บทที่ 66 มู่หรงยานเอ๋อร์(2)
ฝีมือของเหมยถิงไม่เลว แต่เพราะความคิดที่มีมาก่อนหน้านี้แล้ว เฉินโม่เลยกินน้อยมาก แม้ว่าอานโส่วอี่และเหมยถิงเรียกให้เฉินโม่กินผักกินข้าวอยู่ตลอด แต่เฉินโม่ก็ยิ้มปฏิเสธไป
นอกจากอานโส่วอี่ เหมยถิงและอานเข่อเยว่แล้วก็เฉินโม่ ต่างก็มีเรื่องในใจให้คิด ข้าวมื้อนี้กินไปอย่างไม่อร่อยสักเท่าไหร่
กินข้าวเสร็จ เดิมทีเฉินโม่คิดว่าจะกลับไปทันที แต่ว่าอานโส่วอี่กลับคุยกับเขาถึงเรื่องของเฉินจิงเย่ขึ้นมา จังหวะนั้นเฉินโม่เกรงใจที่จะบอกลา
เหมยถิงจัดเก็บเสร็จเรียบร้อย ก็รีบเดินออกมา นั่งอยู่ตรงหน้าเฉินโม่ มองไปที่เฉินโม่ด้วยรอยยิ้ม พูดว่า: “เสี่ยวโม่ วันนี้ตอนกลางวันคุยกันผ่านทางมือถือ พูดไม่ชัดเจน ตอนนี้ต่อหน้าน้าาและคุณอาของหนู หนูบอกน้าได้ไหมว่าทำไมหนูถึงออกไปเช่าบ้านอยู่คนเดียว?”
ได้ยินเช่นนี้ อานโส่วอี่ตกใจ: “เสี่ยวโม่ย้ายออกไปแล้วเหรอ?”
เหมยถิงเหลือบตาขาวไปให้เขาหนึ่งที พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดี: “คุณทั้งวันก็อยู่แต่ข้างนอก มีตอนไหนบ้างที่สนใจเรื่องในบ้าน!”
อานโส่วอี่รู้สึกงุ่มง่าม หัวเราะเฮๆออกมา รู้ว่าตัวเองเถียงไม่ไหว กะพริบตาไปทางเฉินโม่ ไม่กล้าออกเสียง
เฉินโม่รู้แต่แรกแล้วว่าเหมยถิงจะต้องไล่ถามเขาเรื่องที่เช่าบ้านอยู่ แต่ว่า เขาขี้เกียจที่จะอธิบายให้กับเหมยถิงจริงๆ: “คุณน้า เรื่องนี้ผมตัดสินใจแล้ว พวกเราก็ไม่ต้องทักเรื่องนี้อีกเลย”
ถูกเฉินโม่พูดตัดขาดหัวเรื่องนี้ เหมยถิงก็รู้สึกงุ่มง่าม
อานเข่อเยว่ที่อยู่ด้านข้างก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที จ้องไปที่เฉินโม่ ในใจก็โมโหเล็กน้อย แม่ของฉันทำแบบนี้ก็เพื่อนาย นายทำไมใช้น้ำเสียงแบบนี้มาคุยกับแม่ฉัน?
มองเห็นท่าทีที่มองแรงของอานเข่อเยว่ เฉินโม่สีหน้าเฉยชา ไม่ได้สนใจเธอเลย
อานเข่อเยว่ก็ยิ่งโกรธเข้าไปอีก ออกเสียงฮึอย่างเย็นชาออกมาหนึ่งเสียง โกรธจนหันหน้าไปอีกด้าน
เหมยถิงกวาดสายตามองไปที่หน้าของเฉินโม่และอานเข่อเยว่ทั้งสองคน ในใจก็เข้าใจทันที: “เห็นทีคงเป็นเพราะเสี่ยวโม่กับเยว่เยว่ทะเลาะกัน ก็ว่าเขาถึงได้ย้ายออก! แม่หนูดื้อคนนี้ ทำไมถึงไม่เข้าใจสิ่งที่แม่พยายามอยู่นะ?”
เห็นบรรยากาศค่อนข้างอึดอัด อานโส่วอี่หัวเราะแล้วพูด: “ฉันคิดว่าพวกเราก็ควรเคารพการตัดสินใจของเสี่ยวโม่ เขาก็ไม่น้อยแล้ว ควรที่จะเรียนรู้การอยู่คนเดียว ตอนที่ฉันอายุเท่าเขา ก็ไปฝ่าฟันทำงานทางตอนใต้แล้ว”
เหมยถิงที่กำลังโมโห ได้ยินแบบนี้ก็หันไปมองแรงให้กับอานโส่วอี่หนึ่งที: “หยุดพูดไปสักสองสามคำไม่มีใครว่าคุณเป็นใบ้หรอกนะ!”
อานโส่วอี่ก็หน้าแดงทันที ต่อหน้าคนรุ่นหลัง รู้สึกทำหน้าไม่ถูก: “ใช่แล้ว ฉันยังมีเอกสารต้องจัดการ พวกเธอคุยกันต่อ ฉันขอตัวกลับห้องก่อน”
หลังจากที่อานโส่วอี่กลับห้อง เหมยถิงก็ยิ้มแล้วพูดแนะนำเฉินโม่ต่อ: “เสี่ยวโม่ น้าคิดว่าเรื่องเช่าบ้านนี่ หนูลองคิดใหม่ดูไหม? อยู่ข้างนอกคนเดียว จะปลอดภัยเท่าที่บ้านได้ยังไง?”
เฉินโม่เริ่มรู้สึกรำคาญ เหมยถิงคิดอะไรอยู่ในใจ เขารู้ดีที่สุด มองเห็นหน้าตาที่เสแสร้งของเธอ เฉินโม่พูดตัดเธอทันที: “ผมบอกไปแล้ว เรื่องนี้ผมได้ตัดสินใจไปแล้ว!”
อานเข่อเยว่พูดด้วยความโมโห: “เฉินโม่ ระวังท่าทีของนายด้วย! นายกำลังคุยกับผู้ใหญ่อยู่!”
เหมยถิงก็ถูกท่าทีของเฉินโม่ทำให้ตกใจไปหนึ่งที แต่ว่าเธอไม่เข้าใจว่าทำไมท่าทีของเฉินโม่ถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ สุดท้าย เธอสรุปได้ว่า เป็นเพราะความขัดแย้งกับอานเข่อเยว่หนักเกินไป ถึงทำให้เฉินโม่ก็โกรธแค้นเธอเข้าไปด้วย
เหมยถิงแอบคิด: “แบบนี้ต่อไปไม่ได้ ต้องหาวิธีปรับความสัมพันธ์ระหว่างเสี่ยวโม่กับเยว่เยว่ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปละก็ ระหว่างเด็กสองคนนี้มีแต่จะห่างไกลกันไปเรื่อยๆ”
เวลานั้นเอง เสียงกริ่งประตูของตระกูลอานก็ดังขึ้น
อานเข่อเยว่สีหน้าผ่อนคลายลง พูดว่า: “คงจะเป็นยานเอ๋อร์มาหาหนูแล้ว วันนี้เป็นวันเกิดของเพื่อนคนหนึ่งของหนู พวกเรานัดกันแล้วว่าจะไปเข้าร่วมงานฉลองวันเกิดของเธอ!”
บทที่ 65 มู่หรงยานเอ๋อร์(1)
บทที่ 67 กระต่าย(1)