๆ มากไปแล้วมั้ง?”
“หาคนมาคนหนึ่งตามสบายแล้วก็มาทำหน้าที่เป็นผู้ที่มีฝีมือสูง” ในสถานที่นั้นก็มีเสียงหยอกล้อดังขึ้นมา
พวกเขายังไม่เคยได้ยินมาก่อนในยุทธภพมีผู้ที่มีฝีมือสูงที่ชื่อว่าฉินเทียนด้วย อายุน้อยอย่างนี้จะมีความสามารถอะไร
ตาแก่คนหนึ่งพูดอย่างดูถูกว่า“พันธมิตรฉู่ของพวกคุณสรุปแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่ถึงขนาดที่หิวมากจนกินไม่เลือกหาคนหนึ่งมาทำหน้าที่เป็นผู้ที่มีฝีมือสูงใช่ไหม?”
“ถ้าหากเขาเป็นผู้ที่มีฝีมือสูงงั้นพวกเราคืออะไร?”
เขาชื่อว่าหยางจื้อเจี๋ยเปิดสถานที่ฝึกอบรมศิลปะการต่อสู้อยู่ถือว่าเป็นนักมวยเก่าที่มีชื่อเสียงในมณฑล
“ของพวกเราอย่างนี้ถึงจะเหมาะสมที่จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีฝีมือสูง”
“คนแซ่ฉิน นายอยากจะมีตำแหน่งที่เท่าเทียมกันทั้งสองฝ่ายก็ต้องเอาความสามารถจริง ๆ ออกมาก่อนสิ”
“คนในห้องให้นายเลือกตามสบายใช้มือแสดงอากัปกิริยา เป็นยังไง?”
ลูกศิษย์ที่อยู่ด้านหลังหยางจื้อเจี๋ยเริ่มท้าทาย
ยังไงทุกคนต่างก็เป็นคนที่ฝึกฝนวิชาการต่อสู้ พูดเฉย ๆ ไม่มีหลักฐานต้องเห็นความสามารถจริง
เจียงว่านทาวมองไปทางฉินเทียนอย่างเป็นห่วง ถึงแม้ฉินเทียนเอาชนะเถียปี้ได้อย่างสบาย ๆ แต่เขาก็ไม่แน่ว่าจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของคนเหล่านี้ที่อยู่ในห้องได้
ยังไงคนเหล่านี้ต่างก็เป็นผู้ที่มีฝีมือสูงในมณฑลที่พันธมิตรฉู่เชิญมาในสภาวะคับขัน
ฉินเทียนพูดจาง ๆ “ผมไม่ใช่มาทะเลาะกับพวกคุณ”
“แต่มาดูบัญชาพญายม” เขาเอาสายตามองไปทางจินหรงที่อยู่ตรงกลาง
จินหรงมีท่าทางสั่นเล็กน้อย
“นายพูดอะไร?”
“ไอ้หนุ่มน้อย อย่าพูดจาเพ้อเจ้อ!”
“บัญชาพญายมเป็นสิ่งต้องห้าม เป็นสิ่งที่พูดได้ตามสบายเหรอ?” สองสามคนนั่นเมื่อกี้ที่ท้าทายฉินเทียนตำหนิด้วยความโมโหทันที
ฉินเทียนมองจินหรงอยู่ ยิ้มอย่างเย็นชาไม่พูด
จินหรงพูดเสียงหนักว่า“รองผู้นำเจียงสามารถเอาเรื่องนี้บอกกับคุณฉินได้ เห็นได้ว่ามีความเชื่อมั่นต่อคุณฉินมาก”
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ คุณฉินเชิญนั่ง!”
หลังฉินเทียนและเจียงว่านทาวนั่งลงแล้ว จินหรงกัดฟันถึงได้พูด“ที่จริงที่คุณฉินพูดก็ไม่ผิด”
“วันนี้ตอนเช้าตอนที่ผมจุดธูปไหว้กวนเอ้อเย่ก็พบบัญชาพญายมในคำร่ำลือแล้ว”
“พันธมิตรฉู่ของพวกเราตั้งแต่ไหนมามีคุณธรรมสูงมาตลอด ช่วยเหลือทำดีต่อคนอื่น”
“คิดไม่ถึงตัวเองจะเกิดเรื่องโชคร้าย”
“ครั้งนี้เรียกรวมตัวทุกคนมาก็คือปรึกษาเรื่องนี้ว่าควรจะรับมือยังไง”
บัญชาพญายม?
คนอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากรองผู้นำสองสามท่านในสถานที่นั้นยังคงเป็นครั้งแรกที่ได้ยินข่าวน่าตกใจนี้
ทันใดนั้นก็เกิดความไม่สงบขึ้นมาแล้ว
เมื่อกี้นักมวยของสถานที่ฝึกอบรมศิลปะการต่อสู้สองสามคนนั้นที่ดูถูกฉินเทียน ในดวงตาต่างก็เปิดเผยความหวาดกลัวออกมาแล้ว
ยังไงมีคำร่ำลือที่เกี่ยวข้องกับบัญชาพญายม น่ากลัวมากจริง ๆ แทบจะเป็นเครื่องหมายเท่ากับความตาย
จินหรงพูดต่อว่า“ไม่เพียงเป็นป้าย ฝ่ายตรงข้ามยังทิ้งกระดาษโน๊ตไว้แผ่นหนึ่ง”
“ต้องการให้ผมนำสมาชิกของพันธมิตรฉู่ทั้งหมดคุกเข่าลงต่อหน้าคนในเมืองทั้งหมดในงานดอกเบญจมาศที่กำลังจะดำเนินการขึ้นแล้วหักแขนตัวเอง”
“จากนั้นไสหัวออกไปจากฉู่โจว สาบานว่าจะไม่ก้าวเหยียบมาอีกแม้แต่ก้าวเดียว”
“ถ้าหากทำตาม พวกเขาก็จะปล่อยพวกเราให้มีชีวิตรอด”
“ถ้ากล้าต่อต้าน พันธมิตรฉู่ก็ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว”
ทุกคนสูดอากาศเย็น องค์กรที่อยู่เบื้องหลังบัญชาพญายมทำเรื่องอย่างอำมหิตมากไปแล้ว
คิดไม่ถึงต้องการฆ่าพันธมิตรฉู่ให้ตายทั้งหมด!