บัญชามังกรเดือด – บทที่ 468 ราชาหมู

บทที่ 468 ราชาหมู

บัญชามังกรเดือด บทที่ 468 ราชาหมู
เมื่อเห็นฉินเทียน นัยต์ตาของหยางคุนนั้นปรากฏไฟพิษอันร้อนแรงขึ้น

เขาไม่มีทางลืมได้ เมื่อคืนที่ทะเลสาบหรูอี้ ฉินเทียนทำให้เขาอับอายขายหน้าเช่นไร

ฉินเทียนไม่เพียงแต่สั่งให้คนสังหารปีศาจดำบอดี้การ์ดข้างกายที่เขาไว้วางใจและเชื่อมั่น แต่ยังไล่ต้อนให้เขาต้องคุกเข่า

ตั้งแต่หยางคุนเกิดมา นี่คือความอัปยศอดสูครั้งแรกและครั้งใหญ่ที่เคยเจอ!

หลังจากกลับไป ถ้าผู้เป็นพ่อไม่ห้ามปรามเขาไว้ เมื่อคืนวานนี้เขาก็คงระดมกำลังทั้งหมด ต่อให้จะต้องระเบิดโรงแรมนี้ เขาก็ต้องการจัดการฉินเทียนเพื่อแก้แค้น!

นับว่าโชคดี พ่อของเขาออกหน้าให้ ในตอนนี้พวกเขาคว้าความได้เปรียบครั้งใหม่มาแล้ว

ตราบใดที่พวกเขาสามารถยึดครองผืนดินแห่งนั้นได้ ฉินเทียนและคนของเขาก็จะไร้ที่ยืนและไร้พื้นที่ในการตั้งหลักภายในเมืองจิ่นหู

เมื่อถึงเวลานั้น คนล้มแล้วก็ต้องเหยียบซ้ำไม่ให้พวกเขาได้ฟื้นคืน นี่สิถึงจะเรียกว่าความรู้สึกสะใจ

“ฉินเทียน เป็นอะไรไป นี่นายกำลังจะหนีเหรอ?”

“เห็นข่าวในหนังสือพิมพ์แล้วงั้นสิ?”

หยางคุนกล่าวด้วยใบหน้าที่ภาคภูมิใจ

หลังจากแอนโทนี่ที่นั่งข้างเบาะคนขับได้ยินเช่นนั้น เขาเอ่ยอย่างเหยียดหยาม “คุณชายหยาง คนผู้นี้คือฉินเทียนที่คุณพูดถึงใช่หรือเปล่า?”

“ขออภัยที่ต้องพูดตามตรง ผมมองไม่ออกเลย เขามีคุณสมบัติอะไรที่จะมาแข่งขันกับคุณ”

ขณะกล่าว เขาผิวปากไปทางฉินเทียนจากนั้นเอ่ยเย้ยหยัน “เฮ้ นาย ฉันชื่อแอนโทนี่ ฉันจะออกแบบอาคารสถานที่เป็นเอกลักษณ์แห่งเจ็ดเมืองทางใต้ให้แก่คุณชายหยาง”

“แต่ทว่าฉันได้ยินมาว่าที่ดินผืนนั้นกลับเป็นของนายแล้ว”

“ควรรู้ตัวเอง รีบส่งที่ดินผืนนั้นมาและไสหัวกลับไปยังบ้านเกิดของนายเสียเถอะ”

“รนหาที่ตาย!” เถียหนิงซวงแผดเสียงด้วยความโกรธ คิดจะพุ่งตัวเข้าไปให้บทเรียนแก่แอนโทนี่

ฉินเทียนยิ้มและเอ่ยด้วยเสียงเย็นเยียบ “หนิงซวง เหตุใดต้องไปทะเลาะกับสุนัขที่มีความรู้น้อยด้วย”

“พวกเรารีบไปกันเถอะ”

“การไปเชื้อเชิญปรมาจารย์นั้นสำคัญกว่า”

จากนั้นเถียหนิงซวงระงับความโกรธของเธอ เปิดประตูรถและกระโดดไปยังเบาะคนขับ

แอนโทนี่จ้องมองเรือนร่างของเถียหนิงซวงด้วยแววตาหมกมุ่น

เขามองฉินเทียน ขมวดคิ้วพร้อมกับเอ่ย “พวกนายจะไปเชื้อเชิญปรมาจารย์เหรอ? คิดจะให้เขาออกแบบให้นายงั้นสิ?”

โดยไม่รอให้ฉินเทียนตอบกลับ หยางคุนยิ้มเย็นพลางเอ่ย “ยอมแพ้เสียเถอะ!”

“ฉินเทียน ตอนนี้เหลือเวลาแค่สิบวัน ไม่ต้องพูดถึงการตามหานักออกแบบเลย”

“ต่อให้หาจนเจอ ภายในระยะเวลาสั้นแค่นี้จะสามารถออกแบบอะไรได้?”

“ออกแบบมาแล้ว จะสามารถเทียบกับผลงานของแอนโทนี่ได้งั้นเหรอ?”

“ในด้านการออกแบบ แอนโทนี่เท่านั้นถึงจะเป็นปรมาจารย์ที่แท้จริง!”

แอนโทนี่เอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “คุณชายหยาง คุณชมผมเกินไปแล้ว”

“แต่ทว่า ทั่วโลกนี้นักออกแบบที่สามารถทำให้ฉันเคารพได้ นอกเสียจากอาจารย์ของฉันก็ไม่มีใครอีกแล้ว”

“อาจารย์ของฉันได้เกษียณจากงานออกแบบแล้ว”

“ไม่มีใครสามารถทำให้เขาเปลี่ยนใจได้”

“ดังนั้นตอนนี้ฉันก็คือนักออกแบบที่ดีที่สุด”

หยางคุนเอ่ยอย่างตื่นเต้น “แอนโทนี่ ครั้งนี้ต้องฝากให้นายจัดการแล้ว!”

“ตอนนี้ผมจะพาคุณไปสำรวจพื้นที่ คุณรีบออกแบบและร่างชิ้นงานให้ผมโดยเร็วที่สุด”

เขาเอ่ยเย้ยหยันฉินเทียนอีกครั้ง “คนแซ่ฉิน อีกเดี๋ยวนายก็จะกลายเป็นผู้แพ้ภายใต้เงื้อมมือฉัน”

“เมื่อถึงเวลานั้น เรามาชำระบัญชีแค้นทั้งหมดกัน!”

หลังจากพูดจบ เขาก็เหยียบคันเร่งและจากไปพร้อมกับเสียงคำราม

หลังจากที่เขาผ่านเรื่องวุ่นวาย เถียหลินเฟิง อู๋เทียนสงและคนอื่นต่างก็มีสีหน้าเป็นทุกข์

ฉินเทียนเกียจคร้านจะใส่ใจ เขาออกคำสั่งเถียหลินเฟิงและคนอื่น ในขณะที่เขาไม่อยู่ ถ้าหากไม่มีเรื่องอะไรก็ให้อยู่ในโรงแรม อย่าออกไปด้านนอก

ทุกอย่าง รอให้เขากลับมาแล้วค่อยพูดคุยกัน

ในด้านความปลอดภัย หม่าหงเทานำเหล่าสมาชิกคำสาปสวรรค์มาช่วยรับผิดชอบดูแลก็คงไม่น่าจะมีปัญหา

เขาและเถียหนิงซวงรีบตรงไปยังสนามบิน ขึ้นเครื่องบินบินไปยังอีกฝากหนึ่งของมหาสมุทร

…..

เครื่องบินลงจอดที่สนามบินนานาชาติใจกลางเมืองในออสเตรเลีย ฉินเทียนและเถียหนิงซวงไม่ได้เดินออกจากสนามบินเหมือนกับผู้โดยสารท่านอื่น

ภายใต้การแนะนำของเจ้าหน้าที่ พวกเขาเดินมายังเส้นทางพิเศษและมายังห้องรับรอง

ด้านนอกห้องรับรอง มีชายสวมชุดสีดำและแว่นกันแดดมากกว่าสิบคนกำลังยืนกันอย่างพร้อมเพรียง

เมื่อมองดูจากสถานการณ์ ราวกับว่าบุคคลที่อยู่ภายในห้องรับรองนั้นเป็นผู้นำประเทศอย่างไรอย่างนั้น

เถียหนิงซวงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกร้อนรนเล็กน้อย เธอเอ่ยเสียงเบา “พี่เทียน พี่มีเพื่อนอยู่ที่นี่ด้วยใช่ไหม?”

“จัดเป็นพิธีเสียใหญ่โตเชียว”

ฉินเทียนยิ้มและเอ่ย “ถึงแม้ว่าจะเป็นพิธีใหญ่โตไปหน่อย แต่ด้วยสถานะของเขาแล้วเขาคู่ควรกับคุณสมบัติเช่นนี้”

เมื่อมาถึงประตู เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมืออาชีพได้ใช้เครื่องมือสแกนฉินเทียนและเถียหนิงซวงที่เดินเข้ามา

เนื่องจากเป็นการพูดคุยธุรกิจแบบปกติ ดังนั้นฉินเทียนและเถียหนิงซวงนั้นก็ไม่ได้พกพาอาวุธใดมาด้วย

หลังจากได้ทำการสแกนแล้ว บอดี้การ์ดบอกให้พวกเขารอด้านหน้าประตู ส่วนเขาเดินเข้าไปรายงาน

จากนั้นได้ทำการเชิญให้ฉินเทียนและเถียหนิงซวงเข้าไปด้านใน

ภายในห้องรับรองที่หรูหราโอ่อ่า มีชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนเพียงคนเดียวกำลังนั่งสูบซิการ์อยู่บนโซฟา

เมื่อเห็นฉินเทียน เขาลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น

แต่ทว่า เป็นเพราะว่ามีคนอื่นอยู่ในสถานที่แห่งนี้ด้วย เขาจำต้องบังคับควบคุมอารมณ์ของตนเอง โบกไม้โบกมือให้บอดี้การ์ดนั้นออกไป

ภายในห้อง เมื่อเหลือเพียงเขา ฉินเทียนและเถียหนิงซวง เขาบดขยี้ซิการ์ที่เพิ่งสูบและเดินเข้าไปหาอย่างไม่รีรอ

“บอส ในที่สุดก็ได้พบบอสแล้ว!”

ท่าทีการแสดงออก เป็นการแสดงความเคารพรวมถึงการแสดงความชื่นชมยกย่องอย่างไม่ปิดบัง

เถียหนิงซวงอ้าปากกว้างด้วยความประหลาดใจ เธอคิดไม่ถึงเลย คนที่สูงศักดิ์และทรงเกียรติท่านนี้จะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของฉินเทียน

ฉินเทียนโบกมือไปมาและกล่าว “เฮียหมู ไม่ต้องมากพิธี”

“พูดมา สถานการณ์เป็นอย่างไร”

เฮียหมู จูกว่างจื้อ เขามีไหวพริบและชาญฉลาดตั้งแต่วัยเยาว์ โดยเฉพาะเรื่องของเศรษฐกิจ เขามีวิสัยทัศน์มองการณ์ไกลที่ไม่ธรรมดา

ในวัยเด็ก เขาเล่นหุ้นและได้รับเงินก้อนใหญ่ก้อนแรก เขาใช้เงินของตัวเองและมีอิสรภาพทางด้านการเงินตั้งแต่เนิ่นๆ

หลังจากนั้นมีครั้งหนึ่ง เป็นเพราะเขาเข้าร่วมการชอร์ตหุ้น[1]ของบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ในอเมริกา เขาเล่นใหญ่มาก โดนนักฆ่าต่างชาติไล่ฆ่า

ขณะที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย ฉินเทียนได้ช่วยชีวิตเขาไว้

เดิมทีจูกว่างจื้อนั้นไม่ได้โลภและไม่ได้รักเงินเท่าชีวิต เขาเพียงแค่ลุ่มหลงอยู่กับตัวเลขบนเกมก็เท่านั้น

ในตอนนั้น บังเอิญว่าวิหารเทพของฉินเทียนเพิ่งถูกสร้างขึ้น ขาดแคลนบุคคลที่มีความสามารถในด้านนี้ จูกว่างจื้อรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณที่ฉินเทียนได้ช่วยชีวิตไว้ เขาจึงอาสาตนเองและเข้าร่วมวิหารเทพ

ในเวลาเพียงไม่กี่ปี วิหารเทพได้กลายเป็นกลุ่มนายทุนขนาดใหญ่ระดับโลก

ผลกำไรที่มีมาอย่างไม่ขาดสาย เป็นเสมือนน้ำมันที่คอยหล่อเลี้ยงการขับเคลื่อนของวิหารเทพ

สามารถกล่าวได้เลยว่าจูกว่างจื้อนั้นมีส่วมร่วมเป็นอย่างมาก

สำหรับโลกภายในเขาเป็นหนึ่งในสิบสองราชา เป็นผู้ใต้บัญชาของฉินเทียน แต่สำหรับโลกภายนอก เขาเป็นนายทุนยักษ์ใหญ่ในวงการดูแลธุรกิจอุตสาหกรรมจำนวนหลายร้อยล้าน

ดังนั้นที่ฉินเทียนกล่าวเมื่อครู่ ด้วยสถานะของเขา การจัดพิธีอย่างเอิกเกริกนั้นไม่ได้มากเกินความจำเป็นเลย

ไม่เพียงแต่ไม่ได้มากเกินไปเท่านั้น แต่ยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำ

หลังจากได้ยินคำพูดของฉินเทียน จูกว่างจื้อถอนหายใจ พูดด้วยใบหน้าเศร้า “ตาเฒ่าซาโรผู้นี้ยากเกินจะรับมือได้”

“ไม่ว่าฉันจะพูดอะไร เขาก็ยังคงนิ่งงัน”

“เขาไม่ได้ขาดแคลนเงิน เขาไม่ชอบชื่อเสียงและเงินทอง อายุมากแล้วผู้หญิงก็ไม่ต้องการแถมยังไม่กลัวตาย”

“พี่ใหญ่ พี่ว่าฉันต้องทำยังไง?”

“เราไม่สามารถเปลี่ยนเป็นคนอื่นได้จริงๆเหรอ?”

ด้วยสถานะของจูกว่างจื้อ ให้เขามาที่นี่ด้วยตัวเองและขอร้องอ้อนวอนนักออกแบบคนหนึ่ง แต่กลับถูกอีกฝ่ายเพิกเฉย นี่เป็นการทำให้เขารู้สึกยากลำบาก

ฉินเทียนยิ้มและเอ่ย “พอแล้ว นายกลับไปได้แล้ว หลังจากนี้ฉันจัดการเอง”

“แผนการอยู่ที่คน ผลลัพธ์อยู่ที่ฟ้า ถ้าหากว่าไม่สามารถเชื้อเชิญซาโรได้จริงๆ เช่นนั้นโปรเจกต์ในครั้งนี้ก็ล้มเหลว ฉันจะยอมรับ!”

การชอร์ตหุ้น[1] หมายถึง การขายสินทรัพย์ทางการเงินโดยที่ไม่ได้มีสินทรัพย์นั้นอยู่ก่อน เป็นการยืมหุ้นจากโบรกเกอร์มาขาย แล้วซื้อกลับในราคาที่ถูกกว่า

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด

Status: Ongoing

บัญชามังกรเดือด แปลไทย เขาหายสาบสูญไปห้าปี มีป้ายบัญชาการลึกลับสองอันเกิดขึ้นบนโลก อันหนึ่งเป็น บัญชาพญายม เมื่อพบเห็นต้องตายสถานเดียว อันหนึ่งเป็นบัญชาราชาเทพ ใครผู้นั้นจะพลอยได้ดิบได้ดี แต่เขากลับเป็นเจ้าของป้ายบัญชาการทั้งสอง……

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท