“ตกลง!”
“คนแซ่ฉิน ฝากไว้ก่อนเถอะ!”
“ถ้าฉันไม่ทำให้ครอบครัวแกแตกสาแหรกขาดแล้วเอาศพมาสับเป็นหมื่นๆ ชิ้นละก็ ฉันก็ไม่ใช่คนแซ่หยางหล่ะ!”
หยางหยวนชิ่งไม่มีผู้ช่วยแล้ว สุดท้ายก็ได้แต่กัดฟันพูดจาด้วยคำที่โหดร้าย และพาคนของเขากลับไปด้วยความโกรธแค้น
ส่วนคนที่เหลือของ ตระกูลหม่า หม่าจั๋วชุน เรียกฉินเทียนไปคุยเป็นการส่วนตัว และพูดเบาๆ ว่า” คุณฉิน ฉันเชื่อว่าคุณไม่ทำเรื่องพันธุ์นี้”
“ถ้าคุณจะฆ่า ปีศาจขาวต้องทำมันอย่างเปิดเผยและบริสุทธิ์อย่างแน่นอน”
“แต่คุณคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้?”
“หรือว่ามีคนแอบอ้างใช้ชื่อคุณ แล้วคิดจะโยนความผิดให้คุณงั้นหรือ?”
“และจุดประสงค์คืออะไร?”
ฉินเทียนมองดูค่ำคืนอันมืดมิดในที่ไกลๆ ในห้วงของความมืดมนนั้น ราวกับว่ามีแววตาที่มองไม่เห็นอยู่คู่หนึ่งแอบซ่อนอยู่
เขาตอบอย่างเรียบเฉยว่า “ดูเหมือนว่าเกมนี้ ยิ่งน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ แล้วหล่ะ”
“ตอนนี้ แม้แต่ฉันเอง ก็ยังมองไม่ออกเลย”
“แต่มีเรื่องหนึ่งที่แกต้องจำเอาไว้ นั้นก็คือ ต้องใจเย็นๆ และคอยสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ”
“ฉันคิดว่า พวกเขาคงไม่ยอมวางมือแน่ พวกแกต้องหลีกเลี่ยงการเป็นเป้าสายตาของเขา และเก็บตุนพลังเอาไว้”
“ใช้เวลาไม่นานหรอก เดี๋ยวเขาเองก็จะปรากฏตัวออกมาเอง”
“ตกลง! ” หม่าจั๋วชุนพยักหน้า
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตอบอย่างตื่นเต้นว่า “จินหยู่ติดต่อกับทางฝั่งนั้นได้แล้ว และผลก็เป็นไปตามที่แกพูด พวกเขาเต็มใจที่จะลงทุนด้วย”
” จินหยู่บอกว่าเป็นไปตามคาด พรุ่งนี้พวกเขาจะเริ่มการเจรจาอย่างเป็นทางการกับทางฝั่งตรงข้ามแล้ว”
“คุณฉิน ขอบคุณคุณมากนะ!”
“ฉันยังยืนยันคำเดิมว่า ตระกูลหม่าจะอยู่ข้างแกตลอดไป! ”
ฉินเทียนพยักหน้าและตอบว่า” ถ้างั้นก็ต้องแสดงความยินดีกับแกด้วย หัวหน้า ตระกูลหม่า เชื่อว่าใช้เวลาไม่นานนัก ความแข็งแกร่งของตระกูลหม่าของพวกแก ต้องเพิ่มขึ้นไปอีกหนึ่งขั้นแน่นอน”
หม่าจั๋วชุนกล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจว่า “เรื่องของหยางหยวนชิ่งนั้น ฉันต้องหาวิธีพิสูจน์ความจริงให้ได้”
“หากมีข่าวคราวฉันจะรีบบอกแกทันที”
“คุณฉิน รีบพักผ่อนนะ”
……
หยางหยวนชิ่ง จากไปด้วยความโกรธ และไม่ได้กลับไปที่ตระกูลด้วย เขาให้แค่หยางคุน และคนอื่นๆ กลับไปก่อน ส่วนตัวเขากับคนขับรถก็มาถึงคฤหาสน์ของตระกูลลิอย่างเงียบๆ
คนที่คอยสนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลัง รวมถึง “คุณชาย” ที่พูดถึงในโทรศัพท์ก่อนหน้านี้ ก็คือลิเหลียงนั่นเอง
ท่าทางภายนอกของลิเหลียงนั้น เขาเป็นสุภาพบุรุษที่มีมารยาทสุภาพเรียบร้อย เคารพและปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด
แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาเป็นคนเล่ห์เหลี่ยมเพทุบาย วิธีการลงมือโหดเหี้ยม แม้แต่หยางหยวนชิ่งเองก็ยังถูกเขาเล่นราวกับเป็นลูกไก่ในกำมือ
ทุกคนต่างรู้ดีว่า ตระกูลอันดับหนึ่งจะต้องทำตัวนอบน้อมถ่อมตัว การเลือกตั้งผู้นำครั้งใหญ่รอบนี้ เขาเลยลือกที่จะไม่เอาตัวออกห่าง แต่กลับไม่รู้ว่า ลิเหลียง เป็นผู้ผลักดันเบื้องหลังคนสำคัญนั่นเอง
“แกหมายความว่า ฉินเทียนรับของขวัญไปแล้ว แต่ฆ่าปีศาจขาวระหว่างทางงั้นหรือ?”
จากคำรายงานของ หยางหยวนชิ่ง อารมณ์ของลิเหลียงเองก็เริ่มเปลี่ยนไป
เขาตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า “ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่แล้วสิ”
“หยางหยวนชิ่ง เรื่องนี้ฉันจัดการได้ แกกลับไปรอฟังข่าวเถอะ”
หยางหยวนชิ่ง รู้สึกสงสัยเล็กน้อย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ แต่การแสดงออกของลิเหลียง ทำไมกลับดูเรียบเฉยเช่นนั้นเล่า?
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และพูดว่า “คุณชาย ผู้ลงสมัครผู้นำคนนั้น?”
ลิเหลียง ขมวดคิ้ว แสดงให้เห็นว่าไม่พอใจเล็กน้อย
ถงเหรินที่อยู่ข้างๆรีบตอบอย่างเย็นชาว่า “ถ้ามันเป็นของแก ไม่ช้าหรือเร็วก็ต้องเป็นแก ถ้าไม่ใช่ของแก ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะถาม”
“หยางหยวนชิ่ง อย่ามองข้ามความหวังดีของผู้อื่น!”
หยางหยวนชิ่งตกใจและรีบตอบกลับว่า “ครับ!”
“งั้นฉันจะอยู่ในบ้าน รอฟังคำสั่งของคุณชาย!”
เขาออกจากคฤหาสน์ตระกูลลิไปอย่างตื่นตระหนก
ลิเหลียงมีท่าทีครุ่นคิดและ ถามถงเหรินว่า “เรื่องนี้ แกคิดเห็นว่ายังไง?”
ถงเหรินตอบเบาๆ ว่า “อาจจะไม่ใช่ฝีมือของฉินเทียน”
“มีคนไม่อยากให้ หยางหยวนชิ่ง เป็นพันธมิตรกับฉินเทียน ดังนั้นเลยใช้ชื่อของฉินเทียน ฆ่า ปีศาจขาวระหว่างทาง เพื่อทำลายพันธมิตร”
ลิเหลียงหัวเราะและตอบว่า “พูดแบบนี้ แกรู้แล้วหรือว่าฝั่งนั้นเป็นใคร?”
ถงเหรินพยักหน้า “คนที่อยากฆ่า ปีศาจขาวแล้วอาศัยพญายมสามตาแห่งตระกูลเฉินแต่เกรงว่าจะทำเองไม่ได้”
“ฉันคิดว่า อาวุโสตาบอดแห่งตระกูลเจี่ยงก็อาจจะมีส่วนร่วมด้วย”
ลิเหลียงหัวเราะและพูดว่า “อาวุโสท่านนี้ช่างน่ารังเกียจเสียจริง อายุเยอะขนาดนั้นแล้ว ยังไม่รู้จักสงบเสงี่ยมเสียบ้าง”
“ถงเหริน เขาเป็นคู่แข่งของแกนี่!’
ถงเหรินตอบอย่างเงียบขรึมว่า “ภายในหนึ่งร้อยกระบวนท่า ฉันสามารถฆ่าเขาได้แน่นอน!”
ลิเหลียงหัวเราะตอบว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ครั้งนี้แกเป็นคนจัดการก็แล้วกัน”
“เจ็ดเมืองทางใต้ไม่เพียงแต่ต้องผสมผสานแนวทางการค้าแล้ว โลกการต่อสู้ก็ควรต้องล้มล้างด้วยแล้วหล่ะ”
ถงเหรินตอบอย่างเงียบขรึมว่า “ฉันจะส่งหนังสือท้าประลองวิทยายุทธ์กับอาวุโสตาบอดนั้นทันที”
“ไม่ต้อง” ลิเหลียงมีรอยยิ้มท่าทีครุ่นคิด “ในเมื่อพวกเขาเลือกที่จะโยนความผิดให้ฉินเทียน งั้นพวกเราก็เลียนแบบสักหน่อยแล้วกัน”
“หากเป็นไปตามคาดตระกูลเจี่ยงและตระกูลเฉินเพื่อเป็นการหาเสียง จะต้องรีบไปทำความรู้จักกับฉินเทียนแน่นอน”
“แกก็หาโอกาส แล้วใช้ชื่อของฉินเทียน ฆ่าพวกเขาเสีย”
ถงเหรินตกใจไปชั่วขณะและพูดว่า “คุณชายก็จะโยนความผิดให้ฉินเทียนด้วยหรือ?”
ลิเหลียง หัวเราะเสียงดัง “ในเมื่อฉันให้เขาเป็นปลาดุกแล้ว ฉันจะไม่ปล่อยให้เขาอยู่เฉยๆ หรอก”
“พวกเราต้องผสมผสานแนวทางการค้า ล้มล้างแนวทางการต่อสู้ และยังต้องมีศัตรูที่สมมุติขึ้นมาอีกด้วยหรือ?”
“ครั้งนี้ ฉันจะให้ฉินเทียน กลายเป็นศัตรูของเจ็ดเมืองทางใต้”
แววตาของถงเหรินเป็นประกาย พูดเสียงเบาๆ ว่า “หากฉินเทียนกลายเป็นศัตรูของประเทศ ฆ่าคนไปทั่ว ถ้าอย่างนั้นคนที่ตกเป็นเหยื่อพวกนั้น ก็ต้องเสาะแสวงหาความช่วยเหลือ”
“พวกเขาก็จะมาขอความช่วยเหลือถึงที่โดยอัตโนมัติ และเมื่อถึงเวลานั้น คุณชายก็แค่พายเรือตามน้ำไป เท่านี้ก็จะกลายเป็นผู้นำของเจ็ดเมืองทางใต้แล้ว”
“แบบนี้พวกเขาเองก็จะตายใจและมาเป็นพรรคพวกของคุณชาย วิธีนี้มันดีกว่าลงคะแนนเลือกตั้งเป็นไหนไหน”
ลิเหลียงหัวเราะและพูดว่า “ถงเหริน แกติดตามฉันมานาน ในที่สุดก็ก้าวหน้าขึ้นแล้วนะ”
“หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจครั้งนี้ ตำแหน่งภายในวิหารของฉัน ก็อาจจะสูงขึ้นอีกขั้น”
“เมื่อถึงเวลานั้น ตำแหน่งหัวหน้าหอ ฉันจะยกให้แก”
“ขอบคุณคุณชายที่สนับสนุน! ถงเหรินคุกเข่าลงทำความคารวะด้วยความซาบซึ้ง”
ระหว่างการสนทนาอยู่นั้น เหมือนว่าทั้งเจ็ดเมืองทางใต้ จะเป็นเพียงก้อนหินก้อนหนึ่งที่ให้พวกเขาเหยียบข้ามไป เดิมทีพวกเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว
สิ่งที่พวกเขากำลังสนใจอยู่ก็คือ วิหารอะไรสักอย่าง
ค่ำคืนแห่งความวุ่นวายและความปั่นป่วนยากที่จะคาดเดา พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันออก แสงอาทิตย์สาดส่องไปทั่ว ราวกับทุกสิ่งถูกซ่อนอยู่ท่ามกลางความมืดที่ผ่านไป
สิบวันก่อนการก่อตั้งพันธมิตรทางธุรกิจของเจ็ดเมืองทางใต้ ก็ใกล้เข้ามาอีกหนึ่งวัน
วันที่สอง
ดูเผินเผินก็เหมือนว่า ทุกอย่างยังคงสงบนิ่ง
แต่เพียงชั่วข้ามคืน ข่าวคราวเรื่องนี้ ก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองแล้ว
บ้านเล็กบ้านน้อย ต่างพากันรู้สึกโกรธและรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรมกับชื่อบุคคลนั้น
ชื่อนั้นก็คือ “ฉินเทียน”
เรื่องที่ฉินเทียนต่อหน้ารับของกำนัล ฆ่าคนลับหลัง ดูเหมือนว่าจะได้รับการยืนยันแล้ว
สำหรับเรื่องนี้ ฉินเทียนไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวอะไรเลย ราวกับว่าไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำ
เขาสั่งทุกคนอย่าเคร่งครัดว่าให้อยู่แต่ในโรงแรม ไม่ให้ออกไปข้างนอก คอยสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ
โคมไฟค่อยๆ สว่างขึ้น เป็นเวลาย่ำค่ำอีกแล้ว
ฉินเทียนมีลางสังหรณ์ว่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น ตั้งแต่เช้าเขาเลยนั่งเฝ้าดูอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ ดื่มชาไปพลาง นั่งจ้องมอนิเตอร์ไปพลาง
เกือบจะเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับเมื่อวานตอนเย็น
รถบิสซิเนทไม่มีป้ายทะเบียนคันหนึ่ง ค่อยๆ ขับเข้ามาจอดอยู่หน้าประตู
มีคนสามคนลงมาจากในรถ ดูเหมือนจะเป็นแฝดสามคน ที่บริเวณเอวของทุกคนมีมีดรูปทรงพิเศษแขวนอยู่หนึ่งด้าม
ในแววตามีความเย่อหยิ่งและรอยอาฆาตแค้น
ฉินเทียนเห็นว่า เจ้าหกเป็นคนออกไปต้อนรับและพูดคุยเจรจากันอย่างเบาๆ
จากนั้น เขาก็ได้รับรายงานจากเจ้าหกว่า
“พี่เทียน พวกเขาบอกว่า เป็นคนของตระกูลเฉินมาหาพี่ มีเรื่องจะปรึกษา”