Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1511 อยู่ที่เตาหลอม

ตอนที่ 1511 อยู่ที่เตาหลอม
ไอสังหารที่ไม่มีปกปิดของหลินสวินเขย่าขวัญไปทั้งลาน
แต่ฉับพลันเล่อมู่จิ้นก็แสยะยิ้มเอ่ย “คุยโวไม่ละอาย ถ้าเจ้ามีปัญญาก็ออกมาจากหุบเหวก่อนไหม เอ้า ข้าจะให้เจ้าเห็นว่าแพะสองขาที่เหมือนกับเจ้าพวกนี้ตายอย่างไร”
ยามเขาพูดก็ยกกระบองเหล็กทุบศีรษะของผู้แข็งดินแดนรกร้างโบราณที่อยู่ข้างกายเขาคนหนึ่ง
ด้านอริยะทั้งสี่อย่างพวกติงซานเหอได้เตรียมลงมือไว้แล้ว
สวบ!
ทันใดนั้นคลื่นอัศจรรย์ที่ไม่อาจบรรยายได้แผ่กระจายออกไปทั่ว
ก็เห็นว่าร่างของหลินสวินพลันส่องแสง ที่หน้าอกเขาชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดเปล่งประกายโชติช่วงอบอวล วิวัฒน์เป็นอภินิหารหยุดเวลา
ขณะนี้เวลาได้หยุดลงชั่วพริบตา
และเป็นชั่วพริบตานี้เช่นกันที่ปีกผลาญเทพบนหลังหลินสวินไหววูบ ตัวเขามาตรงหน้าเล่อมู่จิ้นแล้ว ฝ่ามือควบรวมแสงมรรคน่าครั่นคร้าม ฉวยคอของเล่อมู่จิ้นโดยพลัน
และตอนนี้กระบองเหล็กที่เล่อมู่จิ้นโบกลงมา ห่างจากศีรษะของผู้กล้าดินแดนรกร้างโบราณคนนั้นเพียงสามชุ่น!
เร็ว!
เร็วเกินไปแล้ว!
เวลาเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น สถานการณ์ในที่นั้นแปรเปลี่ยนฉับพลัน
ไม่ว่าจะเป็นเล่อมู่จิ้นหรืออริยะทั้งสี่อย่างพวกติงซานเหอต่างไม่สามารถตอบสนองชั่วพริบตานี้ได้
นี่ก็คืออภินิหารหยุดเวลา!
“เจ้า…”
ตอนแรกเล่อมู่จิ้นตะลึงงัน จากนั้นความเจ็บแปลบที่คอเขาก็กระตุ้นให้เขาหน้าเปลี่ยนสีทันควัน จากนั้นดวงตาเบิกกว้าง เผยแววเชื่อได้ยาก
คิดไม่ถึงสักนิดว่าจู่ๆ หลินสวินปรากฏตัวขึ้นทันตาได้อย่างไร ทั้งยังจับเขาเอาไว้ด้วย!
พวกติงซานเหอก็หน้าเปลี่ยนสี ก่อนหน้านี้พวกเขาตั้งท่าเตรียมพร้อมลงมือทันทีไว้เรียบร้อย
แต่ตอนนี้ยังช้าไปจังหวะหนึ่งเสียได้!
ถึงขั้นที่พวกเขายังไม่อาจตอบสนองได้ทันท่วงที สิ่งนี้ทำเอาพวกเขาแทบไม่กล้าเชื่อ ชายหนุ่มที่ยังไม่บรรลุอริยะคนหนึ่งถึงกับมีปฏิกิริยาเร็วกว่าอริยะอย่างพวกเขาหรือ
กร๊อบ!
ร่างของเล่อมู่จิ้นถูกกำราบให้คุกเข่าลง หลินสวินใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งกดหัวเขาไว้ จากนั้นสายตาก็กวาดมองพวกติงซานเหอแล้วพูดว่า
“ตอนนี้ปล่อยพวกเขาไปซะ ไม่เช่นนั้นข้ารับรองได้ว่าเขาศพไม่สวยแน่”
เสียงพูดเฉยชาก้องไปทั่วลาน บรรยากาศกดดัน
บนพื้นผู้แข็งแกร่งจากดินแดนรกร้างโบราณที่ถูกจับไว้เหล่านั้น แต่ละคนต่างตื่นเต้นขึ้นมา บางคนถึงกับน้ำตาจะไหลอยู่รอมร่อ
ล้วนคิดไม่ถึงว่าแม้ไม่เคยพบกันมาก่อน แต่เพียงเพราะอยู่ในทัพเดียวกันเท่านั้น หลินสวินจะช่วยพวกเขาโดยไม่สนใจสิ่งใด!
พวกติงซานเหอสีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ เมื่อไรกันที่คนรุ่นหลังคนหนึ่งกล้ามาข่มขู่พวกเขา
“เจ้าปล่อยคุณชายเล่อก่อน ข้ารับรองว่าจะให้เจ้ากับคนเหล่านี้มีโอกาสรอดชีวิตสักครั้ง”
ติงซานเหอสูดหายใจลึก เอ่ยเสียงเข้ม
“รอดหรือ ข้าอยากให้มันตาย!”
เล่อมูจิ้นที่ถูกกำราบให้คุกเข่าลงกับพื้นตาถลนแทบหลุดออกจากเบ้า ร้องคำรามเสียงดัง
เขาเป็นบุคคลแห่งยุครุ่นเยาว์จากดินแดนโบราณมารโลหิต ทั้งยังเป็นลูกหลานสายตรงของเผ่าเหยี่ยวมารเหิน พรสวรรค์ล้ำเลิศ หยิ่งผยองจองหอง แม้แต่อริยะทั่วไปยังไม่อยู่ในสายตาเขา
แต่ตอนนี้กลับถูก ‘แพะสองขา’ ที่เขาดูถูกเป็นที่สุดกำราบให้คุกเข่าลงกับพื้น ชีวิตอยู่ในกำมือของอีกฝ่าย ความอัปยศนี้สะเทือนใจจนเขาแทบบ้า
ปัง!
หลินสวินออกแรงที่นิ้วมือ ทวารทั้งเจ็ดของเล่อมู่จิ้นเลือดไหล ร่างกายเกร็งกระตุก จิตวิญญาณยังได้รับบาดเจ็บรุนแรง ส่งเสียงอู้อี้เจ็บปวด
“เจ้ากล้า!”
พวกติงซานเหอหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง ฐานะของเล่อมู่จิ้นสูงส่งยิ่งนัก หากปล่อยให้เขาถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตา มกุฎอริยะเผ่าเหยี่ยวมารเหินเหล่านั้นต้องกินพวกเขาทั้งเป็นแน่!
“เขายังไม่ตาย แต่ก็จวนเจียนแล้ว ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพวกเจ้า”
หลินสวินสีหน้าเฉยเมย แววเย็นชาไหวเคลื่อนในดวงตาดำ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาฝืนกดไอสังหารในใจเอาไว้ เขาคงใช้มือเดียวตบเจ้าสวะเล่อมู่จิ้นนี่ให้ตายไปนานแล้ว
ตอนนี้พวกติงซานเหอจะทำอะไรก็กลัวกระทบถึงเล่อมู่จิ้น
แต่เช่นเดียวกัน หลินสวินก็ทำได้แค่ใช้ชีวิตของเล่อมู่จิ้นเป็นเงื่อนไขแลกเปลี่ยนเพื่อช่วยผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณเหล่านั้น
“ถ้าพวกเราปล่อยคนพวกนี้ แต่เจ้าไม่ปล่อย…”
ติงซานเหอสูดหายใจลึกเอ่ยถาม
ยังไม่ทันขาดคำก็ถูกหลินสวินตัดบท “พวกเจ้าทำได้เพียงเดิมพัน!”
“เจ้า…”
ติงซานเหอกราดเกรี้ยว สีหน้าน่าสะพรึงกลัว ครู่สั้นๆ จึงกัดฟันพูดว่า “ได้ พวกเรารับปากเจ้า แต่ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันกับคุณชายเล่อ ข้ารับรองได้ว่าเจ้าศพไม่สวยแน่!”
หลินสวินสีหน้าเรียบเฉย เขาเคยได้ยินการข่มขู่เช่นนี้มาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
ตอนนี้ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณที่ถูกจับไว้ในที่นั้นมาที่ข้างหุบเหวใหญ่นั้น และถูกผีเสื้อมารแยกฟ้าที่รออยู่ก่อนแล้วรับไปภายใต้การจับจ้องอย่างกินเลือดกินเนื้อของเหล่าอริยะ
เห็นดังนี้หลินสวินจึงลอบถอนหายใจโล่งอก
“ตอนนี้เจ้าปล่อยเขาได้แล้วกระมัง”
ติงซานเหอสีหน้าอึมครึม
หลินสวินจับร่างของเล่อมู่จิ้นไว้ เดินมาริมหุบเหวใหญ่ทีละก้าว
ในระหว่างนี้พวกติงซานเหอจ้องหลินสวินเขม็ง ขอเพียงหลินสวินเผยท่าทีว่าจะหลบหนีสักนิด พวกเขาก็จะออกโจมตีทันที!
เพียงแค่อานุภาพที่พวกเขาแผ่ออกมาก็เต็มแน่นไปทั่วบริเวณใกล้เคียง ดั่งสะเทือนภูผาทลายสมุทร ทำเอาทุกคนหายใจติดขัด
ด้านหลินสวินที่ถูกเหล่าอริยะจับจ้องก็รู้สึกได้ถึงไอสังหารและอันตรายที่มีอยู่ทุกแห่งหนเช่นกัน
เขาหันตัวมองดูพวกติงซานเหอ จู่ๆ ก็ยิ้มเอ่ยว่า “ถ้าข้าใช้ชีวิตของเล่อมู่จิ้นบีบให้พวกเจ้าฆ่าตัวตาย พวกเจ้าจะว่าอย่างไร”
พวกติงซานเหอสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นย่ำแย่หาใดเทียบทันใด เจ้าเด็กนี่ หรือคิดจะผิดคำสัญญา
ฟุ่บ!
ก็ในตอนนี้เอง หลินสวินโยนร่างของเล่อมู่จิ้นออกไป
แทบจะในขณะเดียวกัน ร่างเขาพริบไหวกระโจนเข้าไปในหุบเหว
ตูม!
ก็ในตอนที่เงาร่างของหลินสวินเพิ่งหายลับไป จุดที่เขายืนอยู่เดิมถูกทวนศึกสีเขียวเล่มหนึ่งเจาะเป็นหลุมใหญ่ ฝุ่นควันตลบอบอวล
เห็นได้ชัดว่ามีอริยะลงมือหมายจะฆ่าหลินสวิน แต่กลับถูกหลินสวินชิงหนีไปได้เสียก่อน
ในหุบเหวหลินสวินหมุนตัวกลับมา มองดูภาพนี้แล้วเอ่ยว่า “ข้าบอกแล้ว ไม่ฆ่าพวกเจ้า ไม่ขอเป็นคน!”
ติงซานเหอสีหน้าอึมครึม ยิ้มเหี้ยมเอ่ยว่า “ไอ้สวะตัวจ้อย เจ้าดูข้างหลังเจ้าก่อน”
หลินสวินไม่ได้หันหน้าไป แต่จิตรับรู้แผ่ออกไปแล้ว
เขาหน้าเปลี่ยนสีทันใด
ก็เห็นว่าผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณที่ถูกผีเสื้อมารแยกฟ้าช่วยไว้เหล่านั้น แต่ละคนร่างแตก เลือดและเนื้อหนังเหมือนถูกกัดกร่อน ตายคาที่อย่างเงียบเชียบไปทีละคน!
ก่อนตายล้วนไม่ทันได้ตอบโต้
“นี่พวกเจ้าทำหรือ” หลินสวินสีหน้าน่ากลัว
พวกติงซานเหอหัวเราะร่าขึ้นมา กล่าวอย่างสมใจ “ตอนแพะสองขาพวกนี้ถูกจับก็ถูกพวกเราฝัง ‘กู่[1]วิญญาณ’ ไว้แล้ว ขอเพียงคิดในใจ พวกมันก็จะตายทันที”
“ไอ้โง่ คิดว่าพวกเราทำอะไรไม่ได้จริงหรือ บอกเจ้าให้ แพะสองขาพวกนี้ล้วนตายเพราะเจ้า ที่เจ้าควรแค้นที่สุดก็คือทำไมตัวเจ้าถึงโง่ปานนี้!”
พูดถึงตอนท้าย ติงซานเหอก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมาอีกครั้งอย่างอดไม่อยู่
“พวกเจ้าแต่ละคนหนีไม่พ้น!”
นัยน์ตาดำของหลินสวินดุจเหวลึก ประกายเย็นเยียบน่าหวาดหวั่นไหวเคลื่อน พอพูดประโยคนี้แล้วเขาก็หมุนตัวพุ่งเข้าไปในหุบเหว
“น่าขัน!”
พวกติงซานเหอไม่สนใจ
ปึง!
แต่ก็ในตอนนี้เอง เล่อมู่จิ้นที่ถูกพวกเขาช่วยไว้พลันอ่อนยวบล้มลงไปกับพื้น ร่างกายสมบูรณ์ไม่สึกหรอ แต่จิตวิญญาณกลับหายไปแล้วไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร!
นี่…
พวกติงซานเหอสีหน้าแข็งทื่อ ลูกตาถลนออกมา มือเท้าเย็นเฉียบ
เล่อมู่จิ้น… ตายแล้วหรือ
นี่เหมือนกับถูกคนใช้กระบองทุบใส่ ทำให้พวกติงซานเหอตระหนกไปหมด รีบร้อนเข้าไปช่วยชีวิต
แต่ไม่นานนักสีหน้าพวกเขาก็พากันอึมครึมลง
จิตวิญญาณของเล่อมู่จิ้นถูกกลืนกินหมดจดอย่างเงียบเชียบแล้ว!
“พี่ติง เจ้ามาจากเผ่างูมารทองคำ สิ่งที่เชี่ยวชาญที่สุดก็คือวิชาลับจิตวิญญาณ ดูออกไหมว่าคุณชายเล่อถูกฆ่าอย่างไร”
มีคนถามอย่างอดไม่ได้
“หนอนกินเทพ!”
ติงซานเหอสีหน้าคล้ำเขียว แค้นจนกัดฟันกรอด “ตอนไอ้สวะตัวจ้อยนั่นจับคุณชายเล่อไว้ก็มีเจตนาจะฆ่าแล้ว ให้หนอนกินเทพตัวหนึ่งเจาะเข้าไปในจิตวิญญาณของคุณชายเล่อ!”
“น่าชังนัก!”
อริยะคนหนึ่งเดือดดาล ไอสังหารผุดขึ้นอย่างรุนแรง
“เรื่องนี้จะประกาศออกไปไม่ได้เด็ดขาด หากให้สัตว์ประหลาดเฒ่าเผ่าเหยี่ยวมารเหินรู้ว่าเล่อมู่จิ้นถูกฆ่าต่อหน้าพวกเรา พวกเราก็คงหนีความผิดได้ยาก!”
ติงซานเหอสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ฝืนสงบใจแล้วเอ่ยว่า “เรื่องเร่งด่วนตอนนี้คือใช้พลังทั้งหมดฆ่าไอ้สวะตัวจ้อยนั่น แล้วค่อยบอกเรื่องนี้กับเผ่าเหยี่ยวมารเหิน ไม่แน่อาจจะพอช่วยได้บ้าง”
อริยะคนอื่นสีหน้าสับสนไม่นิ่ง พยักหน้าตอบในที่สุด
บุคคลแห่งยุคอย่างเล่อมู่จิ้น หากบรรลุมกุฎอริยะได้ ภายหน้าต้องประสบความสำเร็จอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแน่ แต่ตอนนี้กลับตายกะทันหัน
ทันทีที่เผ่าเหยี่ยวมารเหินกล่าวโทษ อริยะอย่างพวกเขาต้องประสบกับหายนะแน่!
“จี้ชิ่ง เจ้าลงมือด้วยตัวเอง ไปจับแพะสองขามาอีกหน่อย ยิ่งเยอะยิ่งดี ข้าไม่เชื่อว่าไม่มีทางบีบไอ้สวะนั่นได้อีก!”
ติงซานเหอเอ่ยอย่างแน่วแน่
“ได้!”
จี้ชิ่งรับคำสั่งแล้วจากไป
……
วังใต้ดินในเหวลึก หลินสวินนั่งกับพื้นอย่างอ่อนแอ สีหน้าซีดขาว
การสำแดงอภินิหารหยุดเวลากินพลังเขาไปจนหมด
ภาพที่ได้ประสบแต่ละภาพทำให้เขารับรู้ได้โดยสมบูรณ์ว่า อย่างไรเรียกหนี้เลือดฝังใจ!
ไม่อาจสลายได้สักนิด!
ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณเหล่านั้น แต่ละคนถูกเหยียบย่ำ หยามเหยียด ฆ่าแกงเหมือนหมูเหมือนหมา ภาพนองเลือดทั้งหมดจู่โจมจิตใจของหลินสวินอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
นี่ก็คือความแค้นเลือด!
การต่อสู้แห่งเก้าดินแดน จะใจอ่อนไม่ได้!
พอนึกถึงว่าชายหนุ่มที่ไม่รู้กระทั่งชื่อแซ่คนนั้นยอมตายอย่างเด็ดเดี่ยวเพื่อไม่ให้ตนถูกข่มขู่ ในใจหลินืสวินก็แปร่งปร่ายิ่ง
“ยามข้าหลินสวินบรรลุอริยะ จะใช้ดาบของข้าพิฆาตศัตรูทั้งปวง เลือดต้องล้างด้วยเลือด!”
ครู่ใหญ่หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งถึงค่อยเก็บกลั้นไอสังหารที่พลุ่งพล่านในใจได้
เขาเริ่มบำเพ็ญ
พลังแห้งเหือดแล้ว ต้องฟื้นฟูโดยเร็วที่สุด
วู้ม!
ทันใดนั้นคลื่นประหลาดระลอกหนึ่งแผ่กระจายออกมา
ชั่วพริบตานี้ จู่ๆ หลินสวินก็พบว่าตนอยู่ในเตาไฟที่เปลวไฟลุกโชนถาโถมเตาหนึ่ง เพลิงเทพน่าหวาดหวั่นกึกก้อง มีอานุภาพเผาฟ้าผลาญดิน
ส่วนตน กำลังถูกเพลิงใหญ่หลอม!
ตูม!
พลังหลอมอันร้อนระอุหาใดเทียบทำให้หลินสวินรู้สึกเพียงว่าร่างกำลังจะละลาย จึงกระตุ้นพลังทั้งหมดในร่างเข้าต่อต้านอย่างไม่ลังเล
ขณะเดียวกันคลื่นลายมรรคอัศจรรย์ปรากฏออกมาจาก ‘หอยอดมรรค’ ที่อยู่ไม่ไกล ท้ายที่สุดก็รวมตัวกันเป็นเตาไฟใหญ่เตาหนึ่ง
เตาไฟลุกโชนถาโถม เปลวเพลิงเทพไหลเวียน ประหนึ่งตั้งตระหง่านท่ามกลางนิรันดร์กาล คล้ายสามารถหลอมหมู่มวลสวรรค์!
เห็นได้ชัดว่านี่คือบททดสอบเคี่ยวกรำครั้งที่สองซึ่งกระจายตัวอยู่ในโลกลี้ลับแห่งนี้ ต่างมาเยือนโดยบังเอิญเหมือนการทดสอบแรกที่เรือนสังหารจิต
หลินสวินก็รับรู้ได้ถึงเรื่องนี้ แต่ไม่ทันได้คิดอะไรอีก เพราะความรู้สึกที่ถูกหลอมอยู่ในเตาช่างเหมือนถูกแล่เป็นหมื่นชิ้น ทั้งกายใจได้รับความเจ็บปวดถึงที่สุด
——
[1] กู่ ตามตำนานเชื่อกันว่าเป็นพญาพิษที่ถูกคนเพาะเลี้ยงโดยการนำหนอนพิษร้ายแรงมาอยู่ด้วยกัน และปล่อยให้กัดกินกันเองจนเหลือเพียงตัวสุดท้ายที่แข็งแกร่งที่สุด
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท