เวลา 20.00 ณ ทะเลสาบกลับคืนรัง
สำนักภูตผีนำเหล่าผู้ทรงอิทธิพลทั้ง 7 เมืองทางฝั่งเหนือที่ยอมจำนนมา กองกำลังบุกประชิดพรมแดน ผู้คนราวๆ ร้อยคนมายังทะเลสาบกลับคืนรังครืดคราดโครมคราม ปักหลักข้างลาน
ลูกศิษย์ทั้งห้าของกู่เชียนซาเปิดทาง จัดวางรูปแบบเตรียมพร้อมสู้รบ กู่เชียนซานั่งบนเก้าอี้ไท่ซือไม้จันทน์แดง ทรงพลังอย่างไม่อาจจะเทียบได้
อีกทางด้านหนึ่ง เฉินซงจื่อนำผู้มีอิทธิพล10เมืองทางฝั่งใต้ จัดวางรูปแบบเตรียมพร้อมสู้รบ จำนวนคน500กว่าคน มากกว่าสำนักภูติผีมาก
แต่ว่า ฉู่เหวินสง เจี่ยจิ้งอานและพวกผู้มีอิทธิพลกลับว่าหน้านิ่วคิ้วขมวด ถ้าหากไม่ใช่เพราะรู้ว่าเฉินโม่กลับมาแล้ว ให้พวกเขามารับศึกก่อน คนพวกนี้ไม่ว่ายังไงก็ไม่กล้ามา
หวงซื่อหรงลูกศิษย์คนที่สองของพรรคภูตผี ขี้ก้าง มีปานสีเขียวครึ่งหน้า มองดูแล้วน่าขนลุกทำให้คนตกใจกลัวมาก
แต่ว่า พละกำลังของคนๆนี้ถึงขั้นแดนกลืนขวัญชั้นสูงสุด เท่ากับนักบู๊แดนในชั้นสูงสุด บวกกับวิชาบัญชาผี เทียบได้กับปรมาจารย์บู๊ใกล้แดนแปรภาพ
เฉินซงจื่อแพ้ในเงื้อมมือของเขา
“เฉินไต้ซือล่ะ?มาแล้วหรือยัง?”น้ำเสียงของหวงซื่อหรงแหลมคม ฟังแล้วแสบแก้วหูมาก
ฉู่เหวินสง เจี่ยจิ้งอานและพวกผู้มีอิทธิพล ทั้งหมดมองไปยังเฉินซงจื่อที่นำทีมมา
ไม่ใช่บอกว่าเฉินโม่กลับมาแล้วเหรอ?
คนเขาล่ะ?
ทำไมถึงไม่เห็น?
จริงๆแล้วคนเหล่านี้มีความกังวลในใจที่ไม่ได้พูดออกมา แม้ว่าเฉินโม่กลับมา จะเป็นคู่ต่อสู้ของสำนักภูติผีเหรอ?
อย่างที่รู้ในสำนักภูตผี มีนักบู๊ถึง 6 ท่าน หนึ่งในนั้นยังเป็นอาจารย์ของอีก5คนด้วย
เฉินซงจื่อแข็งแกร่งขนาดนี้ แม้แต่ลูกศิษย์ของอีกฝ่ายก็สู้ไม่ได้ ถึงแม้ว่าเฉินโม่กลับมา จะเป็นคู่ต่อสู้ของคนเขาเหรอ?
ในใจของฉู่เหวินสงและพวกผู้มีอิทธิพลไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด ถึงขั้นได้เตรียมพร้อมศิโรราบต่อสำนักภูตผี
มีเพียงเฉินซงจื่อ ที่เชื่อมั่นในตัวเฉินโม่100% อย่าว่าแต่พรรคภูตผีเลย แม้ว่าเฉินโม่ต้านทานโลกฝึกบู๊แห่งหัวเซี่ยเพียงผู้เดียว เฉินซงจื่อก็มั่นใจในตัวเฉินโม่มาก
“อาจารย์ของฉันกลับมาแล้ว กำลังมา พวกแกปล่อยตัวหญิงสาวธรรมดาสองท่านนี้ก่อน เรื่องระหว่างนักฝึกวิชาบู๊อย่างเรา อย่าทำให้ผู้บริสุทธิ์เดือดร้อนไปด้วย!”เฉินซงจื่อพูดด้วยสีหน้าหม่นหมอง
หวงซื่อหรงหัวเราะเหอะๆ : “วางใจเถอะ พวกเธอสองคนถูกฉันซ่อนตัวไว้ในที่ที่ปลอดภัยแล้ว ขอเพียงแค่ฆ่าเฉินไต้ซือ ฉันจะปล่อยพวกเธอสองคนออกมาโดยปริยาย”
เฉินซงจื่อรู้อีกฝ่ายไม่มีทางปล่อยคนไปง่ายๆแน่นอน ถ้าหากต้านทานไว้ไม่ได้ มีความเป็นไปได้สูงที่อีกฝ่ายจะใช้เอียนชิงเฉิงและซังซังทำเป็นชิปต่อรองในการข่มขู่เฉินโม่
เมื่อเฉินโม่แพ้สงคราม เขาและเอียนชิงเฉิงแล้วก็คนที่ใกล้ชิดกับเฉินโม่ เกรงว่าจะต้องตาย
เฉินซงจื่อไม่พูดอะไร รอคอยการมาถึงของเฉินโม่อย่างเงียบๆ
กู่เชียนซาและพวกก็รอคอยอย่างเงียบๆ เกือบหนึ่งพันคนที่อยู่ในลานทะเลสาบกลับคืนรัง รอคอยการมาถึงของชายวัยรุ่นผู้นั้น
หลังจากผ่านไป5นาที ยังไม่เห็นเงาร่างของเฉินโม่
หวงซื่อหรงหัวเราะอย่างเยือกเย็น : “ฉันว่าเฉินไต้ซือไอ้กากเดนคนนี้กลัวแล้วหรือเปล่า?ไม่กล้ามาแล้ว?”
ฉู่เหวินสงและพวกไม่สบายใจ ได้ยินมาว่าเฉินโม่กลับมาตั้งแต่เช้าแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่ปรากฏตัวเลย ได้ยินว่าอีกฝ่ายทรงพลัง จึงเกิดความกลัวหรือเปล่า?
เฉินซงจื่อพูดเสียงเหอะอย่างเยือกเย็น : “พูดจามั่วซั่ว อาจารย์ของฉันเป็นบุคคลระดับไหน?จะกลัวพวกสารเลวที่ต่ำต้อยชอบสร้างปัญหาอย่างจองหองอย่างพวกแกงั้นเหรอ ?บางทีเขาอาจจะมีธุระด่วนทำให้ล่าช้าแล้ว!”
ด้านหลังของหวงซื่อหรง กู่เชียนซาที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้ลืมตาขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า : “รออีก5นาที ถ้าหากเฉินไต้ซือยังไม่มา ก็ฆ่านักพรตเฒ่านั่นก่อน”
ลานที่มีผู้คนกว่าร้อยคนเกิดความเงียบสงัดอย่างแปลกประหลาด แม้ว่าเสียงพูดของกู่เชียนซาไม่ดังมาก แต่ทุกคนกลับว่าได้ยินอย่างชัดเจน
ฉู่เหวินสงและพวกร้อนใจ 5นาที เฉินไต้ซือจะมาถึงได้ไหม?
เฉินซงจื่อก็อดไม่ได้สีหน้าเคร่งขรึมแล้ว เมื่อเช้าเขารับสายจากเฉินโม่ รู้ว่าเฉินโม่กลับมาถึงอู่โจวแล้ว ทำไมตอนนี้ยังมาไม่ถึง?
เพียงพริบตาเดียว 5นาทีผ่านไป
กู่เชียนซาน้ำเสียงเยือกเย็น : “พอแล้ว ถึงเวลาแล้ว ไปฆ่านักพรตเฒ่านั่น”
หวงซื่อหรงหัวเราะเหอะๆ เดินออกมา มองดูเฉินซงจื่ออย่างดูถูก : “ศัตรูที่พ่ายแพ้แก่ฉัน ออกมายอมรับความตาย!”