บัญชามังกรเดือด บทที่ 365 นายไหวเหรอ
ไม่นาน รถทั้ง 2 ขบวนก็ค่อย ๆ เข้าใกล้แล้วหยุดลง เถ้าแก่ประจำถิ่นที่น่าสงสารเหล่านี้ ไม่รู้ว่าจะไปต้อนรับคนไหนดี
เพราะไปรับฝ่ายหนึ่ง ก็ย่อมทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองแน่
ดังนั้น พวกเขาได้แต่ยืนอยู่ที่เดิมอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
พอประตูรถเปิด ในขบวนรถทั้งสอง มีคนเสื้อดำร่างกายกำยำกระโจนลงจากรถมาก่อน
คนคุ้มกันของตระกูลจ้าว สวมชุดสูทแบรนด์เนมทั้งตัวสีเดียวกันทั้งตัว ผมเรียบ
ส่วนคนคุ้มกันของตระกูลอาน กลับสวมชุดคอจีน คาดเชือกสีแดงที่เอว
ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ในขณะที่ปกป้องเจ้านายอย่างรัดกุม ก็ยังเป็นพยัคฆ์ที่จ้องขย้ำอีกฝ่ายอย่างระแวดระวัง
พลานุภาพแบบนี้ ทำเอาเถ้าแก่ประจำถิ่นเกือบจะเยี่ยวไหล
จนหนึ่งในคนที่มีอายุต้องเข่าอ่อนคุกเข่าลงกับพื้น
เขาได้แต่หมอบลงกับพื้นส่งเสียงสูงขึ้นมาว่า: “ขอต้อนรับเจ้าบ้านทั้งสอง!”
เถ้าแก่ที่เหลือก็กุลีกุจอเลียนแบบตาม คุกเข่ากับพื้นแล้วส่งเสียงสูง
อานกั๋วลงจากรถรีบเดินเข้าไปประคองคนที่มีอายุลุกขึ้น ยิ้มพลางเอ่ยว่า: “ลุกขึ้นเร็ว ลุกขึ้นเร็ว!”
“พวกเรามาพบปะกันที่นี่ก็เพิ่มความยุ่งยากให้พวกคุณมากพอแล้ว”
“อย่าได้มากพิธีอีกเลย”
“และไม่ต้องกลัว พวกคุณวางใจได้ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวมทั้งข้าวของที่เสียหาย ผมจะชดใช้ให้ทั้งหมด”
ส่วนอีกฝั่ง จ้าวเทียนเล่อก็ไม่ยอมน้อยหน้า
เขานำสมาชิกหลักของตระกูลจ้าวภายใต้การคุ้มครองของผู้คุ้มกันทั้ง 7 เดินมากับเสียงหัวเราะ
“ท่านอานตลกแล้ว ผมเป็นคนจองโต๊ะ จะให้ท่านอานกระเป๋าฉีกได้ยังไงกัน?”
เขายกมือขึ้นปัดมือกับลูกน้องข้างกายคนหนึ่ง: “เอาสิบล้านให้เถ้าแก่พวกนี้”
“ถือเป็นค่าอาหารของวันนี้ก็แล้วกัน”
“อีกอย่าง ดูว่าพวกเขามีธุรกิจอะไรบ้าง ในขอบเขตศักยภาพของเรา ที่สามารถดูแลได้ก็ต้องดูแลให้ดียิ่งขึ้น”
อานกั๋วหัวเราะ: “ตระกูลจ้าวแห่งหยุนชวนใจป้ำจริง ๆ”
จ้าวเทียนเล่อหัวเราะเอ่ยว่า: “ท่านอานชมเกินไปแล้ว เราตระกูลจ้าวคบกันด้วยคุณธรรมมาตลอด คำสั่งสอนของบรรพชนนี้ ไม่ควรพังลงในมือผม”
“ท่านอาน เชิญ”
“เจ้าบ้านจ้าวเชิญ”
ผู้นำ 2 คนยิ้มให้กันแล้วก็เดินเข้าไปข้างในพร้อมกัน
ข้างหลังของอานกั๋วตามมาด้วยจุยเฟิงกับฉินเทียน ตามหลังถัดมาคือ เถียหนิงซวง หม่าหงเทา ถงชวน เถี่ยปี้ และอู๋ฉาง
ส่วนทีมคุ้มกันที่เหลือเฝ้าอยู่ด้านนอกทั้งหมด
ทางด้านตระกูลจ้าว ทีมคุ้มกันก็อยู่ด้านนอกเช่นเดียวกัน จ้าวเทียนเล่อ จ้าวเทียนจี จ้าวซวี่ จ้าวข่าย สมาชิกในตระกูลคนอื่น และองครักษ์ทั้ง 7
พอจ้าวซวี่เห็นฉินเทียนก็ตาแดงก่ำขึ้นมาทันที
“คนแซ่ฉิน วันนี้ข้าจะเล่นงานเอ็งให้ตาย!”
ฉินเทียนยักคิ้วขึ้น: “เล่นงานฉัน หวังว่านายจะเล่นไหว”
ชั้นสาม ข้าวของจิปาถะในห้องถูกเคลื่อนย้ายจนโล่ง
ห้องโถงสองสามห้องเชื่อมถึงกัน จัดโต๊ะตัวหนึ่งไว้ที่กลางห้อง
บนโต๊ะ เรียงรายเต็มไปด้วยอาหารอันโอชะประณีต
หน้าต่างทั้งสี่ด้านถูกเปิดออก ลมหนาวหนานเจียงเย็นยะเยือก แหงนหน้ามองขึ้นไป เป็นแม่น้ำไหลเชี่ยวอยู่ในสายตา
การนั่งรับประทานอาหารที่นี่เรียกได้ว่า ทำให้คนผู้นั้นผ่าเผยขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ
ทั้งหมดมีเจ้าบ้านสองที่ จ้างเทียนเล่อกับอานกั๋วต่างเกรงใจกันสักพักแล้วก็ดึงเก้าอี้ในมือออกนั่งลง
อีกคนที่นั่งข้าง ๆ จ้าวเทียนเล่อคือจ้าวเทียนจี
ส่วนคนที่เหลือ ทั้งหมดยืนอยู่ข้างหลังอย่างน่าเกรงขาม
ส่วนทางฝั่งอานกั๋ว เขาดึงเก้าอี้ตัวหนึ่งให้ฉินเทียนด้วยตัวเอง และเชิญฉินเทียนนั่งลง
การกระทำเช่นนี้ทำให้คนของตระกูลจ้าวเคร่งขรึมขึ้น
เดิมทีพวกเขาเข้าใจว่าฉินเทียนเป็นแค่ปืนกระบอกหนึ่งในมืออานกั๋วเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าอานกั๋วจะเกรงใจฉินเทียนขนาดนี้
ดูแล้วฉินเทียนเหมือนผู้นำต่างหาก
ฉินเทียนยิ้มให้แล้วจึงนั่งลง
ส่วนที่เหลือ จุยเฟิงเถียหนิงกับพวก ยืนอยู่ข้างหลังพวกเขาอย่างน่าเกรงขาม
จ้าวเทียนเล่อหัวเราะแล้วเอ่ยว่า: “ท่านอาน เมื่อก่อนไม่เคยเห็นน้องชายท่านนี้เลย แนะนำให้รู้จักหน่อยได้มั๊ย?”
อานกั๋วหัวเราะเอ่ยว่า: “ท่านนี้คือคุณฉินเทียน”
“ตอนมา ผมได้มอบหมายเรื่องหนานเจียงทั้งหมดให้เขาแล้ว”
จ้าวเทียนตกใจอีกครั้ง เขาหลี่ตามองฉินเทียนแล้วหัวเราะเอ่ยว่า : “คุณฉินเทียนดูหนุ่มอย่างนี้ จะแบกภาระหนักของหนานเจียงได้เหรอ?”
ฉินเทียนหัวเราะเอ่ยว่า: “ก็ลองดู”
จ้าวเทียนเล่อแสยะยิ้มเอ่ยว่า: “เป็นวีรชนตั้งแต่หนุ่มจริง ๆ!คุณฉินเทียนกล้าหาญมาก”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อยู่ ๆ ผมก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ไม่ทราบว่าคุณฉินจะบอกกตามตรงได้หรือไม่”
ฉินเทียนแสยะยิ้มเอ่ยว่า: “ว่ามา”
“ตระกูลจ้าวของเรา มีนักสู้อยู่ 3 คน คือสามพี่น้องหยวนซื่อ”
“พวกเขาภักดีต่อพวกเรามาตลอด ตระกูลจ้าวของเราก็เห็นพวกเขาเป็นคนกันเองมาแต่ไหนแต่ไร”
“เร็ว ๆ นี้น้องสามตายอย่างอนาถ ผมได้ยินว่าเกี่ยวข้องกับคุณฉิน?”
ฉินเทียนขมวดคิ้ว
สามพี่น้องหยวนซื่อ เขาฆ่าไปหนึ่ง พิการไปหนึ่ง ส่วนอีกคน ก็คือพี่ใหญ่หยวนหู่ เกาะจ้าวซวี่กระโดดจากหน้าต่างหนีไปจากเมืองหลงเจียง
เขาก็ไม่ได้ไล่ตาม
แต่ท่าทางของจ้าวเทียนเล่อ เจ้าน้องสามคนนี้ตายแล้วเหรอ?
สัญชาตญาณบอกเขาว่า เรื่องนี้มีปัญหา
เขาพูดด้วยเสียงขรึมว่า: “ผมฆ่าแค่คนเดียว ส่วนอีกสองคนตายยังไงผมไม่รู้”
จ้าวซวี่อดใจไม่อยู่แล้ว
“ฉินเทียน จนตอนนี้นายยังกล้าแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ อีก!”
“นายวางกับดักที่หลงเจียงฆ่าหยวนเป้า หยวนหู่พาฉันหนีแล้วนายก็ซุ่มทำร้ายกลางทางอีก!”
“หยวนหู่เพื่อปกป้องฉัน จึงถูกฆ่าตายอย่างอนาถไปด้วย!”
“แล้วก็ หยวนหลางถูกนายทำจนพิการแล้ว นายก็ยังไม่หล่อยเขาอีก กลับส่งคนไปที่อวิ๋นโจวฆ่าเขาตาย!”
“คนแซ่ฉิน นายปลุกระดมพ่อบ้านคนใกล้ชิดของฉันให้ทำเรื่องอย่างนี้”
“ตอนนี้ ยังไม่ยอมรับอีกเหรอ?”
“พ่อบ้านของนาย?” ฉินเทียนชะงักไปชั่วครู่ “คนที่ถูกนายส่งไปหลงเจียงติดต่อคนตระกูลท้องถิ่นคนนั้นน่ะเหรอ?”
จ้าวซวี่เอ่ยเสียงขรึมว่า: “ใช่ เขาชื่อกัวเซิง!”
“ที่กัวเซิงบอกข่าวกับนายก็เพราะมีคนสั่งการ!”
“ดีที่ฉันรู้ทันจึงได้ฆ่าเขา!”
พอพูดถึงตรงนี้ จ้าวซวี่ก็จ้องจ้าวข่ายอย่างเคียดแค้น
เขารู้ว่าที่กัวเซิงทำอย่างนี้ สุดท้ายเป้าหมายก็เพื่อจ้าวข่าย
จ้าวข่ายต้องการยืมมือฉินเทียนเพื่อกำจัดตัวเอง
จ้าวข่ายไม่สนใจสายตาของจ้าวซวี่ แต่ทำเสียง หึ เอ่ยอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องว่า: “ฉินเทียน นายมันโหดเหี้ยงจริง ๆ”
“ถึงกลับฆ่าสามพี่น้องหยวนซื่อตายหมด พวกเขาเป็นถึงคนใน 13 องครักษ์แห่งตระกูลจ้าวเลยนะ”
ฉินเทียนเห็นสีหน้าของจ้าวซวี่กับจ้าวข่ายก็เหมือนจะเข้าใจ
เขาแสยะยิ้มให้กับจ้าวซวี่เอ่ยว่า: “นายมันเลว!”
“หยวนหลางถูกฉันทำให้พิการ แต่ฉันไม่ได้ฆ่าเขา และยิ่งไม่ได้ส่งคนไปอวิ๋นโจวของพวกนายเลย”
“หยวนเป้าถูกฉันฆ่าเอง”
“ส่วนหยวนหู่ นายคิดว่าถ้าฉันจะฆ่าเขา ยังต้องซุ่มฆ่ากลางทางด้วยเหรอ?”
“ถ้าฉันจะฆ่าเขารวมทั้งนาย ใครก็ไปจากหลงเจียงไม่ได้”
“อีกอย่าง ฉันก็ไม่เคยติดต่อกับพ่อบ้านอะไรนั่นของนายเลย ไม่จำเป็น”
จ้าวซวี่ชะงักไปชั่วครู่: “นายพูดจริงเหรอ?”
จากการเตือนของฉินเทียน เขาก็รู้สึกว่าบางอย่างทะแม่งขึ้นมาทันที
นั่นสิ คืนนั้นหยวนหู่อุ้มเขากระโดดลงมาจากตึก ขาหักตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
ถ้าฉินเทียนคิดจะฆ่าพวกเขา พวกเขาไม่มีแรงตอบโต้แน่
ทำไมต้องลอบฆ่ากลางทาง อีกทั้ง นักฆ่าที่กระโจนออกมากลางทางต่างปิดหน้ากันหมด
ฉินเทียนฆ่าหยวนเป้าต่อหน้าทุกคนแล้ว เขาต้องกลัวคนอื่นรู้ด้วยเหรอ?
ไม่ถูกสิ!
เรื่องนี้มีอะไรไม่เข้าท่า!
ฉินเทียนแสยะยิ้มเอ่ยว่า: “เห็นที มีคนอยากให้หยวนหู่กับหยวนหลางตายสินะ แล้วก็ใส่ร้ายฉันได้อย่างสมเหตุสมผล”
“ส่วนใครเป็นคนใส่ร้าย คุณชายจ้าวก็ลองคิดดู”
“สามพี่น้องหยวนซื่อกับกัวเซิงตายไป ใครซวยที่สุด แล้วใครได้ประโยชน์ที่สุด?”