บัญชามังกรเดือด บทที่ 412 ฝึกกระบี่
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอเทียนหมิงทำไมนายถึงไปอยู่ที่เล็กๆอย่างหลงเจียงนั่น?”
“ที่แบบนั้น มีใครสามารถว่าร้ายนายได้” ในสายโทรศัพท์ มีเสียงแผ่วเบาดังออกมา
หม่าเทียนหมิงกัดฟันพูด “เขาชื่อฉินเทียน!”
“เขาไม่เพียงแต่ว่าร้ายฉัน ยังทำร้ายลูกน้องฉัน และยังด่าสมาคมแก๊งค์หม่าเราด้วย!”
“พี่หลง แค่รังแกฉันก็จะอดทนไว้ แต่เขากลับดูถูกสมาคมแก๊งค์หม่า ดูถูกตระกูลหม่าเรา นี่ทนไม่ได้นะ!”
พี่หลงก็ยังไม่ได้จริงจังอะไร
“โอเค นายกลับมาก่อนเถอะ”
“ช่วงนี้ฉันกำลังยุ่งกับเรื่องพันธมิตรหอการค้า ไม่มีเวลาไปช่วยนายเช็ดทีหลัง”
“มีเรื่องอะไร นายกลับมาไปหาอาเหวินบอดี้การ์ดของฉัน เขาจะช่วยนายจัดการเอง”
“แต่ฉันขอเตือนนายไว้นะพันธมิตรหอการค้าเป็นเรื่องใหญ่ เกี่ยวข้องกับอนาคตของตระกูลหม่าของเรา”
“ในช่วงเวลาสำคัญนี้ นายอย่าสร้างปัญหาให้ฉันนะ”
หม่าเทียนหมิงรีบรับประการว่า “พี่หลงไม่ต้องห่วง ฉินเทียนนั่นก็เป็นแค่นักเลงน้อยคนหนึ่ง”
“บีบเขาตาย ก็ง่ายเหมือนฆ่าแมลงตัวหนึ่ง ไม่มีคนสนใจหรอก”
พี่หลงพูดอย่างสงสัย “ฉินเทียน……ทำไมชื่อนี้ฟังดูแล้วคุ้นๆ?”
แต่เขาไม่ได้สนใจ พูดจบ ก็วางสายไป
“อาเหวินเป็นผู้ฝีมือดีที่มีชื่อเสียงในเจ็ดเมืองภาคใต้ ไอ้คนแซ่ฉิน ครั้งนี้ฉันจะให้นายตายไม่มีที่ฝังศพ!”
ในสายตาของหม่าเทียนหมิง เผยความชั่วร้ายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ออกมา
ฉินเทียนกับหยางหลินกลับถึงอุทยานมังกร
หลังจากฟังความคิดของหยางหลินแล้ว ซูซูดีใจมาก
“พี่ ตอนนี้ฉันกำลังขาดคนที่ไว้วางใจได้มาช่วยฉันพอดี ฉันอยากให้พี่มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็กลัวว่าพี่จะรู้สึกน้อยใจที่ทำงานให้ฉัน”
“ตอนนี้พี่มาได้ นั่นจะดีมากจริงๆ!”
“พี่ พรุ่งนี้ฉันจะพาพี่ไปคุ้นเคยกับบริษัท ตอนนี้ฉันมีตำแหน่งให้พี่ที่หนึ่ง พี่ดูสิว่าชอบมั้ย”
แน่นอนว่าหยางหลินแสดงความเต็มใจด้วยความตื่นเต้น
นอกจากนี้ เขาบอกเรื่องในเมืองจิ่นหูนั้นกับพ่อแม่อ้อมๆ เรื่องจัดการได้เสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์จากการช่วยเหลือของฉินเทียน
อีกฝ่ายไม่เพียงแต่คืนเงินกลับมา ยังชดเชยเพิ่มอีกหนึ่งล้านด้วย
หลี่เฟินและหยางเซินต่างก็ดีใจมาก
เรื่องนี้ เป็นระเบิดเวลาในใจพวกเขามาโดยตลอด
ครั้งนี้จำเป็นต้องมาหลบหนีหนี้ที่หลงเจียง ไม่กล้าบอกความจริงทั้งสองท่านด้วยซ้ำ
เกรงว่าทั้งสองท่านจะรับไม่ไหว
สิ่งที่พวกเขาบอกกับหยางเต๋อกวงและเจิงหงซิ่วคือมาเยี่ยมญาติอยู่สักพัก
ตอนนี้ ก้อนหินในใจได้วางลงสักที นอกจากนี้ ลูกชายสามารถเข้าร่วมบริษัทของซูซูได้ พวกเขาก็สบายใจมาก
ถึงพววกเขาจะซื่อแค่ไหน ก็ดูออกได้ว่า กำลังของฉินเทียน แข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก
วันรุ่งขึ้น ซูซูและฉินเทียน พาหยางหลินมาถึงบริษัทด้วยตัวเอง
งานด้านเทคนิคอื่นหยางหลินก็ทำไม่ได้ แต่ว่าก่อนหน้านี้เขาทำธุรกิจเล็กๆ วิ่งไปวิ่งมา ด้านขยายธุรกิจค่อนข้างมีประสบการณ์
และแผนกที่ขาดคนมากที่สุดในตอนนี้ ก็คือโปรโมตร้านค้าออฟไลน์ของเนี่ยเจี้ยนเฉิง
การจะสร้างร้านค้าออฟไลน์ และยังจะขายโดยตรงทั้งหมด แหผืนใหญ่ขนาดนี้ ต้องใช้กำลังคนมากเกินไป
ปัจจุบัน ซูยู่กรุ๊ปกระจายโดยมีหน่วยเป็นเมืองอยู่
ยึดเมืองเป็นหน่วย และลงไปอีกเป็นเมืองระดับเมือง การจัดการแบบตารางแบบนี้
ปัจจุบันเมืองหนานเจียง เมืองเป่ยเจียง เมืองหัวตง เมืองฝูหลิงสาขาย่อยสี่เมืองนี้ได้จัดตั้งเสร็จแล้ว
ขั้นตอนต่อไป ถ้าอยากขึ้นไปทางเหนือ ต้องทะลุคอหอยของเมืองหยุนชวน ปัจจุบันงานถูกขวาง ส่วนหนึ่งคือถูกตระกูลร่ำรวยในท้องถิ่นเมืองหยุนชวนขัดขวาง
นอกจากนี้ก็คือ ไม่มีคนที่เหมาะสมที่จะส่งไปเป็นผู้คุมงานเมืองหยุนชวน
ตอนนี้ ซูซูอยากจะมอบภารกิจสำคัญนี้ให้กับหยางหลิน
แน่นอนว่าหยางหลินเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากที่เนี่ยเจี้ยนเฉิงคุยกับเขาแล้ว รู้สึกว่าเขาก็สามารถทำงานนี้ได้
ดังนั้นก็เข้างานเลย เนี่ยเจี้ยนเฉิงเป็นคนรับผิดชอบการฝึกอบรมด้วยตัวเอง บรรยายอย่างละเอียดเกี่ยวกับข้อควรระวังสำหรับการขายปลีกออฟไลน์
สามวันต่อมา หยางหลินรู้สึกว่าเขาเรียนรู้พอสมควรแล้ว มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม จึงขอออกเดินทาง
สาขาย่อยระดับเมือง แน่นอนว่าสร้างในในเมืองหลัก นั่นก็คือเมืองเอก
ดังนั้น ปลายทางในครั้งนี้คือเมืองหยุนชวน
เพราะว่าหยางหลินทำงานนี้เป็นครั้งแรก และยอดขายในเมืองหยุนชวนค่อนข้างสำคัญมาก ซูซูไม่ไว้ใจ จะไปเองด้วย
ฉินเทียนก็ทำอะไรไม่ได้
เขาเพิ่งกลับมาจากหยุนชวนไม่กี่วัน พูดจากความรู้สึกแล้ว เขาไม่อยากจะก้าวเข้าไปอีกจริงๆ
เพราะว่าทางนั้นมีหลิวชิงเหยาตอแยไม่เลิกอยู่ ทำให้เขาทำอะไรไม่ได้
แต่ว่า เขาก็กลัวว่าหลิวชิงเหยา จะทำเรื่องอะไรที่รุนแรงกับซูซู
ตอนนี้หลิวชิงเหยาเป็นลูกคุณหนูโตของตระกูลจ้าว ตระกูลจ้าวพึ่งได้รับการสับเปลี่ยน ก็มีความไม่แน่นอนบางอย่างอยู่
ดังนั้น เขาก็จำเป็นต้องไป
หลังจากเตรียมพร้อม เขาขับรถเองกับซูซู หยางหลินขับรถหนึ่งคันกับนักบัญชีบริษัทหนึ่งคน มาถึงอวิ๋นชวนอีกครั้ง
หวังว่าเรื่องจะดำเนินไปอย่างเงียบๆ อย่าให้หลิวชิงเหยารู้เรื่อง
อวิ๋นชวน ตระกูลจ้าว สวนหลังบ้าน
หลิวชิงเหยา แต่งตัวสะอาดเรียบร้อย กำลังฝึกกระบี่
มีหุ่นที่ทำจากฟางข้าวจำนวนมากอยู่รอบตัวเธอ บนหน้าของหุ่นแต่ละตัว ต่างมีรูปใหญ่ๆติดอยู่
นั่นก็คือฉินเทียน
ในขณะนี้ ใบหน้าของ“ฉินเทียน” นับไม่ถ้วนถูกแทงเละเทะไปแล้ว
“ไม่ถูกไม่ถูก”
“คุณหนูของฉัน พูดไปกี่ครั้งแล้ว ว่าเวลาแทงกระบี่ไม่ใช่แค่ข้อมือออกแรง”
“แต่คือการใช้เท้าขับเคลื่อนเอว เอวขับเคลื่อนแขน แขนสั่งการข้อมือ”
“แบบนี้พลังถึงจะสามารถผ่านกระบี่ ออกฤทธิ์ได้เต็มที่ที่สุด”
“อีกครั้ง”
ครูที่สั่งสอนอย่างดีข้างๆนั้นกลับเป็นจี้ซิง
“น่ารำคาญ!”
“นี่ก็ไม่ถูกต้อง นั่นก็ไม่ถูกต้อง ไม่ฝึกแล้ว!”
“ถ้าตามสภาพนี้ เมื่อไหร่ถึงจะฆ่าไอ้เลวฉินเทียนนั่นได้!”
หลิวชิงเหยาพึมพำอย่างโมโห โยนกระบี่ไม้สั้นในมือลงกับพื้นเลย
จี้ซิงรีบวิ่งไปแล้วพูดว่า “ไม่โกรธนะไม่โกรธนะ”
“ใจเย็นๆ เธอต้องมีความขยันหมั่นเพียรสิ อยากจะจัดการกับไอ้โรคจิตอย่างฉินเทียนนั่น จะสำเร็จภายในวันเดียวได้ยังไง?”
“ถ้างั้นวันนี้ก็พอแค่นี้ก่อน มาดื่มน้ำหน่อย นั่งพักสักพัก”
หลิวชิงเหยาดื่มน้ำไปหนึ่งคำ มองไปที่ใบหน้าที่ถูกแทงเละเทะของฉินเทียน ความโกรธขึ้นมาจากในใจ
“ไอ้คนแซ่จี้ นายพูดเต็มปากเต็มคำว่า จะฆ่าฉินเทียนแก้แค้นให้พ่อฉัน ทำไมยังไม่มีไรเกิดขึ้นเลย?”
“คงไม่ใช่ว่านายกลัวฉินเทียนสินะ?”
“ฉันจะบอกนาย ไม่มีหัวของฉินเทียน ชีวิตนี้นายอย่าหวังว่าจะได้ครอบครองฉันเลย!”
หน้าจี้ซิงเต็มไปด้วยเส้นดำ รีบขยันพัดใบพัดให้หลิวชิงเหยาโดยเร็ว และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ รู้จักตัวเองและศัตรูให้ดี จะชนะในทุกการต่อสู้”
“เธอไม่ต้องห่วง ฉันส่งคนไปสืบฉินเทียนแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะได้ผล”
หลิวชิงเหยาพูดเยาะเย้ย “ไปโกหกผีเถอะ!”
“วันนั้นนายบอกชอบฉันต่อหน้าผู้คน ไปฆ่าฉินเทียนให้ฉันได้”
“ทีแรกฉันคิดว่า นายเป็นฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง”
“คิดไม่ถึงว่า นายน้อยของตระกูลจี้จะเป็นคนขี้ขลาดขนาดนี้ กลัวฉินเทียน ไม่กล้าแม้แต่จะท้าทาย”
“ทำได้แค่หลบอยู่ในบ้านโกหกผู้หญิงที่ไม่รู้อะไรเลยคนหนึ่งอย่างฉัน”
“ไอ้คนแซ่จี้ ไสหัวไปเถอะ ต่อไปฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีก” พูดอยู่ ก็เดินออกไปอย่างโมโห
“ชิงเหยา เธอฟังฉันพูดสิ!” หน้าจี้ซิงเต็มไปด้วยเส้นดำ
ในระยะไกล อะฝูหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นภาพนี้ เขาคิดไม่ถึงเลยว่า นายน้อยของตัวเอง ก็เป็นคนรักเดียวใจเดียวเหมือนกัน
จี้ซิงพูดอย่างโมโห “ไอ้แก่นี่ มีอะไรน่าขำห๊ะ?”
“ฉันจีบผู้หญิงครั้งแรก และไม่มีประสบการณ์”
อะฝูรีบตอบกลับ “นายน้อย มีข่าวดีหนึ่ง”
“ฉินเทียนมาหยุนชวนแล้ว”