บัญชามังกรเดือด บทที่ 197 ซุปปลา
“คุณฉิน คิดไม่ถึงนอกจากคุณจะชำนาญในวิชาการแพทย์แล้ว วิชาการต่อสู้ก็ยังเก่งกาจมากอีกด้วย”
“ช่างทำให้คนเปลี่ยนมุมมองใหม่ได้ดีจริงๆ”
หลิวหรูยู่หน้าแดงไม่พูดจาตลอดทางหยางหรงเลยต้องทำลายบรรยากาศอันเงียบเชียบนี้ก่อน
สำหรับฉินเทียน ในตอนนี้นางเองต้องทำความรู้จักเขาใหม่แล้วจริงๆ สายตาที่มองฉินเทียนนั้นก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมแล้ว
สิ่งล้ำค่าแบบนี้หยางหรงถามตัวเองว่า ถ้าไม่มีหลิวหรูยู่อยู่ด้วยละก็ นางเองก็คงไม่ปล่อยให้ผ่านเลยไปได้แน่ๆ
พูดตามตรง แม้ว่าหยางหรงจะอายุสามสิบกว่าๆ แล้ว แต่กับหลิวหรูยู่แล้ว นางทำได้แค่สร้างสีสันเท่านั้น
แต่ ลักษณะท่าทางละเมียดละไมแบบนั้น ช่างเข้าถึงได้ยากจริงๆ
เมื่อเห็นสายตาของหยางหรงแล้ว ฉินเทียนก็รู้สึกขนลุกขนพองขึ้นมา
เขายิ้มอย่างเก้อเขินและพูดว่า “เรื่องนี้หรือ เอออ พูดตามตรงก็ไม่ได้แปลกอะไร”
“คือว่า อืมม แค่สายตาดีหน่อย แล้วก็เคลื่อนไหวเร็วหน่อยแค่นั้นเอง”
“พวกคุณก็รู้ว่า สายตาแม่นยำ ความเร็วมากพอ มันเป็นวิชาพื้นฐานของนักฝังเข็มอยู่แล้ว”
“อย่างนั้นเองหรือ?”หยางหรงหันศีรษะไปมองฉินเทียนและพูดว่า “ถ้างั้นเจ้าสอนฉันฝังเข็มหน่อยได้ไหม?”
“ไม่ใช่สิ ช่วงนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายสักเท่าไร นอนไม่ค่อยหลับ คุณฝังเข็มให้ฉันทีได้ไหม?”
“เห้อ…” ฉินเทียนสีหน้าเคร่งเครียด ไม่รู้ว่าควรจะตอบไปว่าอะไรดี
ทำไมเขารู้สึกว่า สายตาของหญิงคนกลางนี้ เหมือนอยากจะกินหัวเขาเลยหล่ะ
“พี่หรง ฉินเทียนไม่เพียงแต่เก่งเรื่องการแพทย์และการต่อสู้แล้ว แถมยังแม่นปืนอีกด้วยนะ”
หลิวหรูยู่ช่วยฉินเทียนตอบไปว่า “ครั้งที่แล้วที่มิลาน เป็นช่วงเวลาที่สำคัญ เขาประลองปืนชนะด้วยนะ”
“ไม่งั้น พวกเราคงตายกันหมดแล้ว”
“งั้นหรือ!”หยางหรงยิ้มและตอบ “หวังว่าจะมีโอกาสได้เห็นความเก่งกาจของคุณฉินนะ”
“ถ้าสอนฉันบ้างก็จะดีมากเลย”
“คุณฉิน คุณไม่ถือสาใช่ไหม?”
ฉินเทียนไม่ตอบอะไร คิดว่าคนในแวดวงบันเทิงอย่างพวกเขา จะทำตัวสนิทสนมแบบนี้เหมือนกันไหม?
เขามองไปที่หลิวหรูยู่ หวังว่าหลิวหูยู่จะแก้ตัวให้เขาสักหน่อย
ใครจะรู้ว่า หลิวหรูยู่ดันเขา แล้วกุมหน้ายิ้มแล้วพูดว่า “คุณรีบตอบตกลงไปสิ!”
“หาเวลา สอนพี่หรงสักหน่อย”
หยางหรงยิ้มและพูดว่า “หรูยู่ เธออย่าหึงไปหน่อยเลย ถ้าเธอไม่ถือสาละก็ พวกเรามาเรียนกับคุณฉินไปพร้อมกันเลยก็ได้นะ”
“ถ้าไม่ได้มากมายเกินไป ฉันยังไงก็ได้นะ”
หลิวหรูยู่เบ้ปากและพูดว่า “เธออยากเรียนก็เรียนไปสิ ฉันไม่เรียนด้วยหรอก”
จากนั้นสองสาวก็ถกเถียงกัน เธอคำฉันคำ ฉินเทียนกลายเป็นหัวข้อในการหยอกล้อเล่นกัน
ฉินเทียนพูดไม่ออก สีหน้างุนงง
ฉันเป็นใคร?ฉันอยู่ที่ไหนกัน?
ทำไมถึงรู้ว่ากำลังโดนสองสาวล้อเล่นกับชีวิตอยู่เลย?
เขาพบว่า จากคำแนะนำของหยางหรง หญิงสาวบริสุทธิ์อย่างหลิวหรูยู่เริ่มจะเสียคนไปซะแล้ว
เขาจงใจก้มหน้านิ่งไม่พูดจาแต่ในใจกลับกำลังร้องโวยวาย แทบอยากจะรีบให้ถึงหลงเจียงโดยเร็ว จะได้แยกย้ายจากหญิงทั้งสองคนนี้สักที
ในที่สุด ตอนห้าโมงเย็น ก็เข้าสู่เขตของหลงเจียง
บางทีอาจคิดว่า อีกเดี๋ยวก็จะได้เจอกับภรรยาของฉินเทียนแล้ว หลิวหรูยู่เลยรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย ก็เลยหยุดหยอกล้อเล่นกัน
หยางหรงก็กลับมาเป็นท่าทีที่เป็นทางการอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ฉินเทียนได้บอกซูซูไว้แล้วว่า หลิวหรูยู่จะมาด้วย ซูซูเลยเตรียมจัดงานรอต้อนรับที่บริษัทไว้นานแล้ว
ดังนั้น อัลพาร์ทเลยขับตรงไปจอดอยู่ประตูหน้าอาคารซูยู่
ไฟที่ประดับตกแต่งอยู่หน้าประตูและป้ายต้อนรับสีแดงที่ซูซูสั่งให้คนตระเตรียมไว้คอยต้อนรับดาราชั้นนำอย่างหรูยู่ บรรยากาศนั้นเป็นไปอย่างคึกคัก
เขาเองและหลิวชิง กงลี่ รวมถึงพนักงานกำลังหลักของบริษัท ต่างจัดแถวคอยต้อนรับอยู่ที่หน้าประตู
เมื่อเห็นหลิวหรูยู่เดินลงจากรถแล้ว ซูซูก็รีบเดินเข้ามา มอบช่อดอกไม้ให้ด้วยตัวเอง
“ดาราชั้นนำอย่างคุณหลิว คุณเป็นไอดอลของฉันเลยนะ!”
“คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะยอมตกลงมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับพวกเรา ฉันดีใจมากจริงๆ!”
หลิวหรูยู่รู้สึกอายเล็กน้อยและพูดว่า “ประธานซู คุณเป็นคนที่ฉันเลื่อมใสมากจริงๆ นะ”
“ไม่เพียงแค่สวยดุจดอกไม้แล้ว แถมยังมีความสามารถมากอีกด้วย”
“โชคดีของคุณฉิน ที่ได้คุณมาเป็นภรรยา”
พูดพลาง หล่อนก็อดไม่ได้ที่จะมองมาทางฉินเทียน
ซูซูรับพูดว่า “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“สามีของฉัน ฉินเทียน ปกติอยู่บ้านกินเก่งแถมขี้เกียจทำงาน พอเจอดาราชั้นนำอย่างคุณหลิวแล้ว เลยรีบปรนนิบัติขึ้นมา”
“ผู้ชายหน่ะ ก็เป็นแบบทั้งนั้นแหละ พอกินของในชามหมด ก็หันมามองของในหม้อ จะว่าไป ผู้ชายคนไหนบ้างหล่ะที่ไม่ชอบดาราชั้นนำ”
“นับประสาอะไรกับคนธรรมดาทั่วไป”
หลิวหรูยู่ยิ้มและตอบว่า “ประธานซูล้อฉันเล่นซะแล้ว”
“ฉํนแค่เชิญคุณฉินไปช่วยธุระนิดหน่อยแค่นั้น”
“ยืมสามีของประธานซูโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ได้บอกก่อน ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ”
“ตอนนี้ ฉันพาสามีของคุณมาคืนให้ในสภาพสมบูรณ์แล้วนะคะ”
ซูซูยิ้มและพูดว่า “คุณดาราชั้นนำก็เกรงใจเกินไปแล้ว ผู้ชายแบบนี้จริงๆ ฉันเองก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก”
“คุณเรียกใช้ได้เลยค่ะ”
หลิวหรูยู่ยิ้มและตอบว่า “ฉันไม่กล้าหรอกค่ะ”
“แม้ว่าคุณฉินจะอยู่ข้างๆ ฉัน แต่ในใจของเขา ก็อยู่ที่ประธานซูเสมอค่ะ”
“ไม่งั้น หลังจากที่ประธานซูโทรไปหา เขาคงไม่ราวกับถูกต้องมนต์และรีบกลับมาแบบนี้หรอกค่ะ”
……
สองสาว สาดแสงสว่างซึ่งกันและกัน จับมือกัน พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เหมือนกับพี่น้องที่สนิทสนมกันอมากยังไงยังนั้นเลย
แต่ว่าฉินเทียน ทำไมถึงรู้สึกตัวชาชา ราวกับโดนดาบน้ำแข็งทิ่มแทงไปทั่วร่างแบบนี้หล่ะ
เขารู้สึกอึดอัดยังไงบอกไม่ถูก
เดิมทีคิดว่า ถ้าถึงหลงเจียงแล้วจะหลุดพ้นซะอีก ตอนนี้จู่จู่ก็รู้สึกว่า ตกเป็นเป้าของสองสาวนี้ไปแล้ว
หยางหรงหัวเราะอยู่ข้างๆ หูเขา “คุณฉิน ตอนนี้คุณรู้แล้วใช่ไหม?วาสนาทางความรัก บางทีก็ไม่ได้สนุกอะไรขนาดนั้น”
“เห็นแล้วใช่ไหม หญิงสาวสองคนนี้ ไม่ธรรมดา”
“แฮะ…” ฉินเทียนกระแอมและพูดว่า “เรื่อง… เรื่องแบรนด์แอมบาสเดอร์ พวกคุณค่อยๆ คุยกันแล้วกันนะ”
“พอดีฉันพึ่งนึกขึ้นได้ว่า มีธุระนิดหน่อย ขอตัวก่อนนะ”
พูดพลาง ก็รีบปลีกตัวออกไป
“เดี๋ยวก่อน” ซูซูตะโกนเรียกด้วยเสียงเย็นๆ
ฉินเทียนรู้สึกราวกับโดนสะกด ตอบอย่างเคอะเขินว่า “คุณภรรยาครับ ยังมีอะไรอีกไหมครับ?”
ซูซูตอบ “เย็นนี้ฉันอยากกินซุปปลา คุณช่วยไปซื้อปลาสดๆ สักตัวที่เหมือนกันคราวก่อน ใส่น้ำส้มสายชูเยอะๆ”
ฉินเทียนเคอะเขินตอบกลับไปว่า “อ้าว แล้วคืนนี้คุณภรรยาจะไม่อยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนแบรนแอมบาสเดอร์หรอกหรือ?”
หลิวหรูยู่รีบตอบกลับไปว่า “ไม่ต้องหรอกค่ะ”
“เย็นนี้ฉันจะหาของกินง่ายๆ ที่โรงแรมกับพี่หรงเอง”
“ไม่รบกวนประธานซูกับอาหารมื้อค่ำท่ามกลางแสงเทียนหรอกค่ะ”
“จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง” ซูซูจับมือของหหลิวหรูยู่ ยิ้มและพูดว่า “ไอดอลของฉันมาทั้งที เย็นนี้ ถ้าฉันไม่เมาไม่กลับ”
“ที่ให้เขาเตรียมซุปปลาจะได้เอาไว้ดื่มตอนสร่างเมาไงหล่ะ”
“จริงสิ คุณเตรียมไว้เยอะหน่อยนะ เย็นนี้ฉันจะให้ดาราชั้นนำไปค้างที่บ้าน พวกเราต้องดื่มซุปปลากัน”
หลิวหรูยู่ยิ้มโดยไม่พูดอะไร
ฉินเทียนพบว่าคนรอบข้างหยางหรง หลิวชิง กงลี่ ต่างมองมาที่เขาด้วยความเยาะเย้ย
เขารู้สึกว่าเขามาอยู่ที่นี่ ยิ่งอยู่ยิ่งดูเหมือนเป็นส่วนเกิน
“โอเค” รีบตอบปากรับคำ และรีบเดินหนีออกไป
หญิงสาวพวกนั้น ต่างอดหัวเราะไม่ได้
หลิวหรูยู่จับมือของซูซู พูดด้วยความจริงใจว่า “ประธานซู คุณอย่าเข้าใจผิดนะคะ ฉันกับคุณฉิน เอออ เป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น”
“ครั้งนี้ เพราะว่าเขายอมที่จะช่วยรักษาอาการป่วยของคุณปู่ฉัน ฉันเลยตกลงกับเขาว่า ฉันยอมเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้เขา”
“จะว่าไป ฉันต้องขอบคุณพวกคุณจริงๆ นะ”