บัญชามังกรเดือด บทที่ 354 ดาบพิฆาตซีเป่ย
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากความมืด เปลือกตาของคนชุดดำกระตุกขึ้นเล็กน้อย
เสียงฝีเท้าเบาเป็นอย่างมาก
เมื่อผสานกับเสียงลมของแม่น้ำและเสียงกระแสคลื่น โดยคนธรรมดาทั่วไป ไม่มีทางได้ยินอย่างแน่นอน
แต่ก็หนีไม่พ้นหูและตาของคนชุดดำ ซึ่งนี่มันเกือบจะกลายเป็นสัญชาตญาณของเขาไปแล้ว
เขามองไปยังฝั่งตรงข้าม
ชายหนุ่มร่างผอมบาง สวมใส่ชุดฟาง รองเท้าผ้าใบ และเดินเข้ามาอย่างช้าๆ
โขดหินทอดยาวสลับไปมาตามแนวขวาง แต่เขากลับเดินได้มั่นคงอย่างน่าประหลาดใจ
นอกจากนี้ ทุกย่างก้าวดูเหมือนจะได้รับการวัดอย่างละเอียดมาแล้ว โดยไม่ขาดหรือเกินแม้แต่ขีดเดียว
บนเอวของเขามีดาบมาเชเต้เรียวยาวห้อยลงมา
มือของเขาจับอยู่ที่ด้ามของดาบ
เหมือนกับว่ามือข้างนี้ ก็คือส่วนหนึ่งของดาบ หรือดาบเป็นเพียงส่วนขยายของมือเท่านั้น
คนชุดดำบนหินที่อยู่ริมแม่น้ำ ในที่สุดสีหน้าก็เปลี่ยนไป
“นามของดาบคือจุยเฟิง นามของคนก็คือจุยเฟิงเช่นกัน”
“นายก็คือจุยเฟิงหรอกหรือ?”
จุยเฟิงพยักหน้า ลูกตาดำราวกับดวงดาวที่ทอแสงอยู่บนท้องฟ้า จดจ้องไปยังชายที่อยู่บนหินนั่น
“ดาบพิฆาตซีเป่ย?”
บุรุษชายพยักหน้า:”เจี๋ยโกว จากซีเป่ย”
จุยเฟิง:”จะเริ่มได้หรือยัง?”
เจี๋ยโกว:”ได้ทุกเมื่อ”
จุยเฟิงไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่เขาชักดาบขึ้นมาและปรี่เข้าไปทันที
ขณะเขายังไม่ชักดาบ ดาบจ่ออยู่บนเอว แต่เมื่อเขาชักดาบ ดาบพุ่งสูงขึ้นสู่กลางอากาศทันที
แสงอันเยือกเย็นราวกับงูสามเหลี่ยมสีเงินกระโดดผ่าผ้าม่านแห่งความมืด และฟันลงใต้ซี่โครงของเจี๋ยโกวในพริบตาเดียว
และกระบวนท่าที่ติดต่อกันนี้ ทำให้เขาสำเร็จในครั้งเดียวที่ลงมือ มันช่างรวดเร็วยิ่งนัก
ม่านตาของเจี๋ยโกวหดลง
เขารู้ว่าเพลงดาบของจุยเฟิงนั้นรวดเร็วเพียงใด และได้เตรียมใจมาอย่างดี
แต่เขาพบว่ายังประเมินความเร็วของจุยเฟิงต่ำเกินไป
กลอุบายป้องกันการรุกรานที่เขาจัดเตรียมไว้แต่แรก ดันใช้ไม่ได้สักอย่าง
เขาคำรามเสียงต่ำและถอยหนีอย่างน่าอัปยศ
เดิมที่คิดว่า การถอยครั้งนี้ มันเพียงพอที่จะหลบหนีเพลงดาบของจุยเฟิงได้
จากนั้นเขาก็สามารถใช้ดาบสู้กลับอย่างรวดเร็วและรุนแรง
คิดไม่ถึงว่า เหมือนกับว่าทั้งตัวของจุยเฟิงจะหลอมรวมกับดาบจนเป็นหนึ่งเดียว และดาบยาวในมือของเขานั้น เปรียบเสมือนเงาตามตัว
เจี๋ยโกวตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ถอยอีก
ถอยแล้ว ก็ถอยอีก
จนกระทั่ง รู้สึกถึงความเยือกเย็นบนเท้า ถึงได้รู้ว่าถอยมาถึงที่แม่น้ำเสียแล้ว
ถ้าอิงตามความเร็วนี้ของจุยเฟิง เขารู้สึกว่าตัวเองต้องตกลงไปในแม่น้ำ ถึงจะสามารถหลบหนีไปได้
แต่คาดไม่ถึงว่า อยู่ๆ จุยเฟิงก็หยุดกะทันหัน
การเคลื่อนไหวราวสายฟ้าแลบ
เงียบสงัดราวกับหญิงพรหมจารี
ราวกับว่าการโจมตีอย่างดุเดือดเมื่อครู่ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาเลยแม้แต่น้อย
ราวกับว่าเขายืนอยู่ที่นี่ตลอดเวลา โดยไม่ได้ดึงดาบออกมาแต่อย่างใด
เขาพูดอย่างเย็นชา:”มีน้อยครั้งที่ฉันจะชักดาบก่อน”
“และเวลาที่ฉันชักดาบก่อน คู่ต่อสู้มีโอกาสน้อยมากในการโจมตีกลับมา”
“ตอนนี้ฉันให้โอกาสนายสักครั้ง” พูดไปพลางถอยหลังหนึ่งก้าว
สีหน้าของเจี๋ยโกวเคร่งขรึมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ในขณะเดียวกัน ได้ปรากฏสีหน้าที่แสดงความนับถือในสายตาของเขา
ทุกคนล้วนใช้ดาบด้วยกันทั้งนั้น เขาสามารถสัมผัสได้ความเชื่อและความเคารพในหัวใจที่จุยเฟิงมีต่อดาบ
“ฉันประมาทเอง”
“ฉันต้องขอโทษนายด้วย”
เขาพูดประโยคหนึ่งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น โต้กลับ และชักดาบ
ความหนาและความกว้างของดาบของเขา มันได้รับการดัดแปลงและหลอมตีจนเข้ารูป ที่อยู่บนพื้นฐานของดาบหัวผีสมัยเก่า
ซึ่งการเหวี่ยงดาบหนึ่งครั้ง ลมยังไม่ทันถึง แต่ดาบก็ไปถึงเสียแล้ว
จุยเฟิงถอยหลังออก
เจี๋ยโกวใช้กระบวนท่าสามดาบสังหาร และจุยเฟิงก็ถอยออกอีกสามก้าว
“ดาบพิฆาตซีเป่ย สมคำร่ำลือยิ่งนัก ”
“ต่อจากนี้ ถ้าฉันยังออมมือให้อีก มันจะเป็นการไม่ให้เกียรตินายสินะ”ไม่มีความรู้สึกใดๆ อยู่ในน้ำเสียงของจุยเฟิง
เจี๋ยโกวก็เช่นเดียวกัน เขาพูดขึ้นอย่างเย็นชา:”ถ้านายออมมือให้ เท่ากับดูหมิ่นฉัน”
ทั้งสองพุ่งเข้าหากันอีกครั้งด้วยเสียงอันแผ่วเบา
ดาบทั้งสอง ด้ามหนึ่งกว้างและหนา มันทำให้เกิดลมกระโชกอย่างรุนแรง
และอีกด้ามหนึ่งเรียวยาวราวกับสายฟ้าแลบงูสามเหลี่ยมสีเงินที่แปลกประหลาด
สิ่งที่เพ่งเล็งไว้ ล้วนเป็นจุดอันตรายของฝ่ายตรงข้าม
มีเสียงชิ้งเชงดังมาจากกลางอากาศ และในเวลาเพียงไม่กี่วินาที เสียงนั้นก็เพิ่มทวีขึ้นนหลายสิบครั้ง
และทั้งสองคนแยกออกจากกันอีกครั้ง
สีหน้าไร้ความรู้สึกของจุยเฟิง:”นายแพ้แล้ว”
เจี๋ยโกวเห็นมุมเสื้อของตัวเองถูกสับออกเป็นชิ้นๆ เขากัดฟันแน่น และในสายตาของเขาเผยสีหน้าแห่งความอาฆาตแค้น
“มาสู้กันอีกครั้งหนึ่ง!”
ตะโกนเสียงดังอย่างโมโห ดาบใหญ่ในมือของเขา ราวกับพายุฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง และแผ่คลุมจุยเฟิงไว้ในนั้น
ทันใดนั้นทั้งร่างของจุยเฟิงเหมือนกลายเป็นกระดาษแผ่นหนึ่ง และล่องลอยอยู่กลางอากาศ ตามลมที่โหมพัดอย่างบ้าคลั่งของดาบพิฆาต
แต่ทุกครั้ง เขาก็สามารถหลบคมดาบได้อย่างสวยงาม แม้เกือบเฉี่ยวโดนแล้วก็ตาม
จนกระทั่งเจี๋ยโกวใช้เพลงดาบชุดหนึ่งจนจบ ระหว่างสถานการณ์การที่อันตรายของการเปลี่ยนลมหายใจ
ดาบเรียวยาวในมือของจุยเฟิงราวกับสายฟ้าฟาดผ่านกลางอากาศ
เพียงสัมผัสเดียว ก็ต้องรีบถอยหนี
เขากล่าวขึ้นอีกครั้ง:”นายแพ้อีกแล้ว”
เจี๋ยโกวมองเห็นชายผมของตัวเองปลิวร่วงลงมา
หน้าของเขาแดงขึ้น
“ฉันไม่ยอม!”
คำรามด้วยความโมโห และโถมเข้าโจมตีอีกครั้ง
คราวนี้เป็นกระบวนท่าที่สิบ แต่จุยเฟิงหมุนเพียงครั้งเดียว ดาบมาเชเต้เรียวยาวราวกับปีศาจในมือของเขา ก็จ่ออยู่บนคอของเจี๋ยโกวแล้ว
“ยังจะเอาอีกไหม?”สายตาของจุยเฟิง แสดงความถากถางเล็กน้อย
เจี๋ยโกวหน้าตาหมองคล้ำ
ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็เห็นความแตกต่างของตนกับจุยเฟิงแล้ว
“ขออภัย”ในสายตาของเขา ได้เผยความรู้สึกละอายใจออกมา และดาบใหญ่ในมือก็ตกเคร่งลงบนพื้น
หลังจากที่จุยเฟิงเก็บดาบแล้ว เขาพูดขึ้นอย่างเย็นชา:”ที่นายพูดว่าขอโทษ นั่นเป็นเพราะนายรู้อยู่แล้วว่า นายควรหยุดตั้งแต่ครั้งแรกที่แพ้ใช่ไหม?”
สีหน้าของเจี๋ยโกวเปลี่ยนไปเล็กน้อย และอยากพูดอะไรบางอย่าง
จุยเฟิงพูดขึ้นอย่างเย็นชา:”ไม่ต้องมาขอโทษฉัน”
“คนที่นายควรขอโทษคือ ตัวของนายเอง”
“นักดาบเช่นนาย กลับทรยศหัวใจและศักดิ์ศรีของตนเอง และขัดขวางฉันไว้อย่างหน้าไม่อาย เพียงให้ภารกิจสำเร็จ”
“สุดท้ายสิ่งที่ถูกทำร้าย ก็คือคุณธรรมในใจของนายเอง”
เจี๋ยโกวตกใจอย่างยิ่ง
“นายรู้ได้ยังไง?”
จุยเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา:”น่าเสียดาย ที่นายไม่ได้แสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มที่ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ลงมือ”
“เพราะภารกิจที่นายได้รับ ไม่ใช่เอาชนะฉัน แต่เป็นการขัดขวางฉัน”
“นายทรยศต่อความตั้งใจเดิมของตนเอง และผิดต่อดาบในมือของนายอีกด้วย”
“หวังว่าเจอกันครั้งหน้า นายจะเป็นนักดาบที่บริสุทธิ์คนหนึ่ง”
เมื่อพูดจบ เขาก็เก็บดาบ และหันหลังเดินจากไป
เจี๋ยโกวตกตะลึงเป็นอย่างมาก
เขาจ้องมองไปยังจุยเฟิง ด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป และในที่สุดก็มีความสำนึกผิดเผยออกมาจากสายตาของเขา
“ได้รับมอบหมายมาจากคนอื่น ไม่อาจทำตามใตนเองได้!”
“จุยเฟิงนายเป็นนักดาบที่ดีคนหนึ่ง”
“ถ้ายังมีโอกาส ฉันจะต้องใช้สภาพที่ดีที่สุดของตนเองมาสู้กับนายอีกครั้งอย่างแน่นอน!”
หลังจากที่พูดจบ ก็หายไปอย่างรวดเร็วในความมืดที่ไกลโพ้น
จุยเฟิงไม่ได้หันหลังแต่อย่างใด แต่ก้าวเท้ายาวและออกจากหาดหินกระจาย
ทันใดนั้น เขาเห็นเงาของใครบางคนยืนอยู่ข้างป่าในระยะไกล
“คุณมาที่นี่ได้อย่างไร?” เขาถามเสียงทุ้มต่ำ
ฉินเทียนไม่ได้พูดอะไร แต่มองไปในทิศทางที่เจี๋ยโกวจากไป พูดพึมพำ:”ดาบพิฆาตซีเป่ย เจี๋ยโกว……”
“ฉันคิดว่า ฉันรู้ประวัติความเป็นมาของเขา”
เวลานี้ ในสายตาของเขา แสดงออกให้เห็นถึงอารมณ์ความงงงวยเป็นอย่างมาก
“คุณรู้จักเขาอย่างนั้นเหรอ?”เมื่อเห็นท่าทางของฉินเทียน จุยเฟิงเองก็ตกใจมากเหมือนกัน
ฉินเทียนยิ้มอย่างไร้สุ้มเสียง และเปลี่ยนเป็นพูดเรื่องอื่น
“ใช้ได้นี่ เทียบกับครั้งที่แล้วนายพัฒนาขึ้นมาไม่น้อยเลย”
จุยเฟิงหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที
เขารู้ว่า เขาแสร้งทำเป็นใหญ่และแสดงอำนาจบาตรใหญ่ต่อหน้าเจี๋ยโกวเท่านั้น
แต่ต่อหน้าฉินเทียน เขารู้สึกว่าตัวเองก็เหมือนเด็กคนหนึ่งที่ไม่ได้เก่งกาจอะไร
“โอเค ผมรู้ว่าผมสู้คุณไม่ได้”
“คุณอย่ามาทำให้ผมขายหน้าได้ไหม?”
“ฝั่งนายท่านเป็นไงบ้าง คนที่คุณจัดให้ สรุปใช้ได้หรือเปล่า?”
ฉินเทียนหัวเราะและพูดว่า:”พระเจ้ารู้ดี”
“ฉันเรียกพวกเขามา ก็เพื่อฝึกฝีมือเท่านั้น”
“ถ้านายไม่วางใจ ตอนนี้ตามไป ก็อาจ อืม… ไม่ทันแล้ว”
จุยเฟิงเห็นท่าทางกวนบาทาของฉินเทียน อยากต่อยเขาให้หน้ายุ่ยจริงๆ
น่าเสียดาย เพราะเขารู้ว่าตัวเองไม่มีความสามารถนั้น
ทำได้เพียงถอนหายใจ หลังจากนั้นแปลงกายราวลมพายุบ้ากระห่ำ และมุ่งหน้าพุ่งไปยังทิศทางของเสินหลงกวาน