บัญชามังกรเดือด บทที่ 398 เป็นไง
ฉินเทียนก็ยิ้มเช่นกัน
รอยยิ้มกระดากอายของจุยเฟิง รวมไปถึงคำพูดที่ดูเรียบง่าย ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในแบบที่สามารถฝากชีวิตไว้กับฝ่ายตรงข้ามได้
เขานึกคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับว่า: “ถ้าเกิดนายว่างมากจนลนลาน ฉันจะแนะนำคนคนหนึ่งให้นาย นายไปหาเขาได้”
“ตระกูลจี้ จี้ซิง”
“ฉันรู้สึกว่านายอาจจะชอบเขา”
จุยเฟิงยิ้มพลางตอบกลับ: “ฉันเคยได้ยินชื่อคน ๆ นี้อยู่”
“แต่ว่าคนในตระกูลจี้เอาใจยากไปหน่อย”
“ไว้มีโอกาส เราไปหาเขาพร้อมกันเถอะ”
ฉินเทียนยิ้มแฉ่งพยักหน้าพลางพูด: “โอเค”
จากนั้นจุยเฟิงก็ใช้มือกำดาบ แล้วยืนนิ่งดูดายอยู่ข้าง ๆ
ระยะห่างห่างจากเขาไม่ใกล้และไกล
ไม่รบกวนการลงมือโจมตีของฉินเทียน แต่ทว่าทันทีที่ฉินเทียนตกอยู่ในความอันตราย ก็ไม่ส่งผลต่อการลงมือช่วยเหลือฉินเทียนให้ทันท่วงทีของเขาเช่นกัน
ไม่พูดอะไร แต่ความเป็นห่วงกลับคงอยู่ และนี่ก็คือเพื่อนสนิท
หนังตาไท่เจี๋ยกระตุก รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าค่อย ๆ จางหายไป
“คุณชายใหญ่ครับ นี่คุณยืนยันที่จะบีบบังคับให้เราลงมือใช่ไหม?”
ฉินเทียนแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางตอบกลับว่า: “เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว เพื่อนฉันมาหาฉันแล้ว ถ้าเกิดฆ่าพวกนายเสร็จ ฉันยังต้องไปดื่มเหล้ากับเขาต่อ”
หลังจากพูดจบ เขาก็มุ่งหน้าเดินตรงไปทางไท่เจี๋ย
สีหน้าท่าทางของไท่เจี๋ยสั่นเทิ้ม
ในขณะเดียวกัน สีหน้าของเจี๋ยโกวที่อยู่ข้างหลัง รวมไปถึงยอดฝีมือสองคนที่อยู่ข้างซ้ายและข้างขวาที่นำตัวฉินเทียนมาก็ต่างเปลี่ยนไปพร้อมกัน
ท่ามกลางเสียงตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว เจี๋ยโกวผ่าเฉือนหวงอากาศออก ใช้ดาบจามมาทางหลังศีรษะฉินเทียน
คนที่อยู่ฝั่งซ้าย กระบี่ยาวที่อยู่ในมือสั่นเทิ้ม ดั่งอสรพิษที่เคลื่อนออกมาจากรู
คนที่อยู่ฝั่งขวา ดาบโค้งดั่งสายรุ้ง เหมือนเคียวของปีศาจร้าย
ผู้ช่วยสำคัญทั้งสามที่เป็นเบื้องล่างของไท่เจี๋ยลงมือโจมตีพร้อมกัน
อีกทั้งทันทีที่ลงมือ ก็ต่างปล่อยกระบวนท่าที่ดุดันร้ายแรงที่สุดออกมาด้วย!
พวกเขาต่างเข้าร่วมตระกูลฉินหลังจากที่ฉินเทียนออกจากตระกูลฉินไปแล้ว จึงไม่มีความรู้สึกอะไรต่อฉินเทียน
ในสายตาของพวกเขา ฉินเทียนก็เป็นแค่ขยะที่ถูกตระกูลฉินทอดทิ้งคนหนึ่งเท่านั้น
บังอาจมาขัดขวางภารกิจของพวกเขา ฆ่ามันให้ตายก็จบเรื่องแล้ว!
เมื่อเผชิญหน้ากับกระบวนท่าสังหารที่ร้ายแรงของทั้งสามคน แววตาของจุยเฟิงเคร่งขรึมขึ้นมา เส้นเลือดของมือข้างที่กำดาบนูนปูดขึ้น
รังสีแห่งความกังวลที่อยู่ในแววตายิ่งปิดบังยาก
อีกแค่นิดเดียว เขาก็จะลงมือช่วยเหลือฉินเทียนอย่างอดไม่ได้แล้ว
เนื่องจากถ้าเกิดเปลี่ยนเป็นเขาละก็ เขามีโอกาสรับกระบวนท่าทั้งสามท่านี้ไม่ได้สูงมาก ๆ
หากสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่ง เขาสามารถจัดการเจี๋ยโกวทั้งสามคนได้อย่างง่ายดายเลย
แต่ทว่าการโจมตีขนาบจากยอดฝีมือสามคน พลานุภาพมันเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวตั้งนานแล้ว
ไท่เจี๋ยก็เบิกตากว้างเช่นกัน เสี้ยววินาทีนี้ไม่นึกเลยว่าเขาจะรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
หรือว่าตัวเองต้องแบกรับชื่อเสียงผู้สังหารคุณชายใหญ่แห่งตระกูลฉินอย่างเหี้ยมโหดแล้ว?
แม้ฉินเทียนจะเป็นคุณชายไร้ประโยชน์ไปแล้ว และนายหญิงใหญ่ก็เคยพูดหลายครั้งเช่นกันว่าจะปลิดชีพฉินเทียน
แต่ทว่าอย่างไรเสียเขาก็เป็นลูกหลานคนโตของตระกูลฉินอยู่ เป็นคุณชายใหญ่!
และในตอนนี้เอง ภาพเหตุการณ์ที่มหัศจรรย์ก็ปรากฏ สีหน้าของฉินเทียนไม่เปลี่ยนแปลงเลย ราวกับไม่รู้ว่าถูกโจมตีขนาบจากทั้งสามด้าน
จู่ ๆ ร่างกายเขาก็โยกไหวไปมา ก่อนที่ร่างกายของเขาจะปรากฏอยู่รอบนอกของวงโจมตีขนาบอย่างมหัศจรรย์
จากนั้น เท้าของเขากลับไม่หยุดลงเลย ยังคงมุ่งหน้าเดินตรงไปทางไท่เจี๋ย
เสียงร้องอย่างตะลึงงันดังขึ้น!
จู่ ๆ ทั้งสามคนที่ตั้งปณิธานว่าจะฆ่าฉินเทียนให้สำเร็จก็สูญเสียเป้าหมายไป ดาบกระบี่ที่อยู่ในมือพวกเขาเกือบทำให้เพื่อนพ้องได้รับบาดเจ็บ
แต่ทว่าสมแล้วที่เป็นยอดฝีมือที่เป็นเบื้องล่างไท่เจี๋ย เมื่ออยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของความอันตราย พวกเขาก็ดึงท่าการโจมตีของตัวเองกลับมา
จากนั้น เมื่อมองดูเงาหลังของฉินเทียน ทั้งสามคนก็ต่างรู้สึกช็อกเป็นอย่างมาก
แววตาของจุยเฟิงเป็นประกายขึ้นมา เขาชื่อว่าจุยเฟิง ซึ่งเด่นในเรื่องการเคลื่อนที่เร็วมาก ๆ แต่ทว่าเขากลับมองไม่ชัดเจนเลยว่าฉินเทียนฝ่าวงล้อมออกไปได้ยังไง
ระดับความเร็วแบบนี้ ไม่สามารถใช้คำว่าเร็วไปอุปมาได้แล้วจริง ๆ
ในขณะเดียวกัน มือของไท่เจี๋ยสั่นเทา ชาที่อยู่ในแก้วหกกระเด็น
มองดูฉินเทียนที่กำลังเดินตรงมา จู่ ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงความหวาดหวั่นในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ฆ่ามันซะ!”เขาตะคอกเสียงดังด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม
วินาทีนี้ เขามีจิตใจที่จะฆ่าแล้วจริง ๆ
เจี๋ยโกวทั้งสามคนไม่เคยลิ้มลอมความพ่ายแพ้อย่างนี้มาก่อน จึงทำให้ไฟโกรธที่อยู่ในใจลุกโชนขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
ทั้งสามคนตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว เหมือนสายฟ้าสามสาย ดาบสองเล่ม กระบี่หนึ่งเล่ม กระโจนเข้ามาทางข้างหลังฉินเทียน
ฉินเทียนมองข้ามความอันตรายจากข้างหลังมาโดยตลอด เขาเดินถึงนอกศาลาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เจี๋ยโกวทั้งสามคนก็พุ่งตรงมาถึงแล้วเหมือนกัน
ครั้งนี้ด้านหน้ามีมือสายฟ้า ด้านหลังมียอดฝีมือสามคน เหมือนกับว่าฉินเทียนจะไม่โชคดีรอดพ้นไปได้แล้ว
และในเวลานี้เอง ร่างกายเขาก็โยกไหวอีกครั้ง
ถอยออกมาจากกลางช่องว่างระหว่างเจี๋ยโกวทั้งสามคนกะทันหัน
การถอยในครั้งนี้ประหลาดมาก ๆ เดิมทีเขาเป็นผู้ที่ถูกคนอื่นซุ่มโจมตีจากข้างหลัง
แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเขายืนอยู่ข้างหลังของเจี๋ยโกวทั้งสามคน
“ดาบมา”ฉินเทียนยื่นมือออกไป ตวาดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นคำหนึ่ง
จุยเฟิงตอบสนองกลับมาได้ โยนดาบที่อยู่ในมือออกไป ดาบยาวดุจสายฟ้า พุ่งตรงไปหาฉินเทียน
การร่วมมือของทั้งสองคนเข้ากันได้ดีมาก ๆ ไม่เสียเวลาเปล่าเลยแม้แต่น้อย
ขณะที่ฉินเทียนกำด้ามจับของดาบไว้ในมือ ทั้งสามคนที่อยู่ตรงหน้าก็แทบจะเพิ่งร่วงลงบนพื้น
เรื่องทั้งหมดทั้งมวลนี้เกิดขึ้นภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว เนื่องจากถูกเจี๋ยโกวทั้งสามคนขัดขวาง ไท่เจี๋ยที่อยู่ในศาลาจึงเห็นกิริยาท่าทางของฉินเทียนไม่ชัดเจน
เขาแค่มีลางสังหรณ์ที่แย่มาก ๆ !
จากนั้น แสงดาบก็ปรากฏการณ์กะทันหัน!
ราวกับว่าห้วงอากาศถูกตัดขาด กลิ่นดาบที่มากมายมหาศาล ทำให้เขาที่อยู่ในศาลาที่อยู่ห่างออกไปไกลยังรู้สึกปวดตามผิวหนัง
“รีบหลบ!”ในช่วงเวลาที่อันตราย เขาตะโกนเสียงดังลั่นอย่างหวาดกลัว
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดกลับไม่ทันแล้ว
ไท่เจี๋ยที่อยู่ในศาลาสัมผัสได้ถึงความเฉียบคมของกลิ่นดาบ ยิ่งไปกว่านั้นคือเจี๋ยโกวทั้งสามคนรับแรงกระแทกไว้โดยตรง
อีกอย่างเมื่อกี้พวกเขาเพิ่งโจมตีแบบทุ่มสุดกำลังสามารถ ตอนนี้ก็เพิ่งร่วงลงบนพื้น จึงไม่มีเวลาที่จะเตรียมการป้องกันได้เลยด้วยซ้ำ
เสียงกรีดร้องโหยหวนที่แหลมจี๊ดและฉุกละหุกดังขึ้น
ตำแหน่งที่แสงดาบเคลื่อนผ่าน ไท่เจี๋ยก็มองเห็นผู้ช่วยสำคัญทั้งสามคนที่มีความสามารถเก่งกาจที่สุดของเขา ถูกตัดสับออกเป็นชิ้น ๆ ต่อหน้าตัวเอง
สายเลือดพุ่งกระฉูด!
หนึ่งดาบสามศพ!
ถูกตัดสับทั้งเป็น!
“ขอบใจ”ฉินเทียนไม่หันไปมองเลยด้วยซ้ำ โยนดาบที่อยู่ในมือไปทางจุยเฟิงอย่างชิลสบาย
จุยเฟิงรีบใช้มือทั้งสองข้างรองดาบไว้ ตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
นี่ยังใช่ดาบของเขาอยู่ไหม?
ดาบของเขามีพลานุภาพที่ทรงพลังขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?
เขายากที่จะเชื่อได้จริง ๆ !
จะว่าไปตั้งแต่ที่ฉินเทียนเริ่มเดินตรงไปทางไท่เจี๋ย เมื่อเจี๋ยโกวทั้งสามคนโจมตีขนาบ เขาก็เคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เมื่อเจี๋ยโกวทั้งสามคนซุ่มโจมตีจากข้างหลัง เขาก็ถอยหลังกลับไปกะทันหัน
จากนั้น รับดาบ ฟันดาบ คืนดาบ
ทั้งหมดทั้งมวลนี้เกิดขึ้นภายในเวลาชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น
ราวกับว่าทุกย่างก้าวล้วนอยู่ในการคำนวณที่แม่นยำของเขา
“เป็นไง?”ฉินเทียนมองหน้าไท่เจี๋ย พลางแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น
มองดูสภาพศพที่อนาถบนพื้น สีหน้าของไท่เจี๋ยเขียวช้ำ แล้วกลืนน้ำลายหนึ่งอึกลงไปอย่างยากลำบาก
เขากัดฟันพูด: “คุณชายใหญ่ สุดท้ายผมก็ดูถูกคุณเกินไปสินะ”
“นี่เป็นความผิดของผม”
“ตอนนี้ ผมจะขอการชี้แนะจากคุณชายใหญ่ด้วยตัวผมเอง!”
เขาคำรามเสียงดังอย่างกะทันหัน ลมปราณทั้งร่างกายพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียงปังดังขึ้น ทั้งศาลาก็พังทลายลงมา
เสี้ยววินาทีนี้ ทั้งร่างของไท่เจี๋ยดูสูงใหญ่ขึ้นเยอะมาก
จากนั้นเขาก็เบิกตากว้าง แล้วพุ่งตรงมาทางฉินเทียน
ทุกตำแหน่งที่เขาเคลื่อนผ่าน ก็จะมีเสียงเวิงเวิงดังออกมาจากห้วงอากาศ
ดุจม้าจำนวนมากกระโดดวิ่งขึ้นหน้า!
เขากระโดดขึ้นฟ้า ปล่อยหมัดที่พลานุภาพยิ่งใหญ่อย่างมากมาทางฉินเทียน
มีสายฟ้ากลิ้งไหลไปมาอยู่บนหมัด!
มือสายฟ้า สามารถปล่อยพลังอำนาจที่มีสายฟ้าปะปนอยู่ออกมาได้จริง ๆ เหรอเนี่ย!
จุยเฟิงที่อยู่ในตำแหน่งที่ห่างออกไปไกลตกตะลึงอย่างมาก พูดตามตรงเลยว่าภายใต้การถูกอำนาจบารมีแบบนี้แผ่คลุม กระบวนท่าทั่วไปไม่มีประโยชน์ใด ๆ เหลืออยู่อีกแล้ว
การที่จะหลบหลีก ก็เป็นสิ่งที่ทำได้ยากมากเช่นกัน
เนื่องจากในห้วงอากาศบริเวณรอบ ๆ ล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงกดอัดจากไท่เจี๋ย
หากคนธรรมดาทั่วไปอยู่ในตำแหน่งนั้น เกรงว่ากระดูกคงได้แตกหักคาที่ จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องหลบหลีกเลย
ฉินเทียนไม่หลบ แต่เป็นการประจันหน้ากับไท่เจี๋ยแล้วพุ่งตรงเข้าไป
เอนตัวหลบเล็กน้อย เพื่อหลบหมัดของไท่เจี๋ย จากนั้นเขาก็ปล่อยฝ่ามือออกไปตาม ทว่าฝ่ามือของเขากลับประทับลงกลางอกของไท่เจี๋ยก่อน
บทที่ 397 มือสายฟ้า
บทที่ 399 สิบเมือง