บัญชามังกรเดือด บทที่ 248 ทำลายสิ่งของเสียหายตามอำเภอใจ
“แกพูดว่าอะไรนะ?”
ซูซูหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ก่อนจะถามว่า: “แกเป็นใคร?”
“แกกำลังลักพาตัวคนและขู่กรรโชก มันผิดกฎหมายแกรู้หรือเปล่า?”
“รีบปล่อยตัวกงลี่เดี๋ยวนี้!”
ผู้ชายตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ป่าเถื่อน: “แม่งอย่ามาคุยหลักการเหตุผลกับกูให้มากนัก!”
“กูยากจนล้าหลัง สิ่งที่ไม่ชอบที่สุดก็คือท่าทางสีหน้าของคนมีเงินอย่างพวกมึง!”
“แม่งเอ๊ย ถ้าเกิดพวกมึงกล้าแจ้งตำรวจ กูก็จะตายพร้อมกับอีแม่นางนี่!”
ซูซูรีบพูดว่า: “อย่าวู่วาม!”
“แกก็แค่ต้องการเงินไม่ใช่เหรอ? ขอแค่แกรับประกันความปลอดภัยของกงลี่ได้ ฉันจะเอาเงินไปตอนนี้เลย!”
ผู้ชายหัวเราะอย่างเยือกเย็นแล้วพูด: “อย่างนี้ค่อยว่าไปอย่าง”
“ระยะห่างระหว่างหลงเจียงและเมืองเจิ้ง ขับรถสามชั่วโมงก็คงเพียงพอแล้วสินะ? อีกสามชั่วโมง กูจะติดต่อมึงอีกครั้ง!”
จากพูดจบ เขาก็กดตัดสายไปในทันที
ซูซูกดโทรไปอีกครั้ง ฝ่ายตรงข้ามก็ปิดเครื่องไปแล้ว
“กงลี่ถูกลักพาตัวไปแล้ว? ทำยังไงดี?”
“หรือว่า เรารีบโทรแจ้งตำรวจกันเถอะ”เธอมองหน้าฉินเทียนพลางพูดอย่างเป็นห่วง
ฉินเทียนขมวดคิ้วพลางพูด: “กงลี่ไปเมืองเจิ้งเพราะไปตรวจสอบผลิตภัณฑ์เลียนแบบ แต่เธอกลับถูกลักพาตัวเวลานี้ ไม่แน่มันอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์เลียนแบบนั่นก็เป็นได้”
“ถ้าเกิดเป็นแบบนั้นละก็ นี่ไม่ใช่คดีลักพาตัวธรรมดา ๆ แน่นอน”
“ในเมื่อเขาให้เวลามาแล้ว งั้นเราก็ไปให้ถึงหลงเจียงก่อนค่อยว่ากันอีกทีเถอะครับ”
ซูซูพยักหน้าแล้วพูด: “งั้นแล้วก็รีบไปกันเถอะ!”เธอดึงตัวฉินเทียนแล้วเดินออกไปจากออฟฟิศ
ฉินเทียนไม่กล้าชักช้า เมื่อมาถึงด้านนอก เขาก็สตาร์ทรถโตโยต้าแล้วซิ่งออกไปจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น
“ขอให้ไม่เป็นอะไรด้วยเถิด!”
“กงลี่ไม่เป็นอะไรแน่นอนครับ!”ระหว่างทาง ซูซูนั่งตำแหน่งข้างคนขับพลางภาวนาด้วยสภาพจิตใจที่ไม่สงบ
ฉินเทียนกุมมือข้างหนึ่งของเธอเอาไว้ เพื่อเป็นการปลอบใจเธออย่างเงียบ ๆ
ภาพจำของเขาที่มีต่อกงลี่คนนี้ค่อนข้างลึกซึ้งเลย
กงลี่และซูซูเป็นเพื่อนร่วมห้องสมัยเรียนแพทย์ ตอนเรียนจะกินข้าวด้วยกันและพักอาศัยอยู่ด้วยกัน เป็นเพื่อนสนิทที่ดีมาก ๆ
ตอนนั้นซูซูศึกษาวิจัยครีมซูยู่เพราะความชอบล้วน ๆ กงลี่ก็คอยออกหัวคิดกำหนดแผนอยู่ข้างกายไม่น้อยเช่นกัน
ต่อมา เมื่อคิดค้นสูตรการผลิตครีมซูยู่ออกมาได้แล้ว ซูซูจึงเอาให้กงลี่
หยางยู่หลันที่มีมันสมองเรื่องธุรกิจแอบไปจดทะเบียนกรรมสิทธิ์
ในขณะที่เธอและซูซูร่วมกันศึกษาวิจัย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการผลิตเป็นจำนวนมากอยู่นั้น สูตรการผลิตครีมซูยู่กลับหายไป
อันที่จริงนั่นเป็นกงลี่เล่นพิเรนทร์กับซูซู เธออยากรู้ว่าซูซูจะร้อนใจหรือไม่
ซูซูก็ยังเด็กเกินไป เมื่อได้ยินแม่บอกว่าสูตรการผลิตนั้นมีมูลค่าที่สูงมาก ๆ ดังนั้นเธอจึงโทรแจ้งตำรวจ
ซูซูในตอนนั้นยังเป็นลูกหลานในตระกูลเก่าแก่ที่มีชื่อเสียง เป็นคุณหนูที่ได้รับการปรนเปรอจากตระกูลซูอยู่
แต่กลับไม่นึกเลยว่าสูตรการผลิตที่ได้รับลิขสิทธิ์ที่คุณหนูระดับนี้ศึกษาและทำการผลิตขึ้นมาจะถูกขโมย จึงทำให้ผู้คนตื่นตระหนกเล็กน้อย
เดิมทีแค่เป็นการกลั่นแกล้งของกงลี่ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะทำให้ผู้คนตื่นตกใจมากขนาดนี้ เธอจึงไม่กล้ายอมรับ
ดังนั้นเธอจึงเก็บสูตรนั้นเอาไว้
แม้ซูซูจะทำสูตรฉบับใหม่ขึ้นมาโดยการอ้างอิงจากความทรงจำ
แต่ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้กงลี่รู้สึกละอายใจมาโดยตลอด
หลังจากเรียนจบ เธอก็กลับเมืองเจิ้ง และจัดการติดต่อสื่อสารกับซูซู
ต่อมาเธอก็แต่งงานแล้วมีลูก แต่ไม่นึกเลยว่าจะได้แต่งงานกับผู้ชายที่มีคุณสมบัติย่ำแย่ หลังแต่งงานสามีติดยา ทำให้ครอบครัวที่สงบสุขในตอนแรกพังทลายลง
ผีซ้ำด้ำพลอย ลูกชายของเธอก็ป่วยหนักอีก ซึ่งต้องการเงินก้อนใหญ่มารักษา
กงลี่ที่จนตรอกถูกลูกพี่ลูกน้องของซูซู ซูเหวินเฉิงตามหาจนเจอ ทราบมาว่าสูตรในการผลิตครีมซูยู่อยู่ในกำมือเธอ จึงขอซื้อในราคาห้าล้าน
เพื่อเป็นการช่วยชีวิตลูกชาย กงลี่จึงหวั่นไหว
ดังนั้นตอนที่อยู่ในการประชุมการลงทุนของเทียนฟู่ แคปปิตอล ซูเหวินเฉิงและซูหนานสองพี่น้องนี้จึงนำสูตรที่ซื้อมา โชว์สูตรจริงและสูตรปลอมกับซูซูไปยกหนึ่ง
เมื่อฉินเทียนตรวจพบเรื่องนี้ จึงส่งคนมาบอกความจริงให้กงลี่ทราบ
กงลี่จึงรีบมาถึงที่เกิดเหตุด้วยความสมัครใจ เพื่อล้างมลทินให้ซูซู
ความเข้าใจผิดระหว่างซูซูและกงลี่ถูกคลี่คลาย ซูซูจึงให้เธอเป็นผู้ช่วยตัวเองอยู่ข้างกาย
อีกทั้งรับลูกชายของกงลี่มาหลงเจียง และมอบการรักษาที่ดีที่สุดให้เขา
เหมือนกับว่ายังซื้อบ้านหลังเล็ก ๆ ให้กงลี่หนึ่งหลังด้วย จ้างแม่นมเฉพาะทางมาช่วยเธอดูแลลูก
กงลี่จึงทำงานกับซูซูอย่างสุดจิตสุดใจ
ผู้หญิงแบบนี้ ถ้าเกิดปล่อยให้เกิดเหตุสุดวิสัยอะไรกับเธอ อีกทั้งยังเป็นการเกิดอุบัติเหตุเพราะช่วยซูซูตรวจสอบผลิตภัณฑ์ปลอมแปลงละก็
งั้นเกรงว่าซูซูคงต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่นอน
ฉินเทียนไม่อนุญาตให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด
“ไม่ต้องเป็นห่วงครับ มีผมอยู่ด้วย จะไม่เป็นไร”เขาพูดอย่างหนักแน่น
สภาพจิตใจของซูซูถึงจะผ่อนคลายขนาดเล็กน้อย
ตอนนี้เธอรู้อยู่ว่าช่วงหลายปีที่ฉินเทียนหายตัวไป เขาฝ่าฟันไปทั่วทั้งโลกด้วยอาศัยวิชาการฝังเข็มที่มหัศจรรย์ของเขา
เธอเชื่อว่าเขาคงสามารถจัดการเรื่องนี้ใจสงบได้ละมั้ง
แต่ทว่าเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอจึงขมวดคิ้วแน่นแล้วพูดอย่างไม่สบายใจว่า:
“ในหนานเจียงของเรา เมืองเจิ้งเป็นเมืองที่ใหญ่อันดับสองรองจากเมืองหลวง”
“ในขณะเดียวกัน เมืองเจิ้งก็เป็นบ้านเกิดแห่งยาจีนที่มีชื่อเสียงโด่งดังเช่นกัน”
“คนในพื้นที่ก็ถือยาจีน รวมไปถึงการใช้ยาจีนมาพัฒนาผลิตภัณฑ์มาเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจเช่นกัน”
“ถ้าเกิดเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงเรื่องหลายเรื่องมากเกินไป คุณก็ระวังตัวไว้หน่อยจะดีกว่าค่ะ”
“สามารถจัดการได้อย่างสงบสุขน่ะดีที่สุดแล้ว อย่าลงไม้ลงมือกันเด็ดขาด”
“ถ้าเกิดรุกรานตระกูลใหญ่ ๆ ในพื้นที่ละก็ เรื่องคงจะจัดการไม่ง่ายแล้วล่ะ”
ฉินเทียนแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น
ตระกูลใหญ่ ๆ ในพื้นที่งั้นเหรอ?
ถ้าเกิดเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับพวกเขาจริง ๆ งั้นการที่บังอาจรังแกมาถึงหัวเมียของกูฉินเทียน กูก็จะทำให้พวกมึงได้รู้เองว่าการได้นอนจมอยู่ในกองเลือดมันเป็นความรู้สึกยังไง
แต่ทว่าเพื่อเป็นการไม่ให้ซูซูเป็นห่วง เขาไม่มีทางพูดความคิดแบบนี้ออกมาอยู่แล้ว
“วางใจเถอะครับ สามีคุณเป็นคนที่อ่อนโยนและมีมารยาทขนาดนี้ จะเอะอะก็ลงมือได้ยังไงล่ะครับ”
“ผมเป็นเยาวชนดีเด่นเชียวนะ”
ซูซูเหล่ตามองเขารอบหนึ่งแล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์: “อวยตัวเองเก่งจริง ๆ !”
“ถ้าเกิดคุณเป็นเยาวชนดีเด่น บนโลกนี้คงไม่มีคนเลวแล้ว!”
ฉินเทียนรีบพูดทันทีว่า: “ที่รัก คุณสามารถเหยียดหยามผมได้ แต่คุณจะเหยียดแววตาของตัวคุณไม่ได้นะครับ!”
“ผมเป็นสามีที่คุณเลือก ถ้าเกิดผมน่ารังเกียจขนาดนั้นจริง ๆ งั้นก็หมายความว่าคุณไม่มีแววน่ะสิ?”
“คนพาลสันดานหยาบไม่มีทางจะพูดอะไรดี ๆ ออกมาได้หรอก!”
“ฉันไม่คุยกับคุณแล้ว”ซูซูทำเสียงถุ้ยทีหนึ่ง รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เธอจึงยื่นมือไปเปิดดนตรี
ทันใดนั้นเองเสียงที่ไพเราะอ่อนหวานก็ดังก้องไปทั่วทั้งห้องรถ
ฉินเทียนชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะถามว่า: “เสียงนี้ ทำไมฟังดูคุ้นหูจังเลยครับ?”
“ใครเป็นคนร้องเหรอ?”
ซูซูหัวเราะอย่างเยือกเย็นแล้วพูด: “จะมาแสร้งทำเป็นไม่รู้ต่อหน้าฉันทำไม!”
“เสียงของดาราดังหลิวหรูยู่ คุณจะฟังไม่ออกได้เหรอ?”
ฉินเทียนกลอกตามองบน ใช่เพลงของหลิวหรูยู่จริง ๆ ด้วย
เขาจำได้ว่าตั้งแต่ที่ตัวเองซื้อรถมา ยังไม่ได้บันทึกเพลงอะไรเลย น่าจะเป็นเครื่องเสียงที่ติดมากับตัวรถ
นึกไม่ถึงเลยว่าหลิวหรูยู่จะโด่งดังถึงขั้นนี้ เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์บางอย่าง เขาก็รู้สึกแปลก ๆ ในใจเช่นกัน
เนื่องจากสถานการณ์ฉุกเฉิน ดังนั้นระหว่างทางฉินเทียนจึงขับเร็วมาก ๆ
เดิมต้องใช้เวลาขับรถสามชั่วโมง ใช้ไปเพียงสองชั่วโมงครึ่งก็มาถึงแล้ว
เมื่อเข้าสู่เมืองเจิ้ง ซูซูก็เริ่มโทรหากงลี่ เสียงที่ตอบรับกลับมาอยู่ในสถานะปิดเครื่องมาโดยตลอด
โทรศัพท์ของกงลี่อยู่ในมือโจรเรียกค่าไถ่แล้ว เวลาที่ฝ่ายตรงข้ามกำหนดให้คือสามชั่วโมง ดูท่าถ้าเกิดไม่ถึงเวลาที่กำหนด ก็จะไม่เปิดเครื่อง
“เพื่อเป็นการคำนึงถึงความปลอดภัย เราไปถอนเงินที่ธนาคารก่อนไหมคะ?”ซูซูถามอย่างกังวลใจ
“ไม่ต้องยุ่งยากหรอกครับ”ฉินเทียนพูดอย่างมั่นใจ: “ขอแค่ให้ผมได้เจอหน้าพวกโจรเรียกค่าไถ่ มันก็จะไม่มีโอกาสหลบหนีแล้ว”
ซึ่งนี่เป็นความจริง
เขาเป็นถึงผู้สืบทอดของเถ้าแก่ใหญ่แห่งวิหารพญายมที่สง่าผ่าเผย เป็นลูกศิษย์ที่เก่งกว่าอาจารย์ และสร้างวิหารเทพขึ้นมาคนเดียว
การจัดการโจรเรียกค่าไถ่เล็ก ๆ คนหนึ่งนั้น ก็เป็นสิ่งที่ทำสำเร็จได้อย่างง่ายดายเลยไม่ใช่หรือ?
“ใช่สิ ก่อนหน้านี้กงลี่เคยส่งที่อยู่หนึ่งให้คุณไม่ใช่เหรอครับ?”
“คุณยังเซฟไว้หรือเปล่า?”นึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจึงถามอย่างอดไม่ได้
ซูซูรีบค้นดูโทรศัพท์แล้วตอบกลับว่า: “ที่ชุมชนแห่งความสุข!”