Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1506 วังใต้ดินในเหวลึก

ตอนที่ 1506 วังใต้ดินในเหวลึก
ปัง!
เล่อมู่จิ้นยืนห่างออกไปสิบกว่าจั้ง พยายามทรงตัวให้มั่นคง พื้นดินถูกสั่นคลอนจนสะท้านไปครู่หนึ่ง ฝุ่นควันอบอวล
เขาสีหน้าคล้ำเขียวระคนซีดขาว ทั้งร่างมีแสงสีแดงอัศจรรย์ถั่งโถม
หลินสวินไม่ได้ไล่โจมตี ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมแล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า “ที่แท้ก็มีเกราะสมบัติคุ้มกันร่าง มิน่าถึงรับการโจมตีของข้าได้”
“คุณชาย!”
หญิงสาวชุดแดงกระโจนขึ้นมา
“ไสหัวไป!”
เล่อมู่จิ้นตะคอกด้วยสีหน้าอึมครึม
หญิงสาวชุดแดงพลันหยุดเดิน สีหน้าเหยเก แต่สุดท้ายนางก็ถอยกลับไปเงียบๆ
นี่ทำให้หลินสวินออกจะประหลาดใจ เขาดูออกแล้วว่าหญิงสาวชุดแดงผู้นั้นเป็นอริยะแท้คนหนึ่ง พลังต่อสู้แข็งแกร่ง
แต่ตอนนี้กลับถูกเอ็ดเหมือนข้ารับใช้คนหนึ่ง
ชั่วพริบตาหลินสวินก็สันนิษฐานได้ว่าที่มาที่ไปของเล่อมู่จิ้นผู้นี้ไม่ธรรมดา กล้าด่าว่าอริยะแท้คนหนึ่งเช่นนี้ก็ย่อมไม่อาจเป็นคนธรรมดาได้
ตอนนี้สายตาเล่อมู่จิ้นที่มองไปยังหลินสวินประหนึ่งดาบแหลมคม เอ่ยว่า “เมื่อกี้แค่หยั่งเชิง ตอนนี้ข้าจะฆ่าเจ้าด้วยมือข้าเอง!”
ตูม!
รอบกายเขามีแสงมรรคสีดำถาโถมออกมาปกคลุม ทำให้ฟ้าดินเหมือนอยู่ในราตรีนิรันดร์ ส่วนเงาร่างของเล่อมู่จิ้นกลับลับหายไปอย่างพิสดาร
ความมืดปกคลุม หลินสวินสังเกตได้อย่างฉับไวว่าแม้แต่จิตรับรู้ยังคล้ายได้รับผลกระทบ รับรู้ได้เพียงความมืดมิด
ไม่ต้องสงสัย สิ่งที่เล่อมู่จิ้นสำแดงเป็นมรดกน่าหวาดหวั่นวิชาหนึ่ง!
ซ่า!
ท่ามกลางความมืดมิด มือใหญ่มือหนึ่งตบมาข้างหน้า พาไอหนาวเสียดกระดูกมาด้วย ดุจดั่งมือทมิฬ พลานุภาพน่าหวาดหวั่น
หลินสวินรวบนิ้วมือวาดออกไป
พลังดรรชนีพร่างพราวบดขยี้ความมืดมิดเหมือนตบภูผาคว่ำสมุทร ก็ในตอนนี้เองที่หลินสวินมองเห็นมือใหญ่มือหนึ่ง
“ไสหัวกลับไป!”
หลินสวินสะบัดแขนเสื้อ กระแทกใส่มือใหญ่ข้างนั้น
เสียงดังลั่นประหนึ่งอสนีบาตสะท้านฟ้าสะเทือนดิน บริเวณใกล้เคียงหุบเหวโกรกธารนี้เกิดการปะทะน่ากลัวขึ้น
ตึงๆๆ!
เงาร่างเล่อมู่จิ้นถอยหลังโซเซ ถูกตีพ่ายอีกครั้ง เขาสีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ รู้สึกว่าแขนขวาชากระตุกไปพักหนึ่ง
เขาเชื่อมั่นในพลังต่อสู้ของตนเป็นอย่างยิ่ง ตั้งแต่เล็กก็ได้รับมรดกหลอมกายสูงสุด พลังกายแกร่งกล้าจนน่าเหลือเชื่อมานานแล้ว
เขาเป็นผู้กล้าแห่งเผ่าเหยี่ยวมารเหิน ในหมู่ผู้มีระดับเดียวกัน พลังปราณของเขาเรียกได้ว่าล้ำเลิศ น้อยคนนักจะทัดเทียมได้
แต่กลับถูกตีพ่ายในการจู่โจมสองครั้งอย่างต่อเนื่อง!
เล่อมู่จิ้นไม่กล้าเชื่ออยู่บ้างจริงๆ ไม่ใช่ว่าดินแดนรกร้างโบราณตกต่ำไปนานแล้วหรือ มีบุคคลร้ายกาจเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร
ส่วนไกลออกไปพวกติงซานเหอต่างตกตะลึงจนตาเบิกกว้าง ในการเผชิญหน้าของบุคคลขอบเขตมกุฎ ถึงกับเห็นได้ชัดว่าเล่อมู่จิ้นสู้ไม่ได้อยู่บ้าง เรื่องนี้สะท้านใจคนเกินไป
“หากข้าเป็นแพะสองขา แล้วเจ้า… จะนับเป็นตัวอะไร”
ไกลออกไปหลินสวินเอ่ยปาก แม้วาจาราบเรียบ แต่กลับเหมือนคำเยาะเย้ยที่แหลมคมที่สุด ทำให้เล่อมู่จิ้นสีหน้ามืดทะมึนยิ่งขึ้น
หลินสวินหยุดไปครู่ ดวงตาดำเย็นเยียบ ไม่ปิดบังไอสังหารของตนสักนิด “หากไม่ใช่ว่าไอ้แก่พวกนั้นอยู่ข้างๆ เจ้าคิดว่าตอนนี้เจ้าจะยังยืนอยู่ได้หรือ”
เล่อมู่จิ้นสีหน้าอึมครึมถึงที่สุดแล้ว
“เจ้าตายแน่!”
ฉับพลันหญิงสาวชุดแดงก็ลงมือแล้ว เคลื่อนไหวชั่วพริบตาเพียงครั้งเดียวก็มาปรากฏตัวตรงหน้าหลินสวิน มือเรียวบางขาวกระจ่างยกขึ้นกวาดไปที่คอหอยของหลินสวิน
ตูม!
ในขณะเดียวกันพลานุภาพระดับอริยะอันน่ากลัวกดข่มลงมาดุจปกฟ้าคลุมดิน ทำให้ท้องฟ้าบริเวณใกล้เคียงต่างยุบตัว
แต่การโจมตีอันโหดเหี้ยมว่องไวหาใดเทียบนี้กลับไร้ผล
เงาร่างของหลินสวินปรากฏตัวข้างหุบเหวโกรกธารแห่งนั้น เบื้องหลังมีปีกผลาญเทพกะพริบไหว แสงมรรคอัศจรรย์ไหลเวียนออกมา
“ยังอดลงมือไม่ได้หรือ น่าผิดหวัง ข้ายังนึกว่าเผ่าเหยี่ยวมารเหินอะไรนี่จะมีพวกร้ายกาจเยี่ยมยุทธ์คนหนึ่ง แต่ที่แท้… ก็ไม่เท่าไร”
หลินสวินสีหน้าเย็นชา
ก่อนหน้านี้สาเหตุที่เขาทิ้งโอกาสฆ่าเล่อมู่จิ้นระหว่างต่อสู้ ก็เป็นเพราะระวังอริยะพวกนั้นอยู่
หาไม่แล้วอย่างเล่อมู่จิ้นคนเดียวย่อมไม่คณามือสักนิด!
“เจ้ารนหาที่ตาย!”
เล่อมู่จิ้นเดือดดาลถึงที่สุด เก็บกลั้นไว้ไม่อยู่แล้ว เงาร่างโฉบพุ่งออกมาดั่งสายฟ้าฝาด
“คุณชาย ให้ข้าจัดการเถอะ”
หญิงสาวชุดแดงว่องไวกว่าเล่อมู่จิ้นอย่างเห็นได้ชัด เคลื่อนไหวชั่วพริบตาครั้งเดียวก็โจมตีไปยังหลินสวินแล้ว
ต่ำกว่าระดับอริยะ ล้วนเหมือนมดปลวก!
หลินสวินอาจเยี่ยมยอดถึงที่สุดในมกุฎมรรคาอมตะเคราะห์ แต่หญิงสาวชุดแดงมีความเชื่อมั่นอย่างสิ้นเชิงว่าสามารถสังหารอีกฝ่ายได้
ไกลออกไปพวกติงซานเหอกระจายตัวออก ผนึกบริเวณนี้ไว้อย่างแน่นหนา สำหรับพวกเขาแล้วการต่อสู้ที่ไม่น่ากังวลสักนิดนี้ถึงเวลาที่ควรสิ้นสุดลงแล้ว!
สวบ!
แต่เหนือความคาดหมายของทุกคน ขณะนี้ร่างหลินสวินพริบไหว โฉบพุ่งเข้าไปในหุบเหวโกรกธารมหึมานั้น
เงาร่างของหญิงสาวชุดแดงที่กำลังไล่โจมตีหยุดลงกะทันหัน ทั้งยังขวางเล่อมู่จิ้นที่จะไล่โจมตีต่อไว้ด้วย
“คุณชาย หยุดเจ้าค่ะ!” นางสีหน้าเคร่งเครียด
อริยะคนอื่นก็พุ่งเข้ามา ทอดสายตามองไปยังหุบเหวโกรกธารแห่งนั้น แต่ละคนสีหน้าเคร่งเครียด ร่างกายหนาวยะเยือก
หุบเหวแห่งนี้คล้ายสุดหยั่ง กลิ่นอายที่ตลบอบอวลออกมายิ่งทำให้พวกเขารู้สึกหวาดหวั่นเหมือนตกลงไปในโพรงน้ำแข็ง
“ตามไปไม่ได้จริงๆ เด็กนี่เข้าไปในนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับฆ่าตัวตาย”
ติงซานเหอเอ่ย หว่างคิ้วของเขาถึงกับมีแววตื่นกลัวปรากฏขึ้นรางๆ หากไม่ติดที่ต้องรักษาหน้าก็คงหันหลังกลับไปทันทีนานแล้ว
ที่นี่พิสดารเกินไป ทำให้เขาอึดอัดไปหมด
เล่อมู่จิ้นยังคงไม่ยินยอม ใบหน้างดงามเหี้ยมเกรียม กัดฟันเข่นเขี้ยวเอ่ยว่า “แต่ถ้าเกิดเขารอดล่ะ”
“หากเขารอดชีวิตกลับมาก็ต้องตายด้วยน้ำมือพวกเราแน่”
หญิงสาวชุดแดงเอ่ย
นางดูออกว่าที่เล่อมู่จิ้นขุ่นเคืองก็เพราะเสียหน้าอยู่บ้าง หากไม่แน่ใจว่าหลินสวินตายจริงๆ เกรงว่าเล่อมู่จิ้นจะไม่ยอมจากไป
“พวกเจ้ารู้ไหมว่าเขาชื่ออะไร”
นิ่งเงียบไปพักใหญ่ จู่ๆ เล่อมู่จิ่นก็เอ่ยถาม
จนกระทั่งตอนนี้เขายังไม่กล้าเชื่อ ว่าเหตุใดดินแดนรกร้างโบราณถึงมีคนแข็งแกร่งเช่นนี้ได้ น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
ทุกคนต่างส่ายหน้า
สมรภูมิเก้าดินแดนเพิ่งเปิดวันนี้ พวกเขาแค่เคยได้ยินว่าในดินแดนรกร้างโบราณมีบุคคลขอบเขตมกุฎจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ก็ไม่รู้อะไรอีก
เล่อมู่จิ้นคล้ายผิดหวัง จากนั้นก็พูดเด็ดเดี่ยวว่า “ข้าจะรออยู่ที่นี่ ถ้าไม่แน่ใจว่าเขาตาย ข้าจะไม่จากไปเด็ดขาด!”
คนอื่นมองหน้ากัน
“เช่นนั้น…”
ติงซานเหอสีหน้าลังเล เขาไม่ทันพูดจบก็ถูกเล่อมู่จิ้นตัดบท “ถ้าพวกเจ้าอยากไปก็ไปได้ตามสบายเลย ข้าอยู่คนเดียวเอง!”
สายตาของหญิงสาวชุดแดงมองไปที่พวกติงซานเหอ เอ่ยสีหน้าเย็นชาว่า “ทุกท่านแน่ใจว่าจะไปหรือ”
พวกติงซานเหอสีหน้าเปลี่ยนไปไม่นิ่ง
ครู่สั้นๆ จึงมีคนพูดว่า “เอาเถอะ พวกเราจะรอเป็นเพื่อนคุณชายเล่ออีกสองสามวัน”
หญิงสาวชุดแดงพยักหน้าเอ่ยว่า “เลือกได้ชาญฉลาด”
เล่อมู่จิ้นเองก็สีหน้าอ่อนลงไม่น้อย
เขาดูเหมือนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ โมโหเดือดดาล แต่ความจริงไม่ได้โง่เขลา รู้ดีว่าถ้าเกิดหลินสวินรอดชีวิตกลับมาจริงๆ ก็มีเพียงอาศัยพลังของอริยะเหล่านี้เท่านั้นถึงจะรับรองได้ว่าจะฆ่าอีกฝ่ายได้โดยสมบูรณ์!
……
หุบเหวใหญ่นัก แต่ไม่ได้ไร้ที่สิ้นสุด
หลังหลินสวินพุ่งเข้ามาข้างในแล้วก็ไม่ได้คิดจะพินิจพิเคราะห์ แต่ต้องการตั้งหลัก ซ่อนตัวอยู่ในชะง่อนผาของหุบเหวก่อน แล้วค่อยหาโอกาสเคลื่อนไหว
ใครจะคิดว่าทันทีที่เข้ามา พลังกฎเกณฑ์แปลกประหลาดก็เคลื่อนออกมา ฉุดร่างหลินสวินลงไปในส่วนลึกของหุบเหวอย่างรุนแรงเหมือนตาข่ายฟ้าดิน!
หลินสวินดวงตาหดรัด แต่ไม่อาจดิ้นรนได้สักนิด ไม่มีแม้แต่พลังจะขยับนิ้วมือ ทำได้เพียงมองดูตัวเองร่วงลงไปใต้หุบเหวตาปริบๆ
ฟึ่บ!
ก็ในตอนนี้เอง แสงคล้ายมายาสายหนึ่งปรากฏขึ้นในคลองสายตาของหลินสวิน จากนั้นพลันแปรเปลี่ยนเป็นผีเสื้อเริงระบำปราดเปรียวตัวหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ผีเสื้อตัวเรียวเล็กเหมือนเจียระไนขึ้นจากหยกโปร่งแสงที่บริสุทธิ์ที่สุด ยามกระพือปีกทั้งสองข้าง ห้วงอากาศใกล้เคียงต่างถูกฉีกให้แหลก กลายเป็นวังวนริ้วแล้วริ้วเล่า
ในขณะเดียวกันหลินสวินเพียงรู้สึกว่าร่างของตนผ่อนคลาย กฎเกณฑ์ประหลาดที่กดข่มอยู่บนร่างเขาก็สลายไปทุกกระเบียด ไม่อาจกักขังตนได้อีก
‘นายท่าน นี่คือผีเสื้อมารแยกฟ้า’
ในห้วงนิมิตเสี่ยวอิ๋นรีบเอ่ย ‘เมื่อกี้ตอนเข้าใกล้หุบเหวแห่งนี้ มันก็ตื่นขึ้นจากสภาพดักแด้’
‘ตามการสันนิษฐานของข้า ในหุบเหวนี้คล้ายจะมีกลิ่นอายพลังบางอย่างกระตุ้นให้มันตื่นขึ้นจากสภาวะ ‘แสร้งตาย’ นั้น’
ที่แท้ก็เป็นมัน!
หลินสวินลอบถอนใจโล่งอก
ตอนมาถึงแดนชัยบูรพาครั้งแรก หลินสวินได้รังดักแด้อันหนึ่งมาโดยบังเอิญจากงานประเมินหินครั้งหนึ่ง
ตัวอ่อนของผีเสื้อมารแยกฟ้าก็ผนึกอยู่ภายในนั้น แต่ไม่มีกลิ่นอายแห่งชีวิตแล้ว
ต่อมาตามที่เสี่ยวอิ๋นกล่าวไว้ หากต้องการให้ผีเสื้อมารแยกฟ้าตื่นขึ้น ก็ต้องรวบรวมสมบัติที่มีนามว่า ‘ผลึกอากาศ’
เพียงแต่ผลึกอากาศหายากเกินไป มีเพียงแถบรอยแยกห้วงอากาศจึงหาได้ อีกทั้งหากไม่มีพลังระดับอริยะ ย่อมเก็บสิ่งนี้ไม่ได้เลย
ทว่าหลินสวินกลับคิดไม่ถึงว่าในหุบเหวพิสดารนี้ ดันทำให้ผีเสื้อมารแยกฟ้าฟักออกมาได้เสียอย่างนั้น!
ฟึ่บ!
ไม่รอให้หลินสวินมีปฏิกิริยาตอบสนอง ผีเสื้อมารแยกฟ้าที่เลิศลอยเหนือจริงก็กลายเป็นแสงริ้วหนึ่งเคลื่อนไปในส่วนลึกของหุบเหว
ปีกทั้งสองกระพืออยู่ข้างหลัง ซัดให้เกิดวงแสงกระเพื่อมเจริญตาวงแล้ววงเล่า งดงามยิ่งนัก
‘นายท่าน ตามมันไป!’
เสี่ยวอิ๋นรีบเอ่ยเตือน
หลินสวินลังเลเล็กน้อย มองดูท้องฟ้าเหนือหุบเหว สุดท้ายก็กัดฟันพุ่งตัวลงไปใต้หุบเหวตามผีเสื้อมารแยกฟ้าไป
‘ที่แท้ก็เป็นพลังของมันขับไล่พลังกฎเกณฑ์แปลกประหลาดพวกนั้นในหุบเหวนี้…’
ระหว่างทางไม่นานหลินสวินก็สังเกตเห็นความจริง
ไม่นานนักนัยน์ตาหลินสวินหดรัดลงทันใด มองเห็นก้นเหว ที่นั่นมีวังใต้ดินมหึมาวังหนึ่ง!
วังใต้ดินรวมตัวจากอาคารใต้ดินแถบใหญ่ ก็ไม่รู้ว่ากาลเวลาผ่านไปนานเพียงใด อาคารเหล่านี้ต่างถูกกัดเซาะจนหักพังเก่าโทรม อบอวลไปด้วยกลิ่นอายกร้านโลก
หวิวๆๆ!
หลินสวินยังไม่ได้ทันสังเกตเพิ่ม ฉับพลันเสียงห้วงอากาศแตกระแหงแปลกประหลาดระลอกหนึ่งก็ดังขึ้นราวกับเสียงผีครวญหมาป่าหอน
เมื่อมองไปอีก ที่ท้องฟ้าเหนือวังใต้ดินหักพังนั้น ถึงกับมีรอยแยกห้วงอากาศหนาแน่นปกคลุมอยู่ รอยแยกทุกสายเหมือนรุ้งเทพแคบยาว กำลังฉายประกายแสงอันตรายน่าหวาดหวั่นอยู่
หนำซ้ำรอยแยกห้วงอากาศเหล่านี้คล้ายปลาน้อย กำลังท่องไปไม่หยุด ปกคลุมตำแหน่งที่วังใต้ดินตั้งอยู่โดยสมบูรณ์
ครู่ต่อมาหลินสวินก็หวั่นใจขึ้นมา ศีรษะชาหนึบ ร่างกายแข็งทื่อไปหมด
รอยแยกห้วงอากาศ!
นี่เป็นถึงของน่ากลัวที่ทำให้ผู้มีระดับอริยะต่างไม่กล้ากล้ำกราย ทันทีที่ถูกม้วนเข้าไปในนั้น ก็จะถูกพายุห้วงอากาศภายในฉีกทึ้งจนร่างแหลกละเอียด มลายสิ้นทั้งกายและจิต
เหนือหุบเหวมีรอยแยกห้วงอากาศอยู่สายเดียวก็เพียงพอจะทำให้คนขวัญหายแล้ว
แต่ตอนนี้เมื่อเทียบกับรอยแยกห้วงอากาศแน่นขนัดตรงหน้าแล้ว ช่างไม่น่าให้ราคา!
พอคิดถึงว่าหากเมื่อครู่ไม่ใช่ผีเสื้อมารแยกฟ้าปรากฏตัวขึ้น หลินสวินไม่กังขาสักนิดว่าตนจะถูกพลังกฎระเบียบอันแปลกประหลาดนั่นกักขังไว้ และหล่นลงไปในรอยแยกห้วงอากาศหนาแน่นแถบนั้น!
——
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท