บัญชามังกรเดือด บทที่ 372 เจ้ารู้ดีว่าจะต้องทำเช่นไร
“เจ้าว่าอะไรนะ?!”จ้าวเทียนเล่อตกตะลึง
เขานั้นตะลึงอยู่ครึ่งวัน และยากที่อยากจะเชื่อพร้อมเอ่ย“ เจ้าจะเอ่ยว่า พวกเจ้านั้นได้ฆ่าซือเหยียนจงไปแล้ว?”
“ซือเหยียนจงตายแล้วหรอ?”
หลู่ซิ่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ขอให้ท่านผู้น้ำตระกูลทราบ!”
“ซือเหยียนจงนั้นได้หักหลังตระกูลจ้าว มีใจที่คิดกบฏ หลังจากที่ถูกค้นพบแล้ว เขานั้นอยากที่จะล้างแค้นอย่างบ้าคลั่ง”
“พวกเรานั้นอยากที่จะปราบปรามเขาไว้ รอให้ท่านผู้นำตระกูลมาลงมือ”
“แต่ว่าซือเหยียนจง เขานั้นแข็งแกร่งมาก พวกเรานั้นไม่สามารถที่จะควบคุมปราบปรามเขา
“หมดหนทางแล้ว เลยทำได้แค่ฆ่าเขาทิ้งสะ”
เหยียนควนเอ่ยด้วยความโกรธแค้น “หากพวกเราไม่ฆ่าเขา เขานั้นก็จะฆ่าพวกเรา”
“ท่านผู้น้ำตระกูล นี่เป็นด้านที่แท้จริงของซือเหยียนจง ไม่คิดเลยว่าเขานั้นจะเป็นคนเช่นนี้!”
“เป็นไปไม่ได้!”
“นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
“พวกเจ้าใครกับที่คิดจะหักหลังข้า ซือเหยียนจงก็ไม่คิดที่จะหักหลังข้า!”
จ้าวเทียนเล่อบ้าคลั่งแล้ว ก่อนที่จะถีบไปยังที่จ้าวเฟิง แล้วเอ่ยเสียงดัง “หลี่จื้อเจียน หม่าถง จับหลู่ซิ่นและเหยียนควน มาให้ข้า!”
หลี่จื้อเจียนและหม่าถง รีบกระโดดหนีออกไปทันที
ดาบ และดาบปากกา ที่วางไปบนไหล่ของหลู่ซิ่นและเหยียนควน
หลี่จื้อเจียนเอ่ยอย่างหนักแน่น“พี่ซือนั้นไม่มีทางที่จะหักหลัง”
“พูดแล้ว หรือพวกเจ้านั้นจงใจที่จะจัดการเขาหรอ?”
หม่าถงก็เอ่ยต่อ “พวกเจ้าทั้งสองคนนั้นเคยทำผิดจนถูกพี่ซือสั่งสอน แน่นอนว่าจะต้องคิดเกลียดแค้น และใช้โอกาสที่พวกเราไม่อยู่ ทำร้ายและกำจัดเขา!”
“ท่านผู้นำ ออกคำสั่งเถอะ!”
“ฆ่าพวกเขาทิ้งสะ เพื่อล้างแค้นให้พี่ซือ!”
ส่วนองครักษ์คนอื่นๆ นั้นก็ได้โกรธแค้นซือเหยียนจงและอยากที่จะจัดการช่วย
ซือเหยียนจงนั้นเก่งวิชา อีกทั้งยังซื่อสัตย์ เป็นองครักษ์ใหญ่ แน่นอนว่าเขานั้นจะได้รับความเคารพ
แต่ทางตรงกันข้ามนั้นหลู่ซิ่นและเหยียนควน เป็นพวกที่โลภมาก มือและใจเปิบไปหมด
จ้าวเทียนเล่อดวงตาสีแดง ก่อนที่จะสั่งคำสั่งให้ฆ่าหลู่ซิ่นและเหยียนควน
“ท่านผู้รำ ข้าคิดว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ”
องครักษ์ที่สองเลี่ยวเจี๋ยเอ่ยขึ้น
“ตอนนี้พวกเรานั้นกำลังใช้กำลังพล เรื่องนี้หากยังตรวจสอบไม่แน่ใจ ก็อย่าเพิ่งไปฆ่าพวกเขาก่อนเลย”
จ้าวเทียนเล่อเอ่ยอย่างเยือกเย็น “เจ้าคิดอยากที่จะตรวจสอบยังไง?”
เลี่ยวเจี๋ย “ง่ายมาก”
“หากคนของเจียงหนานนั้นต้องการที่จะร่วมค้าคิดกับซือเหยียนจง พวกเขานั้นจะต้องส่งเงินจำนวนมากมาแน่นอน”
“พวกเรานั้นไปตรวจสอบที่ห้องพักของซือเหยียนจง ไปตรวจแป๊บเดียวก็ทราบแล้ว”
องครักษ์ที่สี่เจียงเห้อ และองครักษ์ที่แปดเฟ่ยหยาน นั้นรีบเอ่ยพร้อมกัน “พี่เลี่ยวเอ่ยก็ถูกนะ”
“ท่านเจ้าบ้าน พวกเรานั้นต้องการที่จะล้างแค้นให้พี่ซือ แต่ว่า พวกเรานั้นก็ไม่อยากที่จะใส่ร้ายคนดี”
“ขอให้เจ้าบ้านออกคำสั่งเถอะ พวกเรานั้นจะรีบไปสืบค้นที่พักของพี่ซือเดี๋ยวนี้เลย”
จ้าวเทียนเล่อเอ่ยกัดฟัน “ไม่ต้องหรอก ข้าจะไปด้วยตัวข้าเอง!”
“พาเจ้าหลู่ซิ่นและเหยียนควน แล้วก็จ้าวเฟิงไอพวกบ้านี่ไปด้วย!”
“หากที่พักของซือเหยียนจง ตรวจแล้วไม่เจออะไร งั้นก็ฆ่าพวกมันทิ้งสะ เพื่อที่จะล้างแค้นและปลอบใจในจิตวิญญาณของ!”
เมื่อเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเช่นนี้ ผู้คนต่างก็สนใจเป็นอย่างมาก
จ้าวเทียนจี จ้าวข่ายรวมถึงคนอื่นๆที่สำคัญของตระกูล สีหน้าพวกเขานั้นมองไปที่บนร่างกายของจ้าวเทียนเล่ออย่างหนักแน่น
เร็วๆนั้น ผู้คนนั้นก็ได้มาถึงยังลานกว้างที่พักของซือเหยียนจง
ในลานกว้างนั้นสะอาดมาก รวมถึงการออกแบบนั้นก็เรียบง่าย
เป็นถึงสิบสามองครักษ์ ของตระกูลจ้าว การใช้เงินของซือเหยียนจงนั้น ในทุกๆปีนั้นปกติก็จะประมาณสิบล้านกว่าบาท
แต่ทว่ากลับอยู่ในที่ที่เรียบง่ายเช่นนี้ มองออกเลยว่าเขานั้นเป็นคนที่ถ่อมตนเป็นอย่างมาก
จ้าวเทียนเล่อมองไปที่ผู้คนแล้วคิด ก่อนที่ดวงตาจะเป็นสีแดงอีก
เดินวนไปในลานกว้างแล้วหนึ่งรอบ แต่ก็ไม่ได้พบหลักฐานอะไรเลย
“ตอนนี้ พวกเจ้ามีอะไรที่อยากจะเอ่ยอีกล่ะ?”เขานั้นจ้องไปยังหลู่ซิ่นและเหยียนควน ด้วยสายตาแห่งความอาฆาตพร้อมที่จะฆ่า
“ท่านเจ้าบ้าน รีบมาที่นี่ ที่นี่มีประตูลับ”ไกลๆนั้นเลี่ยวเจี๋ย ก็ได้เอ่ยเรียกขึ้นมาทันใด
ผู้คนนั้นต่างก็รีบเดินกันไปที่นั่น
เห็นเพียงแต่ เลี่ยวเจี๋ยนั้นได้ใช้มือกดไปยังพื้นที่นูนๆบนตู้หนังสือนั้นกดลงไปเบาๆ
หลังจากนั้น ทั้งชั้นหนังสือนั้น ก็ได้ขยับขึ้น
ในนั้น กลับเป็นห้องลับจริงๆ
ภายใต้แสดงไฟที่ส่องสว่าง มองเห็นสิ่งของภายด้านใน ผู้คนทั้งหมดต่างก็ตกใจและอ้าปากค้าง
บนโต๊ะนั้น ตรงกลางนั้นได้มีทองแท่งสีเหลืองอร่ามวางอยู่เป็นกอง
บนชั้นรอบๆนั้น ก็ได้วางธนบัตรอันใหม่ไว้เต็มจนนับไม่ถ้วน
อีกทั้งยังมีอัญมณีต่างๆ
หากคิดเพียงคร่าวๆนั้น ทั้งหมดนี้น่าจะมีราคามากกว่าห้าร้อยล้าน และนั้นได้เกินกว่าจำนวนเงินที่ ซือเหยียนจงนั้นได้รับในปกติ
“ห่าเอ้ย!”จ้าวเทียนจีนั้นโกรธจนแตะเข้ากับกำแพง
เขานั้นมองไปที่จ้าวเทียนเล่อ ก่อนจะกัดฟันเอ่ย “พี่สอง นี่เป็นองครักษ์ที่ท่านนั้นไว้ใจนักหนาหรอ?”
“เพิ่งจะแพ้ไปห้าเมือง อีกทั้งภายในยังมีปัญหาอีก เจ้าเป็นถึงเจ้าบ้าน นี่เป็นไปได้ยังไงกัน?”
“วันประชุมตระกูลพรุ่งนี้ พรุ่งนี้ข้านั้นหวังว่าเจ้านั้นจะมาอธิบายกับทุกคนได้นะ!”
เอ่ยจบแล้ว ก็ได้จากไปด้วยความโกรธ
ส่วนตระกูลอื่นๆ นั้นก็ได้ส่งสายตาที่แปลกประหลาดแม้แต่คนของจ้าวเทียนเล่อ นั้นก็ไม่รู้ว่าจะเอ่ยอย่างไรเลยในตอนนี้
“ท่านเจ้าบ้าน ท่านไปพักผ่อนดีๆเถอะ เรื่องงานประชุมตระกูลพรุ่งนี้ ค่อยไปเอ่ยปรึกษากันเถอะ”
พวกเขานั้นก็ค่อยๆจากไป
จ้าวเทียนเล่อ มองไปแล้วสีหน้านั้นดูแก่ขึ้นกว่าเดิมแล้ว
และพ่ายแพ้หอว่างเจียง เมื่อมาถึงบ้านแล้ว ผู้ช่วยคนสำคัญ นั้นก็กลับมาเจอเรื่องเช่นนี้
ในตอนนี้ เขานั้นรู้สึกจริงๆว่า เขานั้นไม่มีหน้าที่จะไปเจอคนแล้ว
“ท่านพ่อ ท่านจะต้องรักษาร่างกายไว้ดีๆนะ!”
“เป็นเพราะความผิดของลูกๆ!”
“ลูกนั้นไม่ควรที่จะเอ่ยเยอะแยะ ที่ไปถามซือเหยียนจง หากพวกเรานั้นไม่ถาม เขานั้นก็คงไม่โกรธ แล้วก็คงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น”
จ้าวเฟิงเอ่ยด้วยสีหน้าที่สำนึกผิด
จ้าวเทียนเล่อยิ้มขมขื่น ก่อนที่จะเอ่ยเสียงต่ำๆ “เฟิงเอ๋อร์ เจ้าทำไม่ผิดหรอก”
“เป็นเพราะพ่อนั้นเข้าใจโทษเจ้าผิดไป”
“โอเคแล้ว พวกเจ้าก็ไปพักผ่อนเถอะ หากมีเรื่องอะไร ค่อยไปคุยกันในงานประชุมตระกูลพรุ่งนี้เถอะ”
“รับทราบ!”
“ลูกจะไปส่งพ่อเอง”
“ไปส่งพี่ซวู่!”
จ้าวเทียนเล่อและจ้าวซวู่นั้นจากไปแล้วจ้าวเฟิง ถึงค่อยๆเงยหน้าขึ้น
เดิมทีนั้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงใจและหวาดกลัวนั้น ในตอนนี้ ได้เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
“เลี่ยวเจี๋ย เจ้ามองเห็นแล้วใช่ไหม?”
“เพียงแค่เจ้านั้นซื่อสัตย์ต่อข้า ข้ารับประกันเลยว่า เร็วๆนี้เจ้านั้นก็จะได้รับของที่มากมายมั่งคั่งเช่นนี้”
เลี่ยวเจี๋ยในสายตานั้นมีความโลภเกิดขึ้น ก่อนที่จะเอ่ยด้วยความตื่นเต้น “ข้านั้นยินยอมที่จะทำเพื่อคุณชายเฟิง!”
“คุณชายเฟิง ต่อไปแล้ว ท่านจะจัดการลงมืออย่างไร?”
“ท่านให้พวกเรานั้นยอมพ่ายแพ้แก่ฉินเทียน แล้วห้าเมือง นั้นจะต้องสละให้ไปจริงๆหรอ?”
จ้าวเฟิงเอ่ยยิ้มเย็นชา “ที่ข้านั้นให้เจ้านั้นยอมแพ้ อันดับแรก นั้นก็เพื่อที่จะจัดการ”
“ตอนนี้เขานั้นมีอำนาจในการครอบครองทั้งตระกูล จะมีเพียงทางนี้ เขานั้นถึงจะยอมใช้ข้า”
“อับดับสอง ฉินเทียนนั้นอยากที่จะเอาห้าเมืองไหม? หากพอ ให้เขามาเอาไปสิ!”
“เชื่อเถอะว่าในตอนนั้น ข้านั้นก็จะเพิ่งได้เป็นผู้น้ำตระกูลจ้าวแล้วล่ะ”
“หากไม่มีอะไรผิดพลาด ตระกูลนั้น จะต้องมีคนไม่พอใจแน่ ข้านั้นจะใช้เจ้าฉินเทียนนั้น มาปิดปากพวกเขาสะ”
เลี่ยวเจี๋ยนั้นถอนหายใจ ก่อนที่จะเอ่ยด้วยเสียงต่ำ “การวางกลยุทธ์ เพื่อจัดการวิธีชนะคุณชายเฟิงนั้นช่างเก่งกาจยิ่ง!”
“จะมีก็เพียงแต่คนที่เก่งกาจเช่นคุณชายเฟิง ถึงจะคู่ควรแก่ตระกูลจ้าว!”
“พวกข้านั้นได้อยู่กับคุณชายเฟิง ก็นับว่าเป็นเกียรติมากแล้ว”
จ้าวเฟิงหัวเราะเยือกเย็น “สิบสามองครักษ์ ตอนนี้ก็เหลือแค่แปดคนแล้ว”
“เลี่ยวเจี๋ยยังมีอีกกี่คนที่ไม่ยอมซื่อสัตย์ต่อพวกเรา?”
เลี่ยวเจี๋ยรีบเอ่ย “มี หลี่จื้อเจียนและหม่าถง”
“ยังมีอีกคน เป็นองครักษ์ลำดับที่สี่เจียงเห้อ เขานั้นไม่ค่อยแน่ใจ ข้าคิดว่า พวกเรานั้นยังไม่โหดเหี้ยมพอน่ะ”
“ขอให้คุณชายให้เวลาข้าหน่อย ข้ารับประกันว่าจะเอาเจ้าเจียงเห้อมาให้ได้”
จ้าวเฟิงเอ่ยหัวเราะเย็นชา“ ที่ทำเพื่อพวกเรานั้น ก็คือเพื่อน หากไม่ทำเพื่อพวกเรานั้น ก็คือศัตรู”
“เจ้ารู้ดีว่าจะต้องทำเช่นไร”
ในสายตาของเลี่ยวเจี๋ยนั้นแวบออกมาถึงความอาฆาต “ขอให้คุณชายวางใจเถอะครับ ข้าทราบดีว่าต้องทำเช่นไร”