บัญชามังกรเดือด บทที่ 243 ผู้เล่นหมาก
ถงจิ่งยิ้มพลางพูด: “เป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในอดีต ราชาเป่ยเจียงไม่ต้องพูดถึงก็ได้”
เมื่อเห็นว่าฉินเทียนไม่เข้าใจ ยู่หลิงหลงจึงอธิบายด้วยน้ำเสียงที่ต่ำทุ้ม: “ราชาเป่ยเจียงคนก่อนต้วนชิ่ง สิ้นมโนธรรม ใช้วิถีทางเพื่อช่วงชิงบัลลังก์อำนาจ”
“เพื่อเป็นการได้รับความเชื่อมั่นจากต้วนชิ่ง แล้วแก้แค้นให้พ่อดิฉัน เพราะฉะนั้นขณะที่อยู่ในการทดสอบของต้วนชิ่ง หลิวเช่อรู้ทั้งรู้ว่าเป็นเหล้าพิษ แต่เขาก็ยังดื่มมันลงไป”
“หลังจากพิษกำเริบ ในขณะที่กำลังจะตาย ท่านถงบังเอิญพบเจอพอดี ต้องขอบคุณท่านถงมาก ๆ ที่ลงมือช่วยเขาระงับพิษเอาไว้”
“เพราะฉะนั้น เขาถึงได้มีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้ได้”
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง
มิน่าล่ะตั้งแต่ที่ฉินเทียนเข้ามาในห้อง เขาก็มองเห็นปราณสีดำแบบใบหน้าของหลิวเช่อเลย
นั่นเป็นสัญญาณที่บอกว่าพิษได้แทรกซึมเข้าไปลึกมาก ๆ
“ตอนนี้พิษอยู่ในตัวราชาเป่ยเจียงยังไม่ถูกถอนใช่ไหมครับ?”เขาอดไม่ได้ที่จะถาม
ถงจิ่งยิ้มอย่างขมขื่นพลางพูด: “จากความสามารถของกระผม แค่สามารถระงับมันไว้ได้เท่านั้น ไม่สามารถถอนรากถอนโคนได้ อีกทั้งผมรักษาให้เขาด้วยวิธีการใช้พิษโจมตีพิษ”
“ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ พิษทั้งสองชนิดหมุนเวียนกันไปมา เกรงว่าคงแทรกซึมเข้าไปในไขกระดูกแล้วกระมัง”
“ความเจ็บปวดในทุก ๆ ครั้งที่พิษในตัวราชาเป่ยเจียงกำเริบ มันไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปสามารถอดทนได้”
“ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ลำบากคุณเลยนะครับ”
หลิวเช่อรีบพูดว่า: “ท่านถงพูดอะไรล่ะครับ!”
“หากไม่ใช่เพราะท่านถง ผมคงตายไปตั้งนานแล้ว จะยังมีกิจการพื้นฐานอย่างตอนนี้ได้อย่างไร”
“กิจการพื้นฐานเป็นเพียงเรื่องรองเท่านั้นครับ สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกปลื้มใจมากที่สุดคือผมได้แต่งงานกับหลิงหลง แถมเธอยังช่วยผมคลอดชิงเหยาด้วย”
“การที่มีภรรยาและลูกสาวแบบนี้นั้น เท่านี้ผมก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้วครับ!”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ !”
ฉินเทียนอดไม่ได้ที่จะพยักหน้า เขารู้สึกว่าราชาเป่ยเจียงหลิวเช่อคนนี้ เป็นลูกผู้ชายที่มีจิตใจเข้มแข็งตรงไปตรงมา และให้ความสำคัญกับศีลธรรมน้ำใจอยู่
“เดี๋ยวก่อน!”
เขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะมองไปทางยู่หลิงหลงแล้วถามว่า: “เมื่อกี้คุณบอกว่าราชาเป่ยเจียงทำเพื่อล้างแค้นให้พ่อคุณงั้นเหรอ?”
ยู่หลิงหลงพยักหน้า ในดวงตามีน้ำตาคลอเบ้า: “พ่อของดิฉันมีนามว่าหลินหู่ และท่านก็คือราชาเป่ยเจียงองค์ก่อนก่อนนั่นเองค่ะ”
แบบนี้นี่เอง
ในที่สุดฉินเทียนก็เข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว
แต่ทว่าเขาก็ยังรู้สึกสงสัยเล็กน้อยอยู่ดี ก่อนจะพูดว่า: “ในเมื่อคุณเป็นลูกสาวของราชาเป่ยเจียงองค์ก่อนก่อน แล้วคุณเป็นหนึ่งในสี่ราชาที่อยู่เบื้องล่างนายท่านอันได้ยังไง?”
หากพูดตามหลักการแล้ว มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้นะ
เรื่องราวที่ใหญ่โตขนาดนี้ อานกั๋วไม่มีทางสังเกตไม่เห็นแน่นอน
อานกั๋วถอนหายใจแล้วพูด: “เรื่องนี้ ให้ผมเป็นคนพูดเองเถอะ”
“สิ่งที่น่าทอดถอนใจคือ ไม่นึกเลยว่าสหายหลินหู่จะถูกทำร้ายมานานขนาดนี้ อดีตตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ พวกเราเป็นเพื่อนสนิทที่คุยกันได้ทุกเรื่อง”
“ทั้งหนานเจียงและเป่ยเจียง ก็ต่างอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขเหมือนดั่งพี่น้องเช่นกัน”
“หลังจากที่ไอ้เวรต้วนชิ่งนั่นลอบทำร้ายสหายหลินหู่แล้ว เพื่อเป็นการเบี่ยงเบนเป้าหมาย มันเลยโยนความผิดและใส่ร้ายผม”
“ดังนั้นทั้งหนานเจียงและเป่ยเจียงจึงเริ่มเป็นศัตรูต่อกัน”
“เรื่องทั้งหมดทั้งมวลนี้ ล้วนเกิดมาจากเจตนาที่เห็นแก่ตัวของมันคนเดียว!”
หลิวเช่อพยักหน้าแล้วพูด: “หลิวเช่อเป็นคนที่นิสัยโฉดชั่วเสมือนหมาป่า สาเหตุที่มันเปิดศึกสงครามกับหนานเจียง ไม่เพียงแค่จะเบี่ยงเบนความขัดแย้งเท่านั้น ในขณะเดียวกันมันก็อยากใช้โอกาสนี้โจมตีและยึดครองหนานเจียงด้วย”
“และกลายเป็นราชาทั้งหนานเจียงและเป่ยเจียงดั่งที่มันเพ้อฝัน”
ยู่หลิงหลงพูดอย่างน้ำตาคลอเบ้า: “ดิฉันรู้อยู่ว่านายท่านไม่มีทางทำร้ายพ่อดิฉันแน่นอน”
“หลังจากเรื่องนี้เกิดขึ้น ดิฉันจึงไปขอความช่วยเหลือจากเขา หวังว่าจะสามารถกำจัดต้วนชิ่งได้”
“ต่อมาหลิวเช่อฆ่าต้วนชิ่งสำเร็จ และกลายเป็นราชาเป่ยเจียงองค์ใหม่”
“ทว่าทั้งหนานเจียงและเป่ยเจียงมีความแค้นต่อกันแล้ว หากจะเปลี่ยนแปลงสถานะการทุกอย่างโดยการอาศัยกำลังแรงของเขาคนเดียวละก็ มันเป็นเรื่องที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงสักเท่าไหร่”
“ยกตัวอย่างเช่นพวกคนที่ถูกคุณชายใหญ่ฆ่าข้างนอกนี้ ในบรรดาพวกเขาทั้งหมด แทบจะทุกคนเลยที่อดไม่ได้ที่จะยึดหนานเจียงมารวมกับเป่ยเจียงให้เร็วที่สุด”
“ดิฉันจึงทำได้แค่คอยอยู่ข้างกายนายท่าน และคอยคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างกันอยู่อย่างลับ ๆ ”
จนกระทั่งถึงบัดนี้ ฉินเทียนก็ถือว่าเข้าใจโดยสิ้นเชิงแล้ว
หลิวเช่อคือทหารองครักษ์ที่อยู่ข้างกายหลินหู่ ราชาเป่ยเจียงองค์ก่อน และน่าจะรู้จักกับคุณหนูอย่างหลิงหลงคนนี้ตั้งนานแล้ว
ทว่าตอนนั้นตัวตนของทั้งสองคนแตกต่างกันมาก
ฉินเทียนคาดสถานการณ์ว่าความรักของพวกเขาทั้งสอง น่าจะเพิ่งเริ่มหลังจากหลิวเช่อฆ่าต้วนชิ่งและหลังแค้นให้หลินหู่
ภายใต้ความรู้สึกที่ซาบซึ้งใจ คุณหนูอย่างหลิงหลงจึงมอบกายและใจของตนให้แก่นักรบผู้กล้าที่มีฝีมือความสามารถเก่งกาจ
ก็ยังพอที่จะนับได้ว่าเป็นเรื่องที่ดีงามเรื่องหนึ่งอยู่
เขานึกคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยความจริงใจว่า: “ลุงหลิว ผมขอตรวจเช็คร่างกายของคุณหน่อยได้ไหมครับ”
“บางทีผมอาจจะมีวิธีถอนพิษที่อยู่ในร่างกายคนได้”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ยู่หลิงหลงจึงจับมือของหลิวเช่อเอาไว้ มีความตื่นเต้นดีใจและความเฝ้าปรารถนาอย่างมากปรากฏในดวงตาที่งดงามคู่นั้น
อย่างไรก็ตาม หลิวเช่อกลับส่ายหน้าแล้วพูดอย่างไม่ยี่หระ: “ไม่ต้องแล้วล่ะ”
“คุณชายใหญ่เดินทางมาอย่างลำบากตลอดทาง ไม่จำเป็นต้องมาลำบากเพราะผมอีกหรอกครับ”
“พูดตรง ๆ เลยนะครับ ผมเจอวิธีการทถอนพิษที่อยู่ในตัวผมแล้วครับ”
แม้ฉินเทียนจะรู้สึกสงสัยอยู่เล็กน้อย ทว่าในเมื่อคนเขาพูดแบบนี้แล้ว เขาจึงไม่สะดวกที่จะพูดอะไรอีก
“คุณปู่ถงครับ ภารกิจของท่านล้มเหลว หลังจากกลับไปแล้ว จะไม่ถูกคนคนนั้นลงโทษจริง ๆ เหรอครับ?”
เมื่อพูดถึง“คนคนนั้น” น้ำเสียงของเขาก็ต่ำทุ้มและสั่นเทา
คนคนนั้น ฟังแล้วเหมือนดูไม่คุ้นเคยกันมาก ๆ แต่ทว่านั่นเป็นคุณย่าแท้ ๆ ของเขาเชียวนะ!
เดิมทีเป็นครอบครัวที่เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ แต่ทุกอย่างก็ดำเนินการมาถึงจุดนี้โดยที่ทำอะไรไม่ได้
ถงจิ่งยิ้มแล้วพูด: “คุณชายใหญ่วางใจเถอะครับ”
“ผมเริ่มต้นยกกำลังทั้งหนานเจียงและเป่ยเจียงมาจัดการคุณชายใหญ่ จะบอกว่าผมไม่ใส่ใจเรื่องนี้ก็ไม่ได้หรือเปล่าครับ?”
“นายหญิงใหญ่เข้าใจเรื่องนี้อยู่”
“อื้ม”เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ ฉินเทียนจึงพยักหน้า จากนั้นเขาก็พูดด้วยความจริงใจ: “ขอบคุณสำหรับบุญคุณที่คุณปู่ถงปกป้องและเข้าข้างผมนะครับ!”
เขารู้อยู่ว่าการยกกำลังทั้งหนานเจียงและเป่ยเจียงเพื่อมาจัดการเขาที่ถงจิ่งหมายถึงนั้น มันเป็นแค่คำพูดเกรงใจเท่านั้น
แท้จริงแล้วมันเป็นการทดสอบเขา จากนั้นค่อยใช้โอกาสนี้ยกทั้งหนานเจียงและเป่ยเจียงให้เขา
ไม่ว่ายังไงเขาก็เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกในนี้อย่างลึกซึ้งอยู่
อดีตตอนที่อยู่ในตระกูลฉิน เขาถูกเมินเฉยสารพัด และมีเพียงคุณปู่ถงคนนี้คนเดียวเท่านั้นที่คอยห่วงใยเขามาก ๆ มาโดยตลอด
ครั้งนี้เขาเดินทางมาโดยไม่หวั่นต่อเส้นทางที่ยาวไกล หมากใหญ่เกมนี้ ความคิดจิตใจนี้ พูดได้เลยว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำด้วยเจตจำนงค์อันแรงกล้า
“พอแล้ว วันนี้การที่เราได้มาพบกันนั้น ก็เป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่หาพบได้ยากอยู่”
“พวกเราใช้ชาแทนเหล้า มาดื่มด้วยกันสักแก้วเถอะ”ยู่หลิงหลงเช็ดน้ำตาในเบ้าตาพลางอมยิ้มพลางพูด
“มา ชนแก้ว!”
“ดื่มชาแก้วนี้เสร็จแล้ว ผมก็ต้องกลับซีเป่ยแล้ว”ถงจิ่งมองหน้าฉินเทียนพลางพูดอย่างลึกซึ้ง :“คนแก่อย่างผมจะรอคุณชายใหญ่กลับมาพร้อมกับเกียรติยศในเร็ววันอยู่ที่ซีเป่ยนะครับ”
หนังตาฉินเทียนกระตุกทีหนึ่ง
ชั่วชีวิตนี้เขาที่เป็นลูกคนโตหลานคนโต ยังสามารถกลับตระกูลฉินแห่งซีเป่ยนั่นด้วยเกียรติยศได้อีกหรือ?
“มาครับ ขอคารวะท่านถงและคุณชายใหญ่แก้วหนึ่ง”
หลิวเช่อและอานกั๋วยกแก้วชาขึ้นมาพร้อมกันด้วยความตื่นเต้นดีใจ
หลังจากดื่มเสร็จแล้ว อานกั๋วก็ลุกขึ้นมาแล้วพูด: “คุณชายใหญ่ครับ พวกเราก็ควรกลับได้แล้วครับ”
“ถ้ายังไม่กลับไปอีก ผมกังวลว่าจะเกิดเรื่องใหญ่น่ะครับ”
ฉินเทียนพยักหน้า เขารู้อยู่ว่าทั้งหมดที่อานกั๋วพูดมาเป็นความจริง
ถ้ายังไม่กลับไปอีก เขากังวลจริง ๆ ว่าจุยเฟิงที่อยู่บนเรือ รวมไปถึงผู้กล้าหาญทั้งสามพันนายที่อยู่บนฝั่งหนานเจียง จะบุกเข้ามาอย่างอดใจไม่ไหว
แล้วเปิดศึกเข่นฆ่าอย่างยิ่งใหญ่
เขาลุกขึ้นแล้วพูด: “ไปกันเถอะครับ”
“ขอน้อมส่งคุณชายใหญ่ครับ!”ถงจิ่งก้มหน้าพลางพูด
ฉินเทียนลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูด: “คุณปู่ถง เขายังสบายดีใช่ไหมครับ?”
ถงจิ่งตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ต่ำทุ้ม: “รอคุณชายใหญ่มีเวลา คอยกลับไปดูด้วยตนเองดีกว่าครับ”
หางตาฉินเทียนกระตุก สีหน้าของเขาดูย่ำแย่อย่างมาก
ตอนเด็ก ๆ เด็กผู้ชายจำนวนมากคงต้องเลื่อมใสศรัทธาในตัวพ่อตนเองมาก ๆ เลยสินะ ฉินเทียนในตอนเด็ก ๆ ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน
แต่ทว่าสุดท้ายแล้วเขาก็รู้สึกผิดหวังอยู่ดี
ในฐานะที่เป็นผู้ชาย อีกทั้งยังเป็นลูกหลานเชื้อสายตรงเพียงหนึ่งเดียวในตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ผู้ชายคนนั้นกลับไม่สามารถได้รับความปลื้มปิติและการยอมรับจากพ่อแม่ แถมยังไม่สามารถปกป้องภรรยาและลูกของตัวเองได้ด้วย
แม้แต่ตัวเขาเองยังกลายเป็นตัวตลกของคนทั้งตระกูล
ฉินเทียนรู้สึกว่าทำไมบนโลกใบนี้ถึงมีผู้ชายที่น่าสมเพชขนาดนี้อยู่ด้วย!
ยิ่งกว่านั้นคือเขาไม่เหมาะกับการถูกเรียกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ!
ยิ่งไม่เหมาะกับการเป็นพ่อคนหนึ่ง
เพราะฉะนั้น เขาจึงเกลียดเขา!