บัญชามังกรเดือด บทที่ 273 ภาระหนักหน่วงและหนทางอันยาวไกล
เมื่อได้ยินซูซูพูดว่ากำลังจริงจังอยู่นะ ฉินเทียนรีบตอบกลับไปว่า “เมียจ๋า ผมกำลังตั้งใจฟังอย่างจดจ่ออยู่นี้ไง”
ซูซูอยากจะพูดต่อ จู่จู่ก็หน้าแดงขึ้นอีก เลยตอบอย่างหงุดหงิดไปว่า “ช่างเถอะ ไม่พูดล่ะ”
“นอนเถอะ”
ฉินเทียนรีบพูดว่า “อย่าทำแบบนี้สิ”
“เมียจ๋า คุณจะพูดอะไรต่อหรือ?”
ซูซูหลับตาลง หน้าแดงและพูดว่า “ที่ฉันอยากจะพูดก็คือ บางเวลาที่อยู่กับเธอนี้ ฉันเหนื่อยมากเลยนะ”
“เธอเข้าใจยัง?”
ฉินเทียนถอนใจเฮือกหนึ่ง เขาฟังเข้าใจแล้ว
เขากระซิบเบาๆ ว่า “เมียจ๋า ผมรู้ว่าร่างกายของคุณบอบบาง คุณวางใจเถอะ จากนี้ผมจะเคารพคุณแน่นอน”
ซูซูหน้าแดงหยักหน้าตอบรับ “ดังนั้นฉันเลยต้องตั้งข้อตกลงกับเธอสามข้อ”
“ข้อแรก ต่อจากนี้เวลานอน พวกเราต้องใส่ชุดนอน”
ฉินเทียนกลืนน้ำลายตอบว่า “ได้”
“ข้อสอง__”
ซูซูคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “จากนี้ไป เวลาที่ฉันอาบน้ำ เธอห้ามบุกรุกเข้ามา และก็ห้ามแอบมองเวลาฉันเปลี่ยนเสื้อผ้า”
ฉินเทียนกัดฟัน พยักหน้าตอบรับ “ตกลง”
“ข้อสามล่ะ?”
ซูซหน้าแดงและพูดว่า “ช่างเหอะ รอฉันคิดได้ล่ะค่อยบอกแล้วกัน”
“นอน!”
พูดตามตรง นอนกับฉินเทียนมาหลายครั้งแล้ว แต่ตอนนี้ซูซูก็ยังคิดถึงกลิ่นอายและอ้อมกอดของผู้ชายคนนี้อยู่ดี
ถ้าไม่มีเขานอนกอด หล่อนคนเดียว คงนอนไม่หลับแน่
แต่เนื่องจากสาเหตุด้านสุขภาพ บางครั้งหล่อนเองก็รู้สึกเหนื่อยมาก ดังนั้นเลยจำเป็นต้องตั้งข้อตกลงขึ้นมาสามข้อ
ฉินเทียนเดินไปเปลี่ยนชุดนอนที่ห้องเปลี่ยนเสื้อ พอเห็นซูซูนอนกรน เลยเตรียมตัวจะนอน
เขาคิดอะไรขึ้นได้ รีบบอกว่า “นอนตอนนี้ไม่ได้นะ ยังมีภารกิจอยู่”
ซูซูงัวเงียและตอบว่า “ภารกิจอะไรของเธอ อย่ามารบกวนฉัน!”
“ฉันเหนื่อยแล้ว อยากนอน!”
“มีภารกิจจริงๆ” ฉินเทียนพูดอย่างจริงจัง “คุณจำสูตรการหายใจที่ผมสอนคุณไปได้ไหม?”
ซูซูหลับตาพูดว่า “จำได้ นั่งไขว่ห้าง ยืดตัวตรง วางจิตว่างเปล่า ทำจิตใจให้สงบ”
“แล้วอะไรอีก?”
“ตั้งใจสัมผัสฟ้าดิน และความเคลื่อนไหวของสรรพสิ่ง”
“จินตนาการว่าร่างกายของตนเป็นพื้นแผ่นดิน เส้นผมเป็นพืชพรรณอันเขียวขจี ผิวหนังคือผิวดิน กระดูกคือภูเขาใหญ่ เลือดคือสายน้ำ”
“ใช้ลมหายใจเคลื่อนไหวผืนดิน สรรพสิ่งทั้งหลาย พืชพรรณทั้งหลาย การไหลเวียนของเลือด การเกิดเติบโตที่ไม่มีสิ้นสุด”
ฉินเทียนกล่าวว่า “เมียของฉันเป็นคนฉลาด ความจำดีมาก แล้วwfhเคยฝึกทำบ้างยัง?”
ซูซูหัวเราะและพูดว่า “ไม่เคยเลยสักครั้ง”
“ทำไมล่ะ?”
“โธ่เอ๊ย เธอนี้มันยุ่งจังเลย ก็มันไม่มีอุปกรณ์ในการเรียนหน่ะสิ ฉันกลัวปวดขา!”
ฉินเทียนพูดอย่างจริงจังว่า “แรกๆ อาจจะไม่เคยชินเท่าไร แต่ค่อยๆ ฝึกไป คุณจะรู้ว่า มันมีประโยชน์มหาศาลเลยนะ”
“นี่เป็นแค่เริ่มต้น รอคุณมีพื้นฐานแล้ว ผมจะสอนอย่างอื่นเพิ่มเติม ชนิดที่นั่งสมาธิเทียบไม่ได้เลย”
“ร่างกายคุณอ่อนแอ จากนี้ต้องหมั่นฝึกฝน ช่วงแรกวันละครึ่งชั่วโมงก็พอ”
“ลุกขึ้น!”
เขาดึงตัวซูซูขึ้นมา สองสามีภรรยา เริ่มทำการฝึกฝน
แรกๆ ซูซูก็เข้าสู่สมาธิได้ยากหน่อย แต่พอผ่านไปสักพัก ก็ค่อยๆ สงบลง
ฉินเทียนลืมตาขึ้น มองดูใบหน้าอันสวยงามของหล่อน ปกคลุมไปด้วยออร่าแสงสว่างอันศักดิ์สิทธิ์
“เดี๋ยวถ้าฉันปวดขาขึ้นมานะ เธอต้องนวดให้ฉันด้วย” ซูซูหลับตาลง และบ่นพึมพำ
ฉินเทียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะก๊าก
ซูซูฝืนอยู่ครู่หนึ่งก็ล้มลงและพูดว่า “โอ๊ย เร็ว ขาเป็นตะคริวแล้ว!”
“นี่คุณฉิน คุณจะฆ่าเมียตายแล้วนะ”
“ฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว!”
“โถ่เด็กน้อย ไม่ต้องตื่นเต้น ผ่อนคลายสบายๆ”
ฉินเทียนรีบเอาขาของซูซูมาไว้ในอ้อมแขน และใช้มือยืดกล้ามเนื้อ และกดนวดไปที่จุดลมปราณของหล่อน
ลมหายใจอุ่นๆทำให้ซูซูถอนใจด้วยความสบาย รู้สึกผ่อนคลายไปทั่วร่าง ขายาวๆ ทั้งคู่อยู่ในอ้อมแขนของฉินเทียน สักพักก็ผล็อยหลับไป
ฉินเทียนถอนใจ ช่างเป็นภาระหนักหน่วงและหนทางอันยาวไกลเสียจริง!
แต่ เพื่อชีวิตที่มีความสุขของเขาเอง เลยจำเป็นต้องสู้ต่อไป!
วันต่อมา
หยางยู่หลันตื่นแต่เช้าด้วยความตื่นเต้น เริ่มทำความสะอาดทั้งภายในและภายนอก
จริงๆ คฤหาสน์ก็สะอาดมากอยู่แล้ว ไม่เห็นมีอะไรต้องทำความสะอาด
แต่ครอบครัวมีงานมงคล หล่อนเลยต้องฉลองเป็นพิเศษสักหน่อย
อาเซวี่ยเป็นเด็กที่ทางบ้านยากจน ตั้งแต่จำความได้ ก็ต้องตื่นแต่เช้าตรู่ เพื่อช่วยหยางยู่หลันทำงาน
แทบจะไม่ได้นอนหลับสนิทมานานแล้ว อาเซวี่ยดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
ก่อนหน้านี้ ดูมีแต่ความว่างเปล่า
เมื่อเห็นฉินเทียน หยางยู่หลันก็เบะปากและพูดว่า “ภรรยาของเธอนอนขี้เซาอยู่ใช่ไหม”
“วันนี้มีงานมงคล ยังไม่รีบปลุกหล่อนขึ้นมาอีกหล่ะ!”
ฉินเทียนตอบว่า “แม่ครับ ช่วงนี้ซูซูทำงานเหนื่อยมากเลย ให้เขานอนอีกสักหน่อยเถอะครับ”
“มีงานอะไรก็ให้ผมทำก็ได้ครับ!”
“จริงสิ ผมไปทำอาหารก่อนดีกว่า!”
หยางยู่หลันพูดอย่างอารมณ์เสียว่า “ฉินเทียน เธอตามใจเขาเกินไป!”
“แบบนี้จะทำให้เขานิสัยเสียนะ!”
อาเซวี่ยหัวเราะคิกคักและพูดว่า “พี่ชายดีกับพี่สาวมากเลย”
ฉินเทียนยิ้มและตอบว่า “น้องเซวี่ยของพวกเราก็ต้องหาสามีที่ดีแบบนี้ได้เหมือนกันแหละ”
อาเซวี่ยจู่จู่ก็หน้าซีด และก้มหน้าลงมองพื้น
หยางยู่หลันมองเขม่นไปที่ฉินเทียน
ฉินเทียนเลยรู้สึกตัวว่า คำพูดของเขาดูล่วงเกินไปแล้ว
ยังดีที่โทรศัพท์ของเขาดังขึ้น เป็นเหลยเป้าที่โทรเข้ามา
“เมื่อวานที่สอบสวนผู้ชายพวกนั้นไป ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้เรื่องอะไรเท่าไร แต่เขาก็สารภาพเท่าที่เขารู้แล้วว่า อย่างน้อยยังมีอีกสิบกว่ากลุ่มที่กำลังรีบมาที่หลงเจียงเพื่อทำการลอบสังหารครับ”
“จริงสิ ชายพวกนี้มีคดีอยู่ ผมส่งให้พื้นที่จัดการต่อแล้วครับ”
“วันนี้จะไปตกปลาที่ไหนครับ?”
ฉินเทียนรู้สึกรำคาญ ไอ้พวกนักฆ่าไม่เต็มบาทพวกนี้ แม้ว่าคุกคามอะไรเขาไม่ได้ก็เหอะ
แต่ก็เหมือนแมลงวัน บินวืดวืดไปมา มันก็เสียอารมณ์ได้มากเหมือนกัน
เพื่อคลายความอึดอัดนี้ เขาจงใจพูดเสียงดังขึ้นมาว่า “เสือดาว วันนี้แกจองโรงแรมให้ที”
“ช่วงนี้แก๊งมังกรของพวกแกงานหนักหน่อยนะ เรียกคนของเหลิ่งเฟิงและคนของฉานเจี้ยนมาด้วยล่ะ”
“พวกเรามาสังสรรค์กันหน่อย”
“แม่ฉันรับลูกสาวบุญธรรมมาคนหนึ่ง พวกเรามาร่วมฉลองด้วยกันเลย”
เหลยเป้าตอบเบาๆ ว่า “ผมเข้าใจล่ะ ผมจัดการให้เองครับ”
ฉินเทียนยังไม่เคยแนะนำคนของเหลิ่งเฟิงและฉานเจี้ยนให้เหลยเป้าได้รู้จักเลย
พวกเขาอยู่กันแบบสามระบบ
เหลยเป้าเองก็ไม่เคยถามมาก่อน แต่ฉินเทียนรู้ดีว่า เขารู้การมีอยู่ของคนพวกนี้มาตั้งนานแล้ว
แต่เหลยเป้าเป็นกัปตันสาขาเขี้ยวมังกรของหลงเจียงนะ
เกิดเรื่องอะไรในพื้นที่ ก็หนีไม่พ้นหูพ้นตาเขาอยู่แล้ว
ตอนนี้ถึงเวลาที่พวกเขาต้องรู้จักกันอย่างเป็นทางการเสียที ความร่วมมือของทั้งสามระบบ มันจะมีประโยชน์ต่อการทำงานมากขึ้น
แน่นอนว่าฉินเทียนเองมีจุดประสงค์อื่นที่แอบแฝงอยู่ด้วย
นั้นก็คือ ใช้โอกาสนี้ปรากฏตัวต่อสาธารณะเพื่อตกปลาอีกสักสองสามตัว
เมื่อวานที่สวนสัตว์ร้าย หม่าหงเทาถูกชายเหล่านี้ลากไปดื่มเหล้ากัน
ตามประเพณีของสวนสัตว์ร้ายนั้น หลังจากดื่มเหล้าแล้วเมื่อเข้าเขตสัตว์ร้าย จะต้องทำการต่อสู้ด้วยมือเปล่าด้วย
เล่นเอาซะเหมือนเอาเลือดไก่มาฉีดเข้าตัวยังไงยังนั้นเลย
ได้ยินฉินเทียนพูดว่า วันนี้แม่ของซูซูจะรับน้องสาวของเขามาเป็นบุตรบุญธรรมอย่างเป็นทางการ เลยอยากเชิญผู้ปกครองมาหารือด้วยกันสักหน่อย
หม่าหงเทารู้สึกตื่นเต้นมาก เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่และเดินทางมาถึงอุทยานมังกร