ถึงจะห้าทุ่มแล้ว เจี่ยงเถียนเถียนก็ยับยั้งความสุขที่มีอยู่ในใจไม่ได้ จึงให้คนขับรถขับรถมาที่คฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลลิ
เมื่อเทียบกับคฤหาสน์เซี่ยงหูของตระกูลเจี่ยงแล้ว คฤหาสน์ของตระกูลลิดูเรียบง่ายไปมาก
แต่แค่คนที่รู้ถึงอำนาจความสามารถของพวกเขา ก็จะไม่กล้าจะดูถูกคฤหัสน์หลังนี้แน่นอน
ทรัพย์สินเกือบห้าแสนล้าน ทำให้ตระกูลลิไม่เพียงแต่อยู่ในเมืองจิ่นหูเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเมืองอู่หู แม้แต่เจ็ดเมืองทางใต้ก็ไม่อาจนำไปได้
จะกล่าวว่าเป็นแกนนำของเจ็ดเมืองทางใต้ ก็ไม่เกินไป
เพียงแต่ว่า โดยปกติพวกเขามักจะไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจเท่านั้น
แต่ยิ่งไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจ ยิ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีความมั่นใจและมีความสารถเพียงพอ ดังนั้นเมื่อมาถึงที่นี่ไม่ว่าใครก็ตาม ล้วนให้ความนอบน้อมนับถือทั้งนั้น
แม้แต่เจี่ยงเถียนเถียนเจ้าหญิงที่เติบโตในหอคอยงาช้างตั้งแต่เล็กจนโตก็ไม่ยกเว้น
เธอลงมาจากรถโรลส์-รอยซ์สีชมพู เก็บอาการหยิ่งยโสและความเอาแต่ใจไว้ เหมือนดั่งหญิงสาวขึ้อายที่กำลังจะได้พบกับคนที่ใจหมายปอง
เธอกล่าวกับรปภ.อย่างสุภาพว่า:”รบกวนพี่ชายทั้งสอง รายงานคุณชายเหลียงให้หน่อยค่ะ”
“แค่บอกว่าเจี่ยงเถียนเถียนมีเรื่องสำคัญต้องรายงาน”
“ฉันรู้ว่าตอนนี้ค่อนข้างดึกแล้ว แต่เรื่องนี้มันสำคัญมาก ดังนั้นหวังว่าพี่เหลียงจะสามารถพบฉันได้”
เมื่อหนุ่มรักษาความปลอดภัยเห็นเจ้าหญิงในยามค่ำคืน ในสายตานอกจากความเคารพแล้ว ยังมีความอิจฉาอยู่ส่วนหนึ่งด้วย
ไม่ว่าจะเป็นด้านความงาม ความปราดเปรื่อง บุคลิกหรือชาติกำเนิด การอบรมสั่งสอนไม่ว่าด้านไหน เจี่ยงเถียนเถียนล้วนไร้ที่ติกันทั้งนั้น
มีบุรุษที่ไหน ไม่ฝันที่จะได้ครอบครองหัวใจของหญิงสาวเช่นนี้?
เขายิ้มเบาๆ แล้วพูดว่า:”คุณหนูเจี่ยง มาหานายน้อยของเราดึกขนาดนี้ มีธุระสำคัญอะไรครับ”
“ใช่คุณคิดค้นสูตรขนมหวานอะไรได้อีกไหมครับ แล้วจะให้นายน้อยของเราลองชิมใช่ไหมครับ?”
เจี่ยงเถียนเถียนชอบทำขนมพายต่างๆ และความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ เป็นเชฟเบเกอรี่ดีเด่นคนหนึ่ง
เพื่อตอบสนองความสนใจของลูกสาว เจี่ยงเส้าทุ่มเทเงินจำนวนมากในการจ้างเชฟที่มีชื่อเสียงโด่งดังของโลกมาสอนให้กับลูกสาว
ดังนั้นตอนนี้ เจี่ยงเถียนเถียนได้กลายเป็นเชฟเบเกอร์รี่ที่มีชื่อเสียงแล้ว
ฝีมือไม่ด้อยไปกว่าเชฟของภัตตาคารใดในประเทศแน่นอน มีแม้กระทั่งผู้จัดการภัตตาคารมิชลิน ที่ไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเจี่ยงเถียนเถียน ยังเคยอยากใช้เงินจำนวนมากเพื่อจ้างเธอ
การทำขนมของเจี่ยงเถียนเถียน เป็นเพียงงานอดิเรกเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่การไปทำงานจริงๆ อยู่แล้ว และที่จริงแล้วขนมที่เธอทำนั้น ให้เพียงคนใกล้ชิดชิมเท่านั้น
ซึ่งลิเหลียงคือหนึ่งในนั้น
เธอมักจะระดมสมอง ทำขนมที่สร้างสรรค์ที่แตกแต่งกัน และนำมาให้ลิเหลียง
ดังนั้น รปภ.ถึงได้ล้อเล่นแบบนี้
“ไม่ใช่สักหน่อย”เมื่อฟังคำพูดของรปภ. เจี่ยงเถียนเถียนก็ยิ่งเขินอายมากกว่าเดิม
ลูกตาดำสวยงามของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เร่งรีบพูดขึ้นว่า:”พวกนายรีบไปรายงานเสียสิ”
“เรื่องนี้ มันสำคัญกว่าขนมหวานอีก!”
“รีบไปเร็วเข้า!”
รปภ.ที่อายุมากว่าอีกคนพูดด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนว่า:”คุณหนูเจี่ยง พวกผมสามารถไปรายงานให้ได้ครับ แต่คุณก็รู้ว่า การทำงานและพักผ่อนนายน้อยของเรานั้นมีกฎเกณฑ์มากนะครับ”
“ช่วงเช้าของทุกวันเขาจะจัดการเรื่องของบริษัท แล้วอยู่เป็นเพื่อนนายท่านช่วงบ่าย ส่วนตอนเย็นจะอ่านหนังสือ และพักผ่อนเวลาสี่ทุ่มครึ่งอย่างตรงเวลา โดยไม่อนุญาตให้ใครรบกวนเด็ดขาด”
“ดังนั้น ถ้าหากเขาปฏิเสธที่จะมาพบคุณ ก็ขอให้คุณอย่าถือโกรธพวกเราเลยนะครับ”
เจี่ยงเถียนเถียนลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดเสียงกระซิบกระซาบ:”นายก็บอกไปว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผู้นำพันธมิตรธุรกิจในอีกสิบวันข้างหน้า”
“ผู้นำพันธมิตรอย่างนั้นหรือ?”เจ้าหน้าที่รักษาความปอดภัยที่อายุมากว่าผงะตกใจ และพูดด้วยเสียงต่ำว่า:”นี่เป็นเรื่องใหญ่ ผมเองก็ได้ยินมาเช่นกัน”
“คุณหนูเจี่ยง ท่านรอสักครู่ ผมจะไปรายงานเดี๋ยวนี้ครับ”
เขาเข้ามาในคฤหาสน์อย่างรีบร้อน และในห้องที่อยู่ห่างออกไปด้านข้าง
โดยห้องนั้นทั้งเงียบและสงบไปหมด
รปภ.ที่อายุมากว่าชื่ออากุ้ย เมื่อมองไปยังห้องที่เรียบง่ายที่อยู่ตรงหน้าของเขา หัวใจของเขาก็ชื่นชมในคุณธรรมที่ดีงามของลิเหลียงอีกครั้ง
ซึ่งโดยทั่วไปแล้วคุณชายที่มีฐานะอย่างลิเหลียงนี้ มักจะใช้ชีวิตที่หรูหราที่สุด และพักในคฤหาสน์หรู มีงานปาร์ตี้ที่ไม่สิ้นสุด แบบนี้ถึงจะเหมาะสมกับสถานะของพวกเขา
แต่ลิเหลียงนั้นอ่อนน้อมถ่อมตนจนผิดปกติ ก็เหมือนอย่างที่อากุ้ยพูด เขาจะจัดการเรื่องของบริษัทในตอนเช้า และอยู่กับหลู่เว่ยจงพ่อของเขาในตอนบ่าย
ตอนเย็นถ้าไม่มีธุระ ก็ไม่เคยออกไปข้างนอก พออ่านหนังสือเสร็จ จะเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ
นี่คลับคล้ายกับปัญญาชนที่มีวินัยในตัวเองอย่างเคร่งครัดของตระกูลนักวิชาการในสมัยโบราณ
ดังนั้นแม้ว่าลิเหลียงจะเป็นคุณชายต้นๆ ของวงศ์ตระกูล แต่ชื่อเสียงของเขาก็ยังด้อยกว่าเรษฐีรุ่นที่สองที่ไม่เอาไหนอย่างหยางคุนและหม่าจินหลง
“คุณชาย นอนหรือยังครับ?”
“คุณหนูเจี่ยงเถียนเถียนมาขอพบครับ เธอบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะบอกคุณ”อากุ้ยยืนรออยู่หน้าประตูอย่างสุภาพ และพูดขึ้นด้วยความระวัง
ในห้องเงียบกริบ และไม่มีเสียงตอบรับใด
อากุ้ยทราบดีว่าลิเหลียงไม่ชอบให้ถูกรบกวนในตอนกลางคืน และต้องการกลับ แต่ก็รู้สึกผิดต่อน้ำใจของเจี่ยงเถียนเถียน
เขาลังเลได้ครู่หนึ่ง แล้วเคาะประตูเบาๆ
แต่กลับพบว่าประตูไม่ได้ล็อก ฝ่ามือของเขาเพียงขยับเล็กน้อย มันก็เปิดช่องว่างขึ้น
อากุ้ยอดไม่ได้ที่จะคิดในใจว่า คุณชายต้องอ่านหนังสือเหนื่อยเกินไป แม้แต่ประตูก็ลืมปิด เมื่อนึกถึงว่าปกติลิเหลียงมักจะอารมณ์ดี ซึ่งทั้งให้เกียรติและดูแลลูกน้องอย่างพวกเขาเป็นอย่างมาก
อากุ้ยจึงดันประตูเปิดออก และเดินเข้าไป
และนี่เป็นห้องชุดหนึ่งห้อง โดยข้างนอกเป็นห้องอ่านหนังสือ และข้างในเป็นที่พักของลิเหลียง
ภายใต้แสงสลัว มีตำราต่างๆ วางเต็มอยู่บนชั้นวางในห้องอ่านหนังสือ โดยบนโตีะมีพู่กัน หมึก กระดาษและแท่นฝนหมึกอยู่ และยังมีแบบหัดเขียนพู่กันเปิดอยู่อีกหนึ่งเล่ม
ดูเหมือนว่าวันนี้ตอนกลางคืนลิเหลียงได้มาฝึกเขียนอักษรก่อนจะเข้านอน
“คุณชาย ท่านนอนหรือยังครับ?”
“คุณหนูเจี่ยงเถียนเถียนมาแล้ว และบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะรายงาน” อากุ้ยหันหน้าเข้าหาห้องนอนและพูดเสียงเบาอีกครั้ง
แต่ยังคงเงียบกริบเช่นเดิม โดยไม่มีคนตอบกลับ
ไม่น่าเป็นไปได้นะ
ถึงแม้ว่าการทำงานของลิเหลียงจะมีกฎเกณฑ์ แต่ตอนนี้พึ่งจะสี่ทุ่มเอง และคนหนุ่มอย่างเขา เป็นไปไม่ได้ว่าจะหลับลึกขนาดนี้นี่นา?
แต่ว่าอากุ้ยก็ไม่กล้าบุกเข้าไปข้างในมากกว่านี้ เขารู้ว่าฐานะของเขาต่ำต้อยเกินไป
ในขณะที่ลังเลอยู่ และอากุ้ยเตรียมที่จะกลับไปบอกเจี่ยงเถียนเถียนว่าให้มาใหม่วันพรุ่งนี้
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงอู้อี้ดังมาจากในห้องนอน
อากุ้ยตกใจกลัวขึ้นมา และฟังอย่างตั้งใจ แต่เสียงก็หายไปอีกครั้ง
ขณะที่เขาคิดว่าตัวเองได้ยินผิดไป และเตรียมที่จะหันหลังจากไป ก็ได้ยินเสียงตุ้มดังขึ้นมาจากในห้องนอนอีกครั้ง
ฟังดูแล้ว เหมือนมีคนติดอยู่ในกำแพง และใช้แรงทุบกำแพงอยู่
“คุณชาย ท่านเป็นอะไรไหมครับ?”อากุ้ยรีบผลักประตูเปิดออก และเดินเข้าในห้องน้อนด้วยความเป็นห่วง
ห้องนอนของคุณชายอันดับหนึ่งในเจ็ดเมืองทางใต้ ไม่มีเตียงนอนใหญ่และการตกแต่งที่หรูหรา มีเพียงเฟอร์นิเจอร์เก่าไม่กี่ชิ้น และเตียงไม้เนื้อแข็งหนึ่งหลัง
นอกนั้นก็ไม่มีของอย่างอื่นอีก มันเรียบง่ายจนเกินไปจริงๆ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อากุ้ยเห็นผ้าห่มถูกพับอย่างดีวางอยู่บนเตียง และลิเหลียงก็ไม่ได้อยู่ในห้องด้วย
เป็นไปได้อย่างไร?
ตอนกลางคืนคุณชายไม่ได้ออกไปข้างนอกแต่อย่างใด นอกจากนี้ เขาและรปภ.อีกคนก็เฝ้าอยู่หน้าประตูตลอด แต่ก็ไม่เห็นลิเหลียงออกไปข้างนอก
แล้วเขาจะไปที่ไหนได้?
ภายใต้แสงไฟสลัว อากุ้ยมักจะรู้สึกว่า ห้องนี้แปลกๆ ชอบกล
โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ไม้เก่าบริเวณรอบๆ เหล่านี้ ทำให้เขารู้สึกเหมือนฉากบางตอนในภาพยนตร์วิญญาณร้าย และวิญญาณปีศาจจะปรากฏตัวขึ้น ในยามกลางคืนที่ไร้ผู้คน
เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก และเตรียมจากไป ทันใดนั้น ตุ้ม!
ส่งเสียงดังโหวกเหวก มาจากใต้เท้า
อากุ้ยตกใจจนร้องเสียงแหลม และล้มลงกับพื้น ซึ่งเขาเตรียมที่จะลุกขึ้น แต่หูกลับติดกับพื้นพอดี
จึงได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมจากข้างล่าง……
อย่างกับว่ามียักษ์ถูกขังอยู่ด้านล่าง และกำลังหาวิธีหนีออกจากการถูกกักขัง