บทที่ 131 เหยี่ยวล่านก
ในตอนที่ฉินเทียนและหลิวเสี่ยวฮัวเดินเข้าไปในลานสกี รถสีดำขนาดเล็กขับพุ่งเข้ามาแล้วจอดลง คนข้างในรถ ปรากฏตัวสักที
เป็นเหล่าคนผิวขาวที่จมูกโด่งตาตก
เพียงแต่ว่า พวกเขาใช้ผ้ามายากลโพกศีรษะ บางหน้าไว้
มองดูแล้ว ถึงแม้จะเป็นลักษณะการเที่ยวชมสถานที่ แต่ว่าฉินเทียนมองดูจากจังหวะก้าว ท่าทางของมือ รวมถึงสไตล์บนตัวของพวกเขา แค่มองก็รู้แล้ว ว่าทั้งหมดทั้งมวลเป็นนักฆ่ามืออาชีพ
อีกอย่าง บนมือของแต่ละคน แนบติดเต็มไปด้วยคาวเลือด
กระเป๋าเป้อันหนักหน่วงของพวกเขา น่าจะบรรจุอาวุธที่อันตรายถึงชีวิต
“เยี่ยมไปเลย!”
“ครั้งก่อนที่ฉันมาที่นี่ เธอไม่รู้ คนเยอะจนทนไม่ไหว”
“ตอนนี้สงบมากเลย รีบไปกัน!”
“ในขณะที่ฟ้ายังไม่มืด พวกเราเปลี่ยนชุด ไปเล่นก่อนสักพัก”
หลิวเสี่ยวฮัวตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ลากตัวฉินเทียน ไปเช่าอุปกรณ์สกีอันเชี่ยวชาญมาสองชุด ทำรถรางที่ใช้โดยเฉพาะ ขับตรงไปยังลานสกีที่อยู่บนดอย
พวกคนขาวเหล่านั้น รีบเปลี่ยนอุปกรณ์ทันที ตามขึ้นมา
ในลานสกี มีเพียงคนเศษเล็กเศษน้อย แต่ว่าพวกเขาเล่นสักพัก ก็ได้กลับไปก่อน
เหลือเพียงแค่หลิวเสี่ยวฮัว、ฉินเทียน รวมถึงเหล่าคนขาวที่ตามมาด้านหลังอย่างไม่ไกล้ไม่ไกล
“ฟ้าไกล้มืดแล้ว ฉันส่งเธอกลับไปก่อนเถอะ”
ฉินเทียนรับรู้ ฝ่ายตรงข้ามจะลงมือแล้ว อยากให้หลิวเสี่ยวฮัวหนีไป
ใครจะไปรู้ หลิวเสี่ยวฮัวเล่นอย่างสนุกสนาน ไม่ยอมไปเลย
“วันนี้เป็นวันที่พิเศษ คุณฉิน ขอบคุณที่เธอสามารถอยู่เป็นเพื่อนฉันในการผ่านพ้นวันนี้” หน้าเธอเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
“หืม?”
ฉินเทียนอึ้งไปสักพัก “เป็นวันพิเศษอะไรหรือ?”
“ค่อยบอกเธอช้าหน่อยละกัน”
“มา พวกเราเตรียมพร้อมกันหน่อย ไปเล่นอีกรอบ”
“คุณฉิน เธอบอกว่าเมื่อก่อนไม่เคยเล่นสกี ฉันไม่เชื่อหรอก เธอเล่นได้ดีขนาดนี้”
“มาเร็ว มาไล่ฉันสิ!”
เธอสไลด์ไปข้างหน้าเว้นความห่างได้ระยะหนึ่ง หันหัวเรียกฉินเทียน
“ระวัง!” ณ ตอนนี้ ฉินเทียนได้เห็น พวกเหล่าคนขาวที่ใช้ผ้ามายากลโพกศีรษะ มาจากหลายทิศทาง พุ่งเข้ามา
หลิวเสี่ยวฮัวตกใจ สเก็ตบอร์ดบังคับไม่อยู่ พุ่งไปยังกองหิมะกองหนึ่ง ขว้างคนทั้งเป็น
ฉินเทียนรีบเคลื่อนขยับสเก็ตบอร์ดตรงใต้เท้า พุ่งเข้ามาหา ช่วงเวลากระชั้นชิด รับตัวเธอไว้
เดิมหลิวเสี่ยวฮัวคิดว่าจะล้มอย่างเสียโฉม ปิดตาไว้ จากหน้าที่สวยงามตกใจจนซีดไร้สีสันไปหมด
สะดุดเป็นโอบกอดที่ด้วยน้ำใจโอบอ้อมอารีอย่างไม่เคยคิดมาก่อน ลืมตาขึ้น เห็นสีหน้าฉินเทียนอันแข็งแกร่ง ช่วงขณะนั้น ได้เป็นคนปัญญาอ่อนไปแล้ว
ตอนสติกลับมา สีหน้าเธอแดงฉ่ำ รีบลงจากอ้อมกอดของฉินเทียน อยากพูดอะไร ในตอนนี้ เสียงเพิงเพิงเพิง!
เสียงปืนอันปนเปกันได้ดังขึ้น ปล่อยกระสุน ยิงไปยังบริเวณรอบตัวของฉินเทียน เกล็ดหิมะได้ค่อยๆลอยขึ้น
หลิวเสี่ยวฮัวกรี๊ดทีหนึ่ง กอดฉินเทียนไว่อย่างแน่น
พวกเหล่าคนขาว มือได้ถือปืนไว้ ทำให้สเก็ตบอร์ดเคลื่อนที่ พุ่งเข้ามา
“อย่าขยับ พวกเธอโดนจับกุมแล้ว” หัวหน้าพวกคนพาลคนหนึ่ง เปิดผ้ามายากลที่บังหน้าออก หน้าด้านซ้ายมีรอยแผลเป็นที่หนึ่งขนาดใหญ่เท่าเล็บมือ
เหมือนกับว่าเหลือไว้จากกระสุนเฉียดผ่านหน้า
“พวกคุณเป็นคนอะไร? อยากจะทำอะไร?” หลิวเสี่ยวฮัวไตร่ถามอย่างตื่นตระหนก
ผู้ที่มีแผลเป็นยิ้มกว้างทีหนึ่ง เอ่ยว่า “คนสวย ไม่ช้า เธอก็จะรู้เอง”
เขาได้โทรสารดาวเทียมสายหนึ่ง อย่างรวดเร็ว เฮลิคอปเตอร์สีดำลำหนึ่งหมุนตัวทำการลดระดับลง มีคนพาลถือปืนยิงเร็วสองคนโดดออกมาจากด้านในอีก
“พากลับเขตฐาน บอกให้พี่ใหญ่ สามารถขอค่าไถ่ได้แล้ว”
“ตั้งใจทำตามคำสั่ง ขึ้นไป!”
พวกเขามัดมือทั้งสองข้างของฉินเทียนและหลิวเสี่ยวฮัว ดันขึ้นไปยังเฮลิคอปเตอร์
หลิวเสี่ยวฮัวรู้สึกได้ว่าตัวเองโดนจับตัวเรียกค่าไถ่ ตกใจจนตัวสั่น เธอเอ่ยอย่างไม่หยุด “อย่าทำนะ พวกคุณอยากได้เงินเท่าไหร่ ฉันก็ให้ได้หมด”
“ปล่อยคุณฉินไป ไม่เกี่ยวกับเขา”
“เขาเป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมทริปที่ฉันรู้จักมาตามทาง”
แต่ว่าโจรเรียกค่าไถ่ไม่ได้สนใจเลย ยัดเยียดพวกเขาขึ้นสู่เฮลิคอปเตอร์ บินตรงไปยังภูเขาที่อยู่ลึก
เดิมฉินเทียนอยากจะลงมือจัดการคนพาลเหล่านี้ให้หมดสิ้น แต่ว่าฟังจากคำพูดพวกเขา ชัดเจนมาก พวกเขาเป็นโจรน้อยกันหมด
ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ก็ตามไปดูเขตฐานที่ปากพวกเขาเอ่ยถึงละกัน ไปพบพี่ใหญ่พวกเขาสะหน่อย
พอดีเลยจะได้กวาดเรียบไม่เหลือ
แต่ว่าปฏิกิริยาของหลิวเสี่ยวฮัว ดันทำให้ฉินเทียนรู้สึกคาดไม่ถึงเล็กน้อย
เธอคิดว่า โจรเหล่านี้มาเพราะตัวเธอ เธอเองที่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน
หรือว่า หลิวเสี่ยวฮัวผู้นี้ ยังมีฐานะอื่นที่ต่างจากปกติ?
เพราะว่า มีเพียงแค่มนุษย์ ถึงจะรู้ว่าตัวเองจะต้องโดนจับตัวเรียกค่าไถ่
สีสันของค่ำคืนได้มาถึงเทือกเขาแอลป์ที่กว้างขวางสูงชะโงกและมีความอันตราย
เฮลิคอปเตอร์บินผ่านอาณาจักรที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะเป็นแผ่นๆ มาถึงตรงภูเขาที่อยู่ลึก ที่ที่ทำเหมืองแร่ที่รกร้างว่างเปล่ามานานแล้ว
เห็นความมืดมนที่อยู่ตรงหน้าด้าน、สิ่งปลูกสร้างต่างๆที่ถูกทิ้งไว้เหมือนดั่งสัตว์ประหลาดที่อ้าปากไว้ ทำให้หลิวเสี่ยวฮัวอกสั่นขวัญหายไปหมด
“พวกคุณจะเอาเงินไม่ใช่เหรอ? เอาเบอร์มาให้ฉัน ฉันจะให้คนโอนเงินให้พวกคุณทันที!”
“ขอร้อง ไม่ต้องทำร้ายฉัน”
“อีกอย่าง เรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับคุณฉิน”
คนพาลที่หน้ามีรอยแผลมีดบาดหัวเราะด้วยเสียงเย็นชา “เธอรวยมากเหรอ? เธอทำงานอะไร?”
หลิวเสี่ยวฮัวคิดหนักสักพัก เอ่ยว่า “ฉันเป็นคนทำการค้า”
“พวกคุณต้องการเงินเท่าไหร่ เพียงแต่ว่าอย่าเวอร์เกินไป ฉันคิดว่า ฉันคงสามารถชดใช้ได้”
คนทำการค้า? ฉินเทียนคิดในใจ ไม่เคยได้ยินว่าในประเทศมีสาวสวยผู้ทำการค้าคนหนึ่งแบบนี้เลย
เขาคิดว่า หลิวเสี่ยวฮัวโกหกแน่ๆ เธอปิดบังฐานะความจริงของเธอ เพราะว่าไม่ว่าจะมองยังไง เธอก็ไม่เหมือนคนทำการค้า
“ลงมา!”
“อย่าดื้อด้านละ!”
ถูกโยนลงจากเครื่องบิน พลักเข้าไปยังห้องก้อนหินที่มืดมน
หลิวเสี่ยวฮัวรู้สึกจะพังทลายไปหมด เธอหลบเข้าไปยังอ้อมกอดของฉินเทียน กอดฉินเทียนไว้อย่างแน่น ตัวสั่นไปหมด
“คุณฉิน เธอไม่ต้องกลัว!”
“ฉันเชื่อ พวกเขาก็แค่หวังเงินหวังทอง จะไม่ทำร้ายพวกเราหรอก”
“ฉันรู้จักคนในสถานทูตของเรา มีโอกาส พวกเราสามารถแจ้งความได้ พวกเขาจะสั่งคนมาช่วยพวกเราแน่นอน”
ฉินเทียนฝืนยิ้ม ทำให้แม่นางคนนี้ลำบากใจแล้วจริงๆ เธอดูเหมือนปลอบใจให้ตัวเอง แต่ความจริงแล้ว คือกำลังปลอบใจตัวเธอเอง
เขาขับเคลื่อนการฟัง ฟังอย่างตั้งใจ ฟังแต่แค่พวกเหล่าโจรเรียกค่าไถ่ของข้างห้องกำลังถกเถียงกัน
มีคนพาลสองคน แนะนำว่าจะเล่นตัวของหลิวเสี่ยวฮัวสักหน่อย จากนั้นค่อยฆ่าทิ้งเสียสิ้น คนพาลอีกสองคน ให้กฏว่าต้องเก็บทั้งคนทั้งเงินทอง
“รอแป๊บ ตัดหัวคนที่มีนามสกุลว่าฉินต่อหน้าคนทั้งปวงก่อน ส่วนหญิงสาวคนนี้ รอให้พวกเราได้ค่าไถ่ก่อนค่อยฆ่าทิ้ง”
“ตามนี้นะ”
“โทรศัพท์ไปแจ้งพี่ใหญ่ มาตรวจรับผลได้แล้ว!”
พี่ใหญ่ของพวกเขายังไม่อยู่ตรงนี้นี่เอง รอบคอบจริงๆ
ทันใดนั้นใจของฉินเทียนก็ขยับทีหนึ่ง เขานึกออก เมื่อกี้ตอนลงจากเครื่องบิน มือของคนหนึ่งในเหล่าโจรเรียกค่าไถ่นั้น ได้สักภาพที่เหมือนกับว่าเป็นอีกา
เหยี่ยวล่านก?
เขาพยายามคิดย้อนกลับไป รู้สึกว่ามีระบบแบบนี้ ก่อขึ้นโดยสมาชิกพิเศษของทหารรับจ้างและทหารปลดประจำการของแต่ละประเทศ พึ่งการจับกุมและแอบฆ่าโด่งดังไปทั่วโลก
แต่ว่ากิจกรรมอาณาจักรหลักของพวกเขา เหมือนกับว่าเป็นบริเวณตอนเหนือของยุโรป อีกอย่างความหมายของประเทศเป็นตอนใต้ของยุโรป
ไม่รู้ว่าคู่ศัตรูของตัวเองลงทุนไปมากเท่าไหร่แล้ว โดยที่ให้ระบบอันมีชื่อเสียงอันย่ำแย่นี้ ไม่เสียดายที่จะมาถึงที่นี่เพื่อสู้กับตัวเอง
“คุณหลิว อย่ากลัว”
“ฉันจะพาเจ้าหนีไปอย่างปลอดภัย” เขาพูดปลอบโยนเบาๆ