บัญชามังกรเดือด บทที่ 546 เปิดเผยคำตอบของปริศนา
ลิเหลียงเผชิญหน้ากับการจ้องมองของฉินเทียนอย่างสงบนิ่ง เอ่ยกับเจี่ยงเถียนเถียนด้วยความจริงใจ “เถียนเถียน เธอยังจำอะไรได้บ้าง? จะต้องพูดออกมาให้หมด”
“มีเพียงแค่นี้ ถึงสามารถตามหาตัวฆาตกรและแก้แค้นให้เธอได้”
เจี่ยงเถียนเถียนครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ส่ายศีรษะและเอ่ย “ไม่มีแล้ว”
“ฉันไปหาฉินเทียน นั่นเป็นความคิดเพียงแค่ชั่วครู่ ตัดสินใจทำเพียงแค่คนเดียว ไม่มีใครรับรู้”
“ค่ำคืนนั้น ถงเหรินบอกกับฉัน พี่ลิเหลียงไม่อยู่ที่บ้าน ฉันคิดว่าพี่น่ะโกรธฉันแล้ว….”
“ดังนั้นฉันเลยตัดสินใจไปหาฉินเทียน บอกกับเขาว่าอย่าแย่งชิงตำแหน่งผู้นำกับพ่อของฉัน”
ลิเหลียงทอดถอนหายใจและกล่าว “เถียนเถียน ทำไมเธอถึงได้เลอะเลือนขนาดนี้!”
“ไม่ต้องพูดแล้ว เสินเฟิงจะต้องรู้ข่าวแล้วอย่างแน่นอน ดังนั้นเลยจัดการวางแผนทั้งหมดนี้”
“ฉันเห็นว่าเขาเป็นคนคุ้นเคยมาโดยตลอด ลานบ้านตระกูลลิ ก็ปล่อยให้เขาเข้าออกตามใจชอบ ดังนั้นการที่เขารู้ว่าเธอมาหาฉัน ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยสักนิด”
“คาดไม่ถึงเลย ท้ายที่สุดแล้วฉันเลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้[1]!”
“น่าโมโหจริงๆ!”
เขาใช้กำปั้นทุบเก้าอี้ด้วยความโกรธ จากนั้นมีเลือดไหลซึมออกจากมือของเขา
เจี่ยงเถียนเถียนรีบเดินเข้าไปอย่างร้อนรน จับมือของเขาไว้ด้วยท่าทีทุกข์ใจและร้องไห้พร้อมกับเอ่ย “ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพี่เลย”
“พี่ลิเหลียง พี่อย่าได้ตำหนิกล่าวโทษตัวเองเลย!”
ลิเหลียงกัดฟันและเอ่ย “เถียนเถียน เธอวางใจได้เลย สุดขอบฟ้าสิ้นมหาสมุทร ฉันก็จะต้องจับตัวไอ้เวรเสินเฟิงนั่นให้ได้และจะล้างแค้นให้เธอ!”
เจี่ยงเถียนเถียนนึกถึงคนเลวทรามคนนั้นที่ทำร้ายตัวเธอ นั่นก็คือเสินเฟิง เธอทั้งอับอายและรู้สึกโมโห
เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องอธิบายสิ่งใดอีก
ลิฉุนเอ่ยอย่างดีใจ “เช่นนั้นฉินเทียน สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่คุณที่กระทำ”
“เหตุใดคุณถึงไม่บอกล่ะ?”
ฉินเทียนยิ้มขมขื่นและเอ่ย “ตอนนั้นทุกคนโกรธจนศีรษะลุกเป็นไฟ ต่อให้ฉันพูดไปก็ไม่มีใครเชื่อหรอก”
“อีกอย่าง ตอนนั้นฉันเองก็ไม่มีพยานเหล่านี้ด้วย”
ลิฉุนเอ่ยอย่างร่าเริง “คุณน่าทึ่งเกินไปแล้ว ไม่ส่งเสียงใดและเงียบมาโดยตลอด ที่แท้ก็แอบรวบรวมหลักฐานอยู่เบื้องหลัง”
“ช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหม คุณตามหาคนเหล่านี้พบได้อย่างไร?”
ขณะที่ฉินเทียนต้องการพูดอะไรบางอย่าง ด้านข้างมีเสียงแผดคำรามดังขึ้น
“คนสกุลฉิน ต่อให้นายล้างมลทินไปก็ไร้ประโยชน์!”
“บัญชีแค้นของจี้ซิงล่ะ จะชำระอย่างไร?” หลิวชิงเหยาทนไม่ได้อีกต่อไป เธอดึงมีดสั้นออกมาและพุ่งไปยังด้านหน้า
ฉินเทียนยิ้มและเอ่ย “สามารถบอกฉันได้หรือไม่ จี้ซิงนั้นเป็นอะไรกับคุณ?”
“แล้วคุณจะแก้แค้นให้เขาในฐานะอะไรงั้นเหรอ?”
หลิวชิงเหยาใบหน้าแดงระเรื่อ ทว่ากัดฟันแน่นและเอ่ยเสียงดัง “ฉันคือภรรยาของเขา เขาเป็นสามีของฉัน!”
“นายฆ่าสามีของฉัน ฉันจะสู้กับนายให้ถึงที่สุด!”
นัยน์ตาของฉินเทียนปรากฏร่องรอยแปลกประหลาด ฉับพลันเขาเอ่ยเสียงดัง “คุณชายจี้ คุณได้ยินหรือไม่?”
“คุณถูกผมทำให้บาดเจ็บ ถึงแม้ว่าต้องทุกข์ทนเล็กน้อย ทว่ากลับแลกมาด้วยภรรยาที่งดงาม”
“ว่าไป คุณก็ต้องขอบคุณผม เชิญผมไปดื่มสุราอวยพรวันไหนดีล่ะ?”
อะไรนะ?
ฉินเทียนเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?
จี้ซิงตายไปตั้งนานแล้ว เขากำลังพูดคุยกับใครกัน?
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
เสียงหัวเราะที่เบิกบานใจดังก้องไปทั่วท้องฟ้า ประตูรถคันสุดท้ายถูกผลักและเปิดออกอีกครั้ง จากด้านใน มีชายคนหนึ่งลงเดินลงมา
เขาสวมชุดสีดำ มีลายเส้นราวกับเสือชีตาห์ ท่ามกลางความสงบนิ่งและความงดงามนั้นราวกับว่ามีพลังออร่าพุ่งกระจายอย่างไรอย่างนั้น
ดวงตาของเขาเป็นเหมือนดวงดาว ดูมีความฮึกเหิมและความกระฉับกระเฉง
ไม่ใช่ใครอื่น เป็นคุณชายน้อยแห่งตระกูลจี้ จี้ซิง
“ยินดีที่ได้พบคุณชายน้อย!” ด้านข้าง เทวดาเจ็ดดาวน้อมคำนับและเอ่ยทักทาย พวกเขายิ้มให้กัน เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขารู้เรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว
สาเหตุที่ต้องปิดบังหลิวชิงเหยา เพราะเกรงว่าเธออาจจะพลาดพลั้ง
“จี้ซิง?”
“เป็นคุณจริงๆใช่ไหม?”
“คุณยังไม่ตายใช่ไหม?”
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” บนเวที พอเห็นจี้ซิง หลิวชิงเหยารู้สึกประหลาดใจและสับสน
บริเวณด้านข้าง หลังจากที่หลินหลงตกตะลึง ในไม่ช้าก็เข้าใจเรื่องทั้งหมด
เธอหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความดีใจ เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เด็กโง่ ยังไม่เข้าใจเหรอ?”
“นี่คือละครที่ร่วมนำแสดงโดยจี้ซิงและฉินเทียน”
“คุณชายจี้ ฉินเทียนไม่สะดวกที่จะเคลื่อนไหว ถ้าหากว่าฉันเดาไม่ผิด พยานบุคคลเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนที่คุณจับมาใช่หรือไม่?”
จี้ซิงรีบเอ่ย “ใช่แล้วครับ คุณน้าหลินหลง”
“วันนั้นฉันได้พบกับฉินเทียน เขาบอกกับฉัน เขาน่ะอยู่ที่โรงแรมตลอดไม่ได้ออกไปไหน มีคนกำลังใส่ร้ายเขา”
“เช่นนั้น ฉันก็เลยสมัครใจยอมถูกเขาต่อยจนลอยขึ้นกลางอากาศ จากนั้นก็แสร้งทำเป็นตาย เหตุผลก็เพื่อสร้างความสับสนและตบตา[2]คนอื่น”
“มีเพียงแค่วิธีนี้ ถึงสามารถสืบสวนอยู่เบื้องหลังอย่างเงียบๆได้”
ขณะที่กล่าว เขาก็ก้าวเท้าขึ้นไปบนเวที
“โชคดีที่ฉินเทียนได้เตือนฉัน ไม่อย่างนั้น อีกฝ่ายน่ะเพื่อยัดเยียดความผิดให้แก่ฉินเทียน แน่นอนว่าไม่มีทางปล่อยให้ฉันมีชีวิตรอดไปจากเมืองจิ่นหู”
“ฉันพูดถูกไหม คุณชายลิเหลียง?”
ลิเหลียงยิ้มและเอ่ย “คาดไม่ถึงเลย เสินเฟิงจะเหี้ยมโหดและอำมหิตเช่นนี้”
“ทว่าสิ่งที่น่าปลื้มปีตินั่นก็คือคุณและฉินเทียนสามารถมองออกแผนการของเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ร่วมมือกันทำลายแผนการนั้น”
“ช่างน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง!”
จี้ซิงพ่นลมหายใจ คิดจะกล่าวบางสิ่ง หลิวชิงเหยาที่อยู่ข้างกายพลันพุ่งตัวเข้ามา
“คุณไอคนสารเลว คุณแกล้งตาย ทำให้ฉันเป็นห่วงแทบตาย!”เธอพุ่งตัวเข้าสู่อ้อมแขนของจี้ซิง ทั้งทุบตีทั้งโวยวาย
จี้ซิงกอดเธอเอาไว้แน่นภายในอ้อมแขนของเขา เขาเอ่ยประโยคหนึ่งข้างใบหูของเธอ ทำให้เธอโอนอ่อนลง
“ที่รัก รอให้เรื่องทุกอย่างจบลง พวกเราจะแต่งงานกัน”
“ผมจะใช้เกี้ยวเจ้าสาวขนาดใหญ่แบกหามคุณเข้าสู่ประตูบ้านตระกูลจี้”
“ใครเป็นที่รักของคุณกัน ฉันไม่ได้อยากแต่งงานกับคุณสักหน่อย…” ใบหน้าและใบหูของหลิวชิงเหยาแดงระเรื่อ เธอถึงกับพูดไม่ออก
คุณชายจี้ยังไม่ตาย ทุกคนในสถานที่ต่างส่งเสียงโห่ร้องแสดงความยินดี
ตอนนี้ ความสงสัยของฉินเทียนได้หายไปแล้วและไม่หลงเหลือเลยแม้แต่น้อย
“ฆ่าเสินเฟิง!”
“ปล่อยเขาไว้ไม่ได้!”
“มีคนคอยบงการเขาอยู่เบื้องหลัง พวกเราจะต้องจับตัวเขาให้ได้และฉีกคนนั้นให้เป็นชิ้นๆ!”
ฝูงชนต่างตื่นตัวและส่งเสียงโห่ร้อง
ลิเหลียงลุกขึ้นยืน เอ่ยด้วยท่าทีใจลอยเล็กน้อย “คุณฉินช่างเหนือชั้นและเฉียบขาด”
“ตอนนี้คุณชายจี้ก็มาแล้ว คนมีความสามารถปรากฏขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย ไม่จำเป็นจะต้องถึงมือตระกูลลิแล้วกระมัง”
“ฉันขอตัวกลับไปวางแผนไล่ล่าสังหารเสินเฟิงเพียงลำพัง”
“ถงเหริน พวกเราไปกันเถอะ”
ขณะเอ่ยก็เตรียมจะจากไป
เจี่ยงเส้าและคนอื่นต่างจ้องมองเขาด้วยท่าทีอึดอัดเล็กน้อย ในความเห็นของพวกเขา ลิเหลียงอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่ได้มีความจำเป็นใดแล้ว
แม้ว่าเรื่องอาชญากรเหล่านั้นล้วนแต่เป็นสิ่งที่กระทำโดยเสินเฟิง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับลิเหลียง แต่ถึงอย่างไร เรื่องเหล่านี้ก็ทำให้เขาต้องเสียหน้า
อีกอย่าง การประชุมนี้เดิมทีเขาก็เป็นตัวละครหลัก
ตอนนี้ตัวละครหลักนั้นคือฉินเทียนและจุยเฟิงอย่างไม่ต้องสงสัย ล้วนแต่เป็นคนที่รักษาเกียรติ ต่อให้เปลี่ยนเป็นใครก็ไม่อาจทนอยู่ต่อไปได้
“คุณชายลิ คุณกลับไปก่อนก็ได้”
“แต่ทว่า ไม่ต้องคิดมาก พวกเราทุกคนต่างรู้จักนิสัยของคุณดี เรื่องของเสินเฟิงไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณ”
“คุณเองก็ตกเป็นเหยื่อเช่นกัน” เพื่อป้องกันไม่ให้ลิเหลียงนั้นคิดไม่ตก เจี่ยงเส้าเองก็เอ่ยคำปลอบประโลมเขา
ลิเหลียงพยักหน้าด้วยท่าทีสบายๆ เดินนำถงเหรินและมาถึงบันไดเพื่อลงจากเวที
ในขณะนี้ มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“คุณชายลิ คุณคือคนที่เดินหมากอยู่เบื้องหลัง สถานการณ์ในตอนนี้กำลังครึกครื้น จะจากไปได้อย่างไรกัน?”
ฉินเทียนลุกขึ้นยืน
บนร่างของเขาแผ่ซ่านไปด้วยเจตนาแห่งการฆ่า ในที่สุดก็ถึงเวลาเปิดเผยปริศนาแล้ว
ลิเหลียงยิ้มและกล่าว “คุณฉิน คุณกำลังพูดอะไร ฉันฟังไม่เข้าใจ”
“งั้นเหรอ?” ฉินเทียนยิ้มเยือกเย็นพลางเอ่ย “งั้นฉันจะเปลี่ยนให้คนอื่นมาพูดเพื่อให้คุณฟังเข้าใจก็แล้วกัน”
“คุณดูสิ เขามาแล้ว”
ลิเหลียงจ้องมองตามสายตาของฉินเทียน เมื่อเห็นคนกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวบริเวณทางเข้าหุบเขา ใบหน้าของเขาสั่นอย่างรุนแรงและสีหน้าพลันเปลี่ยนไปอย่างมาก
เลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้[1] หมายถึง เป็นคำเปรียบคนที่เป็นลูกของคนเลวหรือลูกของศัตรูซึ่งมักจะไว้ใจไม่ได้ จะแว้งกลับมาทำร้ายเอาได้ไม่วันใดก็วันหนึ่ง
ตบตา[2] หมายถึง หลอกหรือลวงให้เข้าใจผิด