บัญชามังกรเดือด บทที่ 246 ไปหาเมียแกเที่ยวเล่น
จิตใจของหยางยู่หลันเบิกบานขึ้นมาในทันที แล้วตอบกลับว่า: “แกพูดถูก!”
“ก่อนหน้านี้แม่มัวยุ่งอยู่กับผลประโยชน์อันน้อยนิดที่อยู่ตรงหน้ามากเกินไป แววตายังมองไกลไม่มากพอ”
“ฉินเทียน แกพูดแบบนี้ปุ๊บก็ทำให้แม่เข้าใจเลย แม่จะไปออฟฟิศเดี๋ยวนี้แหละ ไปปรึกษาหารือเรื่องการเป็นตัวแทนกับพวกหลี่เฉิงหนาน”
“ขอแค่แม่คอยควบคุมอยู่ตรงกลาง ไม่ให้ราคาเสียสมดุล พวกเขาทุ่มเทกำลัง งั้นการที่พวกเขาจะเก็งกำไรส่วนหนึ่งนั้นก็ถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่!”
ฉินเทียนยิ้มพลางพูด: “ประชาชนในหลงเจียงสามารถได้รับราคาการรักษาพยาบาลที่เท่าเทียมกัน คุณหญิงหยางยู่หลันสร้างคุณูปการไปเยอะมากเลยนะครับ ชื่อเสียงของคุณต้องถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เป็นที่รู้จักสืบต่อไปอย่างแน่นอน”
หยางยู่หลันทำท่าถุ้ยทีหนึ่งแล้วพูด: “ไม่มีสัมมาคารวะเลยนะ ถึงกับกล้าล้อเล่นกับแม่แกแล้ว!”
“พอละ แม่ต้องไปออฟฟิศแล้ว แกเพิ่งกลับมาจากการทำงานนอกสถานที่ก็พักผ่อนดี ๆ ก่อนเถอะ”
ฉินเทียนรีบตอบกลับ: “ผมไม่เหนื่อยครับ”
“ผมหาอะไรทำหน่อยดีกว่า”
หยางยู่หลันถือกระเป๋าแล้วเดินออกไป เมื่อเดินไปถึงหน้าประตู จู่ ๆ เธอก็หันหน้ากลับมามองฉินเทียนพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม:
“ช่วงเวลาที่แม่ไม่อยู่บ้าน แกทำอะไรกับเมียแก?”
ฉินเทียนถูกมองจนรู้สึกขนหัวลุกซู่ ตอบกลับว่า: “แม่ครับ นี่แม่หมายความว่ายังไงครับ? ผม……ไม่ได้ทำอะไรเมียผมนี่?”
หยางยู่หลันยิ้มแล้วตอบกลับ: “ไม่ทำอะไรก็ดีแล้ว”
“แต่ว่าน่ะ แม่เป็นคนที่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อน พวกแกมีเรื่องอะไรกันน่ะ ก็ปิดบังสายตาแม่ไม่ได้หรอก”
“แม่ตัดสินใจได้แล้ว วิลล่าที่อยู่ข้าง ๆ ใกล้จะรีโนเวทเสร็จแล้ว รอรีโนเวทเสร็จเมื่อไหร่ แม่ก็จะย้ายออกไปเลย”
“แม่เองเงียบสงบแล้ว พวกแกผัวเมียจะวุ่นวายอะไรกันก็เต็มที่เลย”
ฉินเทียนยังอยากพูดบางอย่างอยู่ แต่กลับถูกหยางยู่หลันตัดบทไปก่อน เธอพูด: “พอละ ถ้าแกไม่มีอะไรทำ ก็ไปบริษัทไปเที่ยวเล่นกับเมียแกสิ”
“ลูกผู้ชายคนหนึ่ง วัน ๆ เอาแต่อยู่ในบ้านมันก็ไม่ใช่เรื่องเหมือนกัน”
พอพูดจบ เธอก็จากไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เพื่อความสะดวก และเพื่อเป็นการรับประกันความปลอดภัย ฉินเทียนออกคำสั่งให้เหลิ่งเฟิง คัดเลือกลูกน้องที่สติปัญญาเฉียบแหลมและมีความสามารถสูงคนหนึ่ง ให้ไปเป็นคนขับรถให้หยางยู่หลัน
แต่ทว่าเธอเป็นคนที่ค่อนข้างถ่อมตัว รถที่นั่งเป็นแค่ออดี้ A6 แถมยังเป็นรถที่พวกเถียหลินเฟิงจัดเสนอให้ในนามสมาคมอีกด้วย
ข้างนอก เขาเห็นว่าเหล่าสถานที่ที่เขาชี้ให้อู๋เทียนสงดูเมื่อคราวก่อน วิลล่าที่ประณีตสวยงามเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว
วิธีการของอู๋เทียนสงแปลกใหม่และแหวกแนวกว่าผู้อื่นมาก ไม่ได้เคลื่อนย้ายดินและต้นไม้อย่างยิ่งใหญ่ แต่เป็นการใช้เหล็กเป็นองค์ประกอบทั้งหมด
หลังจากทางโรงงานทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ค่อยขนย้ายมาโดยตรง ก็จะเกิดเป็นวิลล่าหลังหนึ่งเลย
รีโนเวทด้านนอกและด้านในเพิ่มอีกนิดหน่อย ก็จะไม่ต่างอะไรจากวิลล่าธรรมดาทั่วไปเลย แถมวิลล่าที่มีเหล็กเป็นองค์ประกอบแบบนี้ยังค่อนข้างรักษ์โลกด้วย การรื้อถอนในอนาคตก็สะดวกด้วย
เมื่อนึกได้ว่าแม่ยายจะย้ายออกไป ต่อไปวิลล่าเล็ก ๆ หลังนี้ก็จะเหลือแค่เขาและซูซู ฉินเทียนกัดแอปเปิ้ลหนึ่งคำแล้วยิ้มอย่างไร้ยางอาย
เขาโทรหาซูซูแล้วพูด: “ที่รัก คุณกำลังทำอะไรอยู่ครับเนี่ย?”
“อยู่บริษัท คุณกลับมาแล้วเหรอ?”น้ำเสียงของซูซูฟังดูไม่ใส่ใจเล็กน้อย น่าจะกำลังยุ่งกับงานอยู่
ฉินเทียนพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำทุ้ม: “กลับมาแล้วครับ คุณยุ่งอยู่เหรอ? มีเรื่องหนึ่ง ผมไม่รู้ว่าบอกคุณได้ไหม”
ซูซูชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูด: “เรื่องอะไรน่ะ? คุณพูดมาเลย”
ฉินเทียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา: “ผมคิดถึงคุณแล้ว”
“ถุ้ย!”ซูซูทำเสียงถถุ้ยทีหนึ่ง แล้วพูดอย่างเย้ยหยัน: “วัน ๆ อยู่แต่กับดาราดัง คุณไม่มีความสุขเหรอ?”
“ยังจะคิดถึงหญิงแก่หน้าเหลืองอย่างฉันทำไม”
ฉินเทียนกินปูนร้อนท้อง ก่อนที่เขาจะรีบพูดว่า: “ผมเปล่าสักหน่อย——”
“พอละ คุณจะมีหรือไม่มีฉันไม่รู้ อีกอย่างถ้าเกิดคุณมีจริง ๆ ฉันยังได้หน้าด้วยซ้ำ”
“แม้แต่ไอดอลของคนทั้งประเทศยังชอบสามีฉัน งั้นก็แสดงว่าสามีฉันมีเสน่ห์มาก ๆ เลยใช่ไหมล่ะ? แปลว่าแววตาในการมองคนของฉันดีมาก ๆ ?”
ฉินเทียนรีบสาบานทันที: “ในสายตาผม คุณภรรยาดีที่สุดแล้วครับ!”
ซูซูหัวเราะทีหนึ่ง: “พอละไม่พูดแล้ว ถ้าเกิดไม่มีเรื่องอะไรแล้วขอวางก่อนนะ ฉันกำลังยุ่งอยู่เลย”
ฉินเทียนถอนหายใจเฮือกหนึ่ง รู้สึกตกตะลึงจนเหงื่อแตกแล้ว
เขาไม่รู้ว่าซูซูพูดอย่างไม่ใส่ใจ หรือว่าสังเกตเรื่องระหว่างเขาและหลิวหรูยู่แล้วจริง ๆ
ขอร้องเลยนะ เรื่องนั้นจะโทษฉันก็ไม่ได้หรือเปล่า!
เขานึกคิดด้วยสภาพจิตใจที่ไม่สงบอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ เขาก็มองเห็นเมนูอาหารตุ๋นยาจีนวางอยู่บนโต๊ะข้าง ๆ ซึ่งเป็นเมนูที่เขาจัดทำให้ฉินเทียนก่อนออกเดินทางไปหนานเจียง
ผู้หญิงคนนี้วัน ๆ เอาแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องงาน ต้องขี้เกียจทำแน่นอน
โชคดีที่วัตถุดิบในห้องครัวมีครบครัน เขาตั้งอกตั้งใจทำผักสองจานหนึ่งซุปเป็นพิเศษ แล้วใส่เข้าไปในข้าวกล่อง
ใกล้จะถึงเวลาเที่ยงพอดี เขาขับรถโตโยต้าที่จอดอยู่ข้าง ๆ พุ่งตรงออกไป
ทันทีที่ออกมาจากอุทยานมังกร ก็พบเห็นเพื่อนของเหลิ่งเฟิงและหมาป่าเดียวดายขับรถกลับมา
“พี่เทียน!”
“พี่จะไปไหนครับ? ต้องการให้พวกเราตามไปด้วยหรือเปล่า?”พวกเขากระโดดลงมาจากรถ พลางทักทายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
ฉินเทียนยิ้มพลางตอบกลับ: “ไปส่งข้าวให้เมียฉัน พวกนายจะตามไปด้วยทำไม”
“ฉันว่าพวกนายคงไม่ได้ไปวิลล่ากันมาใช่ไหม?”
เมื่อเห็นว่าบนเสื้อผ้าของพวกเขาแต่ละคนต่างถูกฉีกจนเป็นรู เขาก็รู้แล้วว่าไอ้เวรพวกนี้เบื่อหน่ายไม่ไหว เลยไปวุ่นวายกับพวกสัตว์ป่าบนวิลล่า
เหลิ่งเฟิงแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น: “ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะอะเปินห้ามผมไว้ วันนี้พวกเราคงได้กินเนื้อหมาป่าแล้ว”
“ไสหัวไป!”
“นั่นเป็นสิ่งที่กูซื้อในราคาสูงแล้วขนย้ายมาจากทุ่งหญ้าใหญ่เชียวนะ มูลค่าของมันคุ้มกว่าพวกนายอีก!”
ฉินเทียนหัวเราะแล้วด่าไปคำหนึ่ง เตรียมพร้อมที่จะจากไป ทว่ากลับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และเขาก็อดไม่ได้ที่จะถาม: “ใครเป็นคนติดป้ายทะเบียนนี่ให้ฉัน”
โตโยต้าคันนี้เขาเคยขับแค่ครั้งเดียว ก็แช่ทิ้งไว้ในบ้าน และลืมไปติดป้ายทะเบียนด้วย
เมื่อกี้เขาก็สังเกตเห็นแล้วว่ารถผ่านการติดป้ายทะเบียนมาใหม่ ด้านหลังคำว่า หลงA คือเลข 5 ที่เรียงกัน
เหลิ่งเฟิงยิ้มอย่างเย็นเยือกแล้วตอบกลับ: “ความหมายแฝงคือเผด็จการน่าเกรงขาม บัลลังก์องค์ราชา ทั่วทั้งหลงเจียง ก็มีเพียงรถยนต์ของพี่เทียนคนเดียวเท่านั้นที่คู่ควรกับป้ายทะเบียนนี้”
“เป็นยังไงบ้าง พี่เทียนพึงพอใจไหมครับ?”
“ถ้าเกิดพอใจละก็ ควรให้เหล่าเพื่อน ๆ เบิกค่าธรรมเนียมในการเลือกป้ายทะเบียนด้วยหรือเปล่าครับ?”
ฉินเทียนพูดอย่างไม่สบอารมณ์: “อยากแดกขี้กันใช่ไหม!”
“ไม่รู้หรือไงว่ากูชอบถ่อมตัว? จัดป้ายทะเบียนที่เจ๋งเป้งขนาดนี้มา แล้วจะให้กูถ่อมตัวยังไง!”
หลังจากพูดจบ เขาก็เหยียบคันเร่งพุ่งออกไปทันที
“ขอร้อง อย่าขี้งกขณะนี้ได้ไหมเนี่ย!”ทำเอาเหลิ่งเฟิงถึงกับกลอกตามองบนโดยตรง
มาถึงอาคารซูยู่
เห็นว่าโรงจอดรถตรงหน้าประตูจอดเต็มไปด้วยรถหรู มีรถบางคันยังเป็นป้ายทะเบียนต่างเมืองด้วย
น่าจะเป็นพวกตัวแทนจำหน่ายที่มาเจรจาพูดคุยสินะ
ดูท่ากิจการบริษัทของภรรยาก็รุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ เลยนี่
ฉินเทียนเหมือนคนว่างที่ไม่มีอะไรทำ ถือข้าวกล่องเดินเข้าไปในประตู
พนักงานทุกคนที่พบเห็นระหว่างทาง ใบหน้าล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงจัง จมดิ่งอยู่ในสภาวะการทำงาน
มีคนพยักหน้าพลางอมยิ้มให้เขา และมีบางคนเลือกที่จะมองข้ามเขาโดยตรง
เขามาถึงหน้าประตูออฟฟิศประธานกรรมการที่อยู่ชั้นบนสุดของตึกอย่างชิลสบาย
มองเข้าไปด้านในผ่านหน้าต่าง เห็นเพียงเงาร่างที่อ่อนช้อยงดงามร่างหนึ่ง นั่งอยู่บนเก้าอี้สไลด์ของเถ้าแก่ หันหน้าเข้าหากระจกบานใหญ่ กำลังคุยโทรศัพท์อยู่
ตอนนี้อยู่ในบริษัท ซูซูจึงค่อนข้างใส่ใจเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมและรูปแบบในการสนทนา
เสื้อที่สวมใส่คือเสื้อเชิ้ตสีขาว ปลายเสื้อเก็บเข้าไปในกระโปรงสั้นสีดำ เมื่อดูจากมุมข้างแล้ว สัดส่วนต่าง ๆ ดูชัดเจน
ท่าทางชดช้อยและมีเสน่ห์นั่นของซีอีโอสาว ทำให้ฉินเทียนกลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้
เขาค่อย ๆ ผลักประตูออก ค่อย ๆ ย่องเข้าไปเบา ๆ
ซูซูกำลังจดจ่ออยู่กับการคุยโทรศัพท์ สิ่งที่พูดเหมือนจะเป็นเรื่องการปล่อยโฆษณา เธอสังเกตไม่เห็นเขาเลยด้วยซ้ำ
ฉินเทียนวางข้าวกล่องลงบนโต๊ะ แล้วค่อย ๆ เดินไปด้านหลังเธอ
“ก็ได้ค่ะ สามแสนก็สามแสน!”
“แต่ว่าดิฉันต้องรับประกันได้ว่า ต้องปล่อยโฆษณาก่อนออกอากาศตอนแรกของโรงละครไพรม์ไทม์อย่างแน่นอน”
“ในส่วนของรายละเอียดการร่วมงานกันนั้น ดิฉันจะให้คนประสานกับพวกคุณอีกที”
เธอวางสายไปและอดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำ:
“โฆษณา 30 วิ ค่าโฆษณาวันหนึ่งก็เอาสามแสนเลย ทำไมสถานีโทรทัศน์ของพวกแกถึงไม่ไปปล้นเอาล่ะ”
“ฟัค!”