บัญชามังกรเดือด บทที่ 533 ลำบากลำบน
เพื่อช่วยลิฉุนปรับความสัมพันธ์กับลิเว่ยจง ระหว่างทาง ฉินเทียนยังตั้งใจซื้อของขวัญสองสามกล่องมาด้วย
ในฐานะลูกสาว กลับมาจากแดนไกลทั้งที ไม่มีของติดไม้ติดมือดูจะคุยไม่ออก
นอกจากสาเหตุนี้แล้ว ฉินเทียนอดยอมรับไม่ได้ว่า การไปพบลิเว่ยจง เขาก็มีความเห็นแก่ตัวอยู่บ้าง
ตอนนี้เขาแน่ใจได้ว่า 7 หัวเมืองใหญ่ใต้หมากกระดานนี้ อีกฝ่ายก็คือตระกูลลิ
ทว่า ส่วนใครจะเป็นคนเดินหมากตัวจริง ตอนนี้เขายังสงสัยอยู่ แต่เขารู้ว่าถ้าไม่ใช่ลิเหลียง ก็ต้องเป็นลิเว่ยจง
หลังจากได้พบลิเหลียงที่สนามบิน เขาก็ยิ่งเชื่อว่า เบื้องหลังคนที่เดินหมากตัวจริงคือลิเว่ยจงที่ถอนไปตัวเงียบ ๆ
ลิเหลียงเป็นแค่โฆษกผิวเผินเท่านั้น
ไม่ว่าจะใช่ลิเว่ยจงหรือไม่ หลังจากได้พบก็น่าจะรู้แล้ว
รถยนต์มาถึงลานตระกูลลิ จอดอยู่ประตูหลัง
อยู่ ๆ ลิฉุนก็ตระหนกใจขึ้นมา มองประตูที่กักบริเวณก็ดึงดันไม่อยากลงจากรถ
ฉินเทียนต้องเกลี้ยกล่อมอยู่นานเธอจึงฝืนตกลง พอลงจากรถก็เดินตามหลังฉินเทียน พอเห็นท่าทางอย่างนั้นก็ไม่เหมือนกลับบ้านตัวเอง
กลับเหมือนสะใภ้ตัวน้อยตามสามีมาพบแม่สามีครั้งแรก
ฉินเทียนอยากจะหัวเราะ แต่ก็อดปวดร้าวขึ้นมาในใจไม่ได้ เขาอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าวันนึงเข้ากลับไปที่ตระกูลฉิน จะเป็นแบบเดียวกันอย่างนี้หรือเปล่า……
“หนิงซวง เคาะประตู” เขาเอ่ยเสียงขรึม
“รับทราบ!” เถียหนิงซวงไม่เกรงใจแม้แต่นิดเดียว เดินตรงดิ่งมาเคาะประตู
ทำลิฉุนตกใจจนไปหลบอยู่ข้างหลังฉินเทียนด้วยสัญชาตญาณ
เสียงดังแอ๊ด ประตูเปิดออก บ่าวรับใช้ชราคนหนึ่งโผล่หน้าออกมาถามด้วยความสงสัยว่า: “คุณหนูท่านนี้มาหาใคร?”
เถียหนิงซวงเอ่ยเสียงขรึมว่า: “มาหาลิเว่ยจง”
“คุณบอกว่าใครนะ?” บ่าวรับใช้ชราตกใจคิดว่าจะพูดอะไรบางอย่าง อยู่ก็เห็นลิฉุนที่อยู่ข้าง ๆ จนเขาตกใจอ้าปากค้าง
“คุณหนูใหญ่?”
“คุณหนูใหญ่คุณกลับมาแล้วเหรอครับ?”
ลิฉุนลังเลสักพักแล้วก็เอ่ยด้วยเสียงคล้อยต่ำว่า: “ลุงหวาง ฉัน……ผ่านทางมาเลยแวะมาดูหน่อย”
“เขา……ยังสบายดีมั๊ย?”
พูดจบ สายตาก็อดมองเข้าไปข้างในไม่ได้
สายตาที่โหยหา การแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไรก็ทลายลงในพริบตา สะท้อนออกมาว่า เวลานี้เธอร้อนใจแค่ไหน
“หวางโป ใครน่ะ?”
เวลานี้เอง ในลานเรือนก็มีเสียงรอดออกมา ฟังแล้วแม้จะขรึมต่ำ แต่ยังถือว่าเปี่ยมด้วยพลังงาน
พอได้ยินเสียงนี้ ลิฉุนก็อดตัวสั่นไม่ได้
เธอรีบเดินเข้าไปข้างในอย่างขาดการควบคุม
ในลานเรือนปลูกดอกไม้ใบหญ้าเต็มไปหมด
เวลานี้พระอาทิตย์กำลังตกดิน ชายอายุ 50 กว่าผมขาวคนหนึ่งนั่งอยู่บนรถเข็น ในมือถือฝักบัวรดน้ำกำลังรดน้ำให้ดอกกล้วยไม้ที่อยู่ตรงหน้า
ทันทีที่เห็นลิฉุน ตัวเขาก็สั่นเทา ฝักบัวรดน้ำในมือก็หล่นลงบนพื้น
“ฉุนเอ๋อร์!” ในเวลาชั่วครู่ เขาไม่อาจอำพรางความประหลาดใจไว้ได้
“พ่อ ขาของพ่อเป็นอะไรไป?” ลิฉุนทิ้งกระเป๋าในมือ โผเข้าไปหา
ตั้งแต่นาทีที่เดินเข้ามา ฉินเทียนก็สำรวจลิเว่ยจงอย่างเงียบ ๆ
แค่ดูจากรูปร่างหน้าตาครั้งแรกที่เห็นก็รู้ว่า คนผู้นี้ไม่ธรรมดาแน่นอน
ผู้ที่มีฐานะสูงส่ง ไม่เคยผ่านมรสุม ไม่อาจมีบุคคลิกอย่างนี้ได้
จากนั้น จากปฏิกิริยาที่ลิเว่ยจงเห็นลิฉุนครั้งแรก เข้ากันไม่ได้ตรงไหน?เห็นชัด ๆ ว่าพ่อลูกผูกพันธ์กัน!
นั่นเป็นความคิดถึงที่ฝังเข้าไปในกระดูก!
แต่พอเห็นลิฉุนโผเข้ามาที่ตัวเอง ลิเว่ยจงเหมือนมีสัญชาตญาณรู้ถึงอะไรบางอย่าง สีหน้าเปลี่ยนอย่างฉับพลัน
“พ่อ ลิเหลียงบอกฉันว่า พ่อไม่เป็นอะไรมาก แค่อ่อนแอนิดหน่อย……”
“ว่าแต่ ทำไมพ่อถึงนั่งรถเข็น?”
ลิฉุนนั่งย่อลงตรงหน้าลิเว่ยจง บนใบหน้าที่ไร้ที่ติ เต็มไปด้วยความตระหนกและปวดร้าว
เธอยื่นมือไปอยากเปิดผ้าที่ขาของลิเว่ยจงออกเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“อย่ามาแตะต้องฉัน!”
นึกไม่ถึงว่าเวลานี้เอง อยู่ ๆ ลิเว่ยจงก็เปลี่ยนสีหน้าในฉับพลัน
เขาผลักลิฉุนออก เนื่องจากใช้แรงมาก ทำให้ลิฉุนก้นจ้ำเบ้ากับพื้น
“พ่อ——” มองดูพ่อที่ระเบิดความโกรธ ลิฉุนก็ชะงักงัน
“เธอตายอยู่ข้างนอกแล้วไม่ใช่เหรอ?ยังกลับมาทำไม!”
“เธอไปซะ!”
“ฉันไม่มีลูกสาวอย่างเธอ!”
“รีบไสหัวไป!”
อารมณ์ของลิเว่ยจงพลุกพล่าน พูดพลางขยับรถเข็นเข้าไปในเรือน
ลิฉุนนั่งลงกับพื้น ปฏิกิริยาที่สะท้อนออกมาคือทั้งอายทั้งโกรธ พังทลายสุดขีด
เธอร้องไห้ไปส่งเสียงตะโกนไปว่า: “หนูรู้ว่าพ่อดูถูกหนู!”
“พ่อเน้นลูกชายดูถูกลูกสาว หนูเข้าใจ!”
“แต่ต้องเหยียบย่ำฉันอย่างนี้ด้วยเหรอ?”
“ทำไมฉันทำอะไรก็ผิด?”
“ฉันเกลียดพ่อ!”
“ฉันเกลียดพ่อ!”
ได้ยินเสียงร้องไห้ฟูมฟายใจแทบขาดเป็นเสี่ยง ๆ ของลูกสาว ลิเว่ยจงไม่เพียงไม่หยุด แต่ยิ่งจากไปให้เร็วกว่านี้
พอหันรถเข็นก็หายไปจากห้อง
“คุณหนู อย่า รอให้นายท่นสงบก่อนค่อยมาใหม่เถอะ” ด้านข้าง หวางโปคนใช้ชายชรา เอ่ยอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ดวงตาทั้งคู่ของลิฉุนแดงก่ำ นาทีนี้เอง ความเสียใจท่วมท้นกว่าจิตใจที่ด้านชา
“บ้านหลังนี้ ฉันจะไม่เข้ามาเหยียบอีกต่อไป!”
เธอร้องไห้แล้ววิ่งออกไป
ฉินเทียนรีบเอ่ยว่า: “หนิงซวง รีบตามไป”
เขานึกไม่ถึงว่าพ่อลูกเจอกันจะมีฉากเช่นนี้
จากการสนทนาของพวกเขา หรือความขัดแย้งระหว่างพวกเขาเป็นเพียงเพราะลิเว่ยจงเน้นลูกชายดูถูกลูกสาว?
ลิฉุนเป็นผู้หญิงที่เป็นตัวของตัวเอง เป็นสาวแกร่งที่ถูกพ่อคอยโจมตีทอดทิ้ง จึงเดินทางไปยุโรปไม่กลับมาหลายปี
อธิบายอย่างนี้ เหมือนว่าสมเหตุสมผล
แต่ฉินเทียนก็ยังรู้สึกว่า ข้างในยังมีปัญหา
เขาลังเลสักพักแล้วก็สาวเท้าเข้าไปในห้อง
“พ่อหนุ่ม คุณคิดจะทำอะไร?” เสียงคล้อยต่ำดังขึ้น
ลุงหวางลอยมาอย่างไร้เสียง ขวางอยู่ข้างหน้าฉินเทียน ดวงตาคู่นั้นมองเขาอย่างเย็นชา
ฉินเทียนแสยะยิ้มเอ่ยว่า: “ผมดูออกแต่แรกแล้วว่าคุณเป็นยอดฝีมือ”
“ตอนนี้ผมสงสัยว่า คุณดูแลเจ้าบ้านลิอยู่หรือว่าจับตาดูเขาอยู่กันแน่”
ลุงหวางแสยะยิ้มเอ่ยว่า: “นี่เป็นเรื่องของตระกูลลิ คุณเป็นแค่คนนอกคิดจะเข้ามาสอดเหรอ?”
“อยากตายเหรอไง?”
ฉินเทียนแสยะยิ้มเอ่ยว่า: “พวกคุณตระกูลลิ ก็อยากให้ผมตายไม่ใช่เหรอ ?”
“โจมตีผมจนไม่ให้ผุดไม่ให้เกิด จากนั้นก็เหยียบผมขึ้นตำแหน่ง”
“คุณว่าอะไร?”
“คุณคือ——” ลุงหวางตกใจมาก
“ฉินเทียน!
ฉินเทียนถอนใจเสร็จ ก็ลงมือซัดลุงหวางกระเด็นออกไปด้วยฝ่ามือเดียว แล้วก็สาวเท้าก้าวใหญ่เดินเข้าไปในห้อง
เขาลงมืออย่างยั้งมือ ไม่ทำลุงหวางถึงแก่ชีวิต แต่ทำให้เขาสลบไปไปได้สักระยะ
เวลาคับขัน พอเขามาถึงห้องก็พบลิเว่ยจงนั่งอยู่ริมหน้าต่าง สีหน้ากลับสู่ความสงบ
ดูแล้วเหมือนสิงห์ร้ายที่เฝ้าดูสถานการณ์ทั้งหมด
เขามองฉินเทียนอย่างเย็นชา
ฉินเทียนก็มองเขาอย่างเย็นชาด้วยเช่นกัน
สองคนจ้องมองกันอยู่สิบวินาที
“ผมชื่อฉินเทียน”
“ผมเชื่อว่า คุณไม่แปลกใจกับชื่อของผม” ฉินเทียนเอ่ยปากอย่างสงบ ๆ
สีหน้าลิเว่ยจงเฉยเมย: “นายกับลูกสาวฉันเป็นอะไรกัน?”
“ทำไมถึงอยู่กับเธอ?”
แม้เขาจะทำเป็นสงบนิ่ง แต่ฉินเทียนเห็นความกังวลจากส่วนลึกในดวงตาของเขา
นาทีนี้เอง ในที่สุดฉินเทียนก็ชัดเจนในเรื่องราวทั้งหมดและกล้าคาดเดา
“คุณจงใจเย็นชาใส่ลูกสาวของคุณ บีบให้เธอมีบ้านแต่กลับไม่ได้ ซึ่งที่จริงเพราะต้องการจะปกป้องเธอ”
“เพราะคุณ และตระกูลหลี่ทั้งตระกูลได้ตกอยู่ในมือของคนอื่นแล้ว”
“คนคนนั้นก็คือ ลิเหลียง”
“ตราบใดที่ลิฉุนอยู่ในบ้านก็จะมีอันตราย”
“ผมพูดถูกมั๊ย?”