“คนแซ่หวาง นี่แกคงไม่ได้แอบไปทำเรื่องชั่วๆอะไรอีกใช่ไหม บอกว่าไปคุยงาน แต่ลับหลังฉัน ก็ไปมั่วกับดาราสาวๆของบริษัทอีกแล้วใช่ไหม ?”
“ฉันจะบอกอะไรให้ หากเป็นแบบนั้น ฉันเอาแกตายแน่!”ในสาย เสียงที่เดือดดาลของผู้หญิงดังขึ้น
หวางเฉียงได้สติ รีบกล่าว“คุณพูดเหลวไหลอะไรเนี่ย!”
“ผมกำลังคุยเรื่องซื้อขายบริษัทอยู่”
“คุณวางใจเถอะ!”
“หมอบอกแล้ว ว่าอาการป่วยของหนานหนาน หากได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอากาศดีๆ อาการก็จะไม่กำเริบ”
“รอผมขายบริษัทนี้ได้แล้ว เราจะไปอยู่ต่างประเทศกัน”
“ครั้งนี้ เราไปที่ออสเตรเลียกัน ผมหาบ้านที่นั่นไว้แล้ว ดีกว่าที่เกาะมลายูก่อนหน้านั้นอีก”
หญิงสาวพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ถือว่าคุณยังพอมีจิตสำนึกอยู่บ้าง!”
“คุยเสร็จแล้วรีบกลับมา!”
พูดจบ ก็วางสายไป
หวางเฉียงถอนหายใจ ใบหน้ามีเหงื่อเย็นผุดซึม
เมื่อคิดไปถึงว่าจะได้ส่งภรรยาและลูกไปอยู่ต่างประเทศในเร็ววัน ตัวเองมีเงินทองมีเวลา หาวันว่างแล้วค่อยบินกลับมาหาความสุขที่นี่
ไม่ต้องกลัวภรรยาจะมาจับได้อีกแล้ว เขาเผยรอยยิ้มที่ลำพองใจออกมา
ส่วนเรื่องที่เขาขายบริษัทไปแล้ว จะยังเป็นกรรมการผู้จัดการ และจะสนับสนุนไป๋เสี่ยวเชี่ยน คำพูดเหล่านั้นล้วนหลอกลวงไป๋เสี่ยวเชี่ยนทั้งนั้น
จ้าวซวู่รับปากเขา หลังจากที่ซื้อขายกันแล้ว ยังให้เขาอยู่ต่อไปได้อีก แต่ทว่า ก็เป็นเพียงแค่ตำแหน่งที่ปรึกษาเท่านั้น
ถึงตอนนั้น เขาก็แทบไม่มีอำนาจอะไร อย่าว่าแต่จะสนับสนุนไป๋เสี่ยวเชี่ยนเลย
แต่เมื่อคิดถึงไป๋เสี่ยวเชี่ยนเขาก็อดไม่ได้ที่จะต้องกลืนน้ำลาย
ต้องบอกว่า หญิงสาวคนนี้ยังมีรูปร่างที่สวยงาม
ปล่อยเธอไปแบบนี้ ก็ยังรู้สึกเสียดายอยู่
เมื่อครู่ ใครเป็นคนที่โทรมากัน
เล่นบ้าอะไรแบบนี้!
เขาก่นด่าไปคำหนึ่ง แล้วหาเบอร์แปลกๆเมื่อครู่นั้นออกมา ตั้งใจจะกดโทรไปถาม
ในตอนนี้เอง ผลักประตู เงยหน้าขึ้นโดยไม่ตั้งใจ ที่ตรงโซฟาในห้องนั่งเล่น มีคนคนหนึ่งนั่งอยู่
บนโต๊ะตรงหน้า ยังมีไวน์แดงของสะสมสุดล้ำค่าของเขาเปิดอยู่
หวางเฉียงโวยวายด้วยความตกใจ โทรศัพท์ที่ถืออยู่ก็แทบจะหล่น
“นายเป็นใคร ? มาอยู่ที่บ้านฉันได้ยังไง!”
ภายใต้ความตกใจ มองเห็นไม้เบสบอลที่อยู่ข้างๆ รีบคว้ามันมา แล้วถือไว้ในมือ
ฉินเทียนมองเขาแล้วยิ้มกริ่ม พูดว่า“ขอแนะนำตัวเอง ผมชื่อฉินเทียน”
“เข้ามาโดยเสียมารยาท เพราะมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะคุยกับคุณ”
“ฉินเทียน?”หวางเฉียงขมวดคิ้ว และพูดอย่างโกรธเคือง“ฉันไม่รู้จักแก!”
“และฉันก็ไม่มีอะไรจะคุยกับแก ตอนนี้ ฉันขอสั่งให้แกออกไปเดี๋ยวนี้!”
“ไม่อย่างนั้น บุกรุกเคหสถาน เชื่อไหมฉันแจ้งความได้นะ !”
“เหรอ? ”ฉินเทียนรินไวน์แดงแก้วหนึ่ง แล้วยกขึ้นจิบ พูดว่า“รสชาติไม่เลว”
“ถ้าเดาไม่ผิด มาจากเกาะมลายูใช่ไหม โชคดีจริง เมื่อไม่นานมานี้ ผมเองก็เพิ่งได้ชิมไป”
เมื่อเห็นท่าทีที่สบายๆของฉินเทียน หวางเฉียงก็ราวกับคนที่ทำผิดแล้วหวาดระแวง จู่ๆก็นึกถึงไป๋เสี่ยวเชี่ยนขึ้นมา ใจของเขากระตุกวูบ
ไอ้หมอนี่ คงไม่ใช่คนที่ไป๋เสี่ยวเชี่ยนส่งมาเพื่อแบล็กเมล์ไม่ใช่?
แม่สาวน้อยคนนี้กล้าส่งนางนกต่อมาล่อลวงตัวเองอย่างนั้นเหรอ ?
ต้องใช่แน่ๆ!
เขากัดฟันพูด“ ว่ามา ต้องการเงินเท่าไร ?”
ฉินเทียนหัวเราะแล้วกล่าว“ คุณเข้าใจผิดแล้ว”
“ประธานหวาง ผมไม่ได้มาเพื่อขอเงิน แต่มาเพื่อจะให้เงินคุณ”
“ให้เงิน?”หวางเฉียงไม่เข้าใจ ถามด้วยความสงสัย “ให้ยังไง?”
ฉินเทียนพูดเสียงเรียบ“ บริษัทซิงถูของคุณ ผมขอละกัน”
“คุณถือหุ้นอยู่เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ใช่ไหม ?จ้าวซวู่ให้คุณสามร้อยล้าน ผมก็ให้คุณได้เหมือนกัน”
“แกว่าไงนะ?”หวางเฉียงตะลึง มองสำรวจฉินเทียนอีกครั้ง และกล่าว “แกเป็นใครกันแน่?”
“มาเล่นตลกอะไรกับฉัน ?”
“ในเมื่อนายเองก็รู้ ว่าฉันกับคุณชายจ้าวซวู่ได้ตกลงกันไว้แล้ว ทำไมถึงยังคิดว่า ฉันจะขายมันให้นายอีก ?”
“นายกล้างัดข้อกับคุณชายจ้าวซวู่เหรอ?”
ฉินเทียนหัวเราะเยาะและกล่าว “ด้วยวิธีนี้”
เขาวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ที่หน้าจอ มีคลิปวิดีโอหนึ่งปรากฏ
เป็นคลิปที่หวางเฉียงกับไป๋เสี่ยวเชี่ยนอยู่ด้วยกันเมื่อครู่ตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่เสียงพูดคุย ก็ยังชัดเจน
หวางเฉียงหน้าถอดสี
“นี่แกแอบถ่ายฉันเหรอ?”เขาจ้องมองฉินเทียน แววตามีความชั่วร้ายปรากฏ
ฉินเทียนยิ้มเยาะแล้วกล่าว“เพื่อเอาใจจ้าวซวู่ คุณถึงกับช่วยเขาใส่ร้ายป้ายสีหลิวหรูยู่”
“คุณคิดว่า หากคลิปวิดีโอนี้หลุดออกไป คุณจะเป็นยังไง?”
“ฉันจะฆ่าแก!”หวางเฉียงคำรามขึ้นในทันที เหวี่ยงไม้เบสบอล แล้วฟาดไปยังฉินเทียนอย่างดุร้าย
เขามั่นใจว่า ที่ตรงนี้มีฉินเทียนอยู่แค่คนเดียว และฉินเทียนก็ดูเหมือนจะรูปร่างผอมบาง น่าจะจัดการได้อย่างง่ายดาย
ขอแค่จัดการกับฉินเทียนได้ เขาก็จะทำลายคลิปวิดีโอนั้นได้
ต้องบอกว่า ความคิดความอ่านของไอ้หมอนี่ก็จัดว่ารวดเร็วดี
ในมือของฉินเทียนถือแก้วไวน์แดง เปลือกตายังไม่ทันได้กะพริบ ยื่นขาข้างหนึ่งออกมาอย่างลวกๆ แล้วถีบไปที่ท้องของหวางเฉียง
เสียงร้องโอดโอย ร่างของ หวางเฉียงราวกับหมูบินลอยกระเด็น แล้วกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรง
เจ็บปวดจนดวงตาของเขาพร่ามัว และรู้สึกจุกอยู่เป็นเวลานาน
ฉินเทียนเค้นเสียงหึ หยิบขวดไวน์ขึ้นในทันที แล้วฟาดมันจนแตก ในมือถือขวดปากฉลามที่แหลมคม ชั่วพริบตา ก็มากดอยู่ที่ตรงบริเวณลำคอของหวางเฉียง
รู้สึกถึงความเจ็บแสบที่ลำคอ หวางเฉียงตื่นตระหนกอย่างที่สุด กรีดร้องโหยหวนราวกับหมูถูกเชือด
“ไว้ชีวิตด้วย !ไว้ชีวิตด้วย!”
“น้องฉินเทียน มีอะไรเราคุยกันดีๆ อย่าวู่วามเลยนะ!”
“อย่าวู่วามเลย!”
ฉินเทียนเค้นเสียงหึ แล้วกล่าว“ความอดทนของฉันมีจำกัด ขอเตือนว่าอย่ามาคิดท้าทายฉัน”
“ฉันจะพูดอีกครั้ง ฉันต้องการบริษัทของนาย”
“นายออกนอกประเทศได้เลยคืนนี้ แต่ทว่า อีกสามวันให้หลัง ต้องวิดีโอข้ามประเทศมา พูดชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นกับหลิวหรูยู่ ”
“เข้าใจไหม?”
หวางเฉียงกล่าวด้วยใบหน้าที่โศกเศร้าเสียใจ“น้องฉินเทียน ไม่ใช่ว่าฉันไม่ยินยอม แต่หากจ้าวซวู่มารู้เข้า ทั้งครอบครัวของฉันต้องตายกันหมดแน่!”
“จ้าวซวู่ เป็นเถ้าแก่ผู้อยู่เบื้องหลังของหวงฉาว และหวงฉาวก็เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่สุดในวงการบันเทิง”
“นี่ยังไม่เท่าไร เมื่อเทียบกับธุรกิจที่ใหญ่โตของตระกูลจ้าวแล้วหวงฉาวก็เป็นแค่กิจการที่จ้าวซวู่มีไว้เพื่อเล่นสนุกเท่านั้น ”
“ตอนนี้นายรู้หรือยัง ว่าตระกูลจ้าวนั้นน่ากลัวแค่ไหน ?”
ฉินเทียนพูดอย่างเรียบเฉย “จะจัดการกับตระกูลจ้าวยังไง นั่นมันเรื่องของฉัน นายไม่ต้องมาเป็นห่วง”
“ส่วนเรื่องความปลอดภัยของนายกับครอบครัว——”
“เมื่อกี้นายคุยโทรศัพท์กับภรรยา ว่าจะไปเกาะมลายูไม่ใช่เหรอ?”
“ที่นั่น พอดีฉันมีเพื่อนอยู่ พวกนายไปตั้งรกรากกันที่นั่นได้เลย ”
“ที่นั่นสภาพแวดล้อมสวยงาม และอากาศก็โล่งโปร่ง ช่วยเรื่องอาการป่วยของลูกสาวนายได้ดีเลย ”
หวางเฉียงพูดอย่างประหลาดใจ“นี่นายรู้กระทั่งเรื่องอาการป่วยของลูกสาวฉันด้วยเหรอ?”
“แต่ที่เกาะมลายู ฉันไม่กล้าไปที่นั่นอีกแล้ว ”
“ก่อนหน้านั้นฉันเคยซื้อบ้านอยู่ที่นั่น ตั้งใจจะให้ลูกเมียไปใช้ชีวิตอยู่ แค่ไม่กี่เดือน ก็ถูกคนรังแกจนต้องกลับมา !”
“ที่นั่นมีเคราใหญ่คนหนึ่ง น่ากลัวมาก !”
“จริงๆนะ ปล่อยฉันไปเถอะ !”
ฉินเทียนกดโทรไปที่เกาะมลายู วิดีโอคอลหาก่วนยี่ พูดรวบรัด“ไป ตามตัวเคราใหญ่มา”
ไม่นาน ในสายของวิดีโอคอล ก็มีชายต่างชาตินัยน์ตาฟ้าคนหนึ่ง ใบหน้ามีหนวดเคราเฟิ้มปรากฏขึ้น
เมื่อเห็นฉินเทียน เขาก็พูดอย่างเคารพนบน้อม“นายท่าน มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”