ศรเดียว!
สังหารเจ็ดคน บาดเจ็บหนักสิบหกคน ที่เหลืออีกหกคนบาดเจ็บเล็กน้อย ภาพอันนองเลือดระดับนี้ทำเอาทั้งที่นั้นตื่นตะลึง สีหน้าเปลี่ยนกันถ้วนทั่ว
กระบวนค่ายกลสลายไปแล้ว เดิมทีความสูญเสียก็หนักหน่วงพอแล้ว ไม่คิดว่าศรนี้ของหลินสวินจะฟาดใส่กลางศีรษะพวกเขาอีกที!
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือพลังทำลายล้างที่ศรนี้สำแดงออกมา ทำให้พวกเซวี่ยชิงอีขนลุกซู่ แทบไม่กล้าเชื่อ
นี่เป็นคันธนูกับศรระดับใด ถึงได้ครอบครองพลังสังหารเย้ยฟ้าเช่นนี้
วู้ม!
และในบรรยากาศที่เงียบเชียบเช่นนี้ หลินสวินยกคันธนูขึ้นอีกครั้ง วางศรนิรันดร์ที่มีประกายแสงสีฟ้าเข้มบนคันธนูสีแดงสดแล้วง้างออก
เสียงฟ้าร้องที่คุ้นเคยดังก้องขึ้นในที่นั้นอีกครั้ง
“ลงมือ!”
เซวี่ยชิงอีตะโกน
อริยะแท้ห้าร้อยกว่าคนที่รวมตัวและแปรเปลี่ยนเป็น ‘ค่ายกลศึกสวรรค์ดำเนิน’ โจมตีพร้อมกันอย่างไม่ลังเลสักนิด
ตูม!
ก็เห็นปราณกระบี่ยิ่งใหญ่ปรากฏกลางอากาศ ฟันผ่าลงมากะทันหัน คมกระบี่ชี้ไปที่หลินสวิน
ดวงตาดำของหลินสวินหดรัดลงทันที รู้สึกถึงแรงกดดันที่ปะทะเข้ามา แม้แต่ผิวหนังยังเจ็บแปลบ ในใจก็อดตะลึงไม่ได้ เป็นค่ายกลศึกที่แข็งแกร่งจริงๆ!
ทว่าแม้ในใจจะคิดเช่นนี้เขาก็ไม่หยุดการกระทำสักนิด ศรนิรันดร์ที่สั่งสมพลังเต็มเปี่ยมแล้วเปลี่ยนเป้าหมายโดยพลัน พุ่งปราดออกไปปะทะปราณกระบี่ยิ่งใหญ่ที่ผ่าฟันลงมา
ตูม!
เสียงกึกก้องปานฟ้าถล่มดินทลายดังขึ้น ศรนิรันดร์ลากเพลิงสีฟ้าเข้มที่ลุกโชนเข้าปะทะกับปราณกระบี่ยิ่งใหญ่กลางอากาศ เกิดระลอกคลื่นแผ่กระจาย ทำเอาห้วงอากาศ ผิวทะเล และพื้นดินบริเวณนั้นพังทลายล่มจม
เสียงปังดังขึ้นคราหนึ่ง สุดท้ายปราณกระบี่ไพศาลนั่นทรุดทลาย แต่ในเวลาเดียวกันศรนิรันดร์ก็ถูกขวางสะเทือนถอย
เงาร่างของหลินสวินสั่นไหว เลือดลมพลิกตลบ
“เจ้าหมอนี่ถึงกับต้านการโจมตีของค่ายกลศึกสวรรค์ดำเนินไว้ได้หรือ”
เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้น
นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจเกินไปจริงๆ ควรรู้ว่าการโจมตีที่รวมไว้ในค่ายกลศึกนี้ แม้แต่มหาอริยะยังไม่กล้าประชัน แต่หลินสวินกลับต้านไว้ได้!
หลินสวินแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นเยียบ “แม้อานุภาพของค่ายกลศึกจะแข็งแกร่ง แต่แตะเพียงเล็กน้อยก็จะส่งผลต่อภาพรวม ไม่ควรค่าให้กังวล”
ตอนที่พูดเขาสะบัดแขนเสื้อเก็บธนูวิญญาณไร้แก่นสาร กระบี่ยอดสังหารปรากฏออกมาอีกครั้ง จากนั้นเงาร่างเขาพริบไหว พุ่งทะยานโจมตีออกไป
เขาเห็นแล้วว่าภายในครึ่งเค่อ เหนือบริเวณผืนทะเลที่อยู่ห่างไป ทางเข้าของแดนลับสนามแม่เหล็กจะปรากฏโดยสมบูรณ์แล้ว
ซึ่งก็หมายความว่า ตอนนี้ห่างจากเวลาหนึ่งก้านธูปเพียงครึ่งเค่อแล้ว!
หลินสวินตัดสินใจทะลวงเข้าไปเต็มกำลังแล้ว
“ฆ่า!”
เห็นภาพนี้ฮว่าหงเซียวที่เย็นชาเย่อหยิ่งพุ่งเข้าไปเป็นคนแรก ไอสังหารเดือดพล่านที่ข่มไว้ในส่วนลึกของหัวใจมานานปะทุอย่างสิ้นเชิง
ฉัวะ!
ในฝ่ามือเขา ดาบศึกแคบยาวและเจิดจ้าดั่งหิมะนั่นโฉบพุ่ง ฟ้าดินราวกับกระดาษ ถูกฉีกกระชากออกในคราเดียว ปราณดาบดุร้ายไร้ที่เปรียบนั่น เพียงพอให้ฟ้าดินตะลึงเทพผีร่ำไห้
ร่างของหลินสวินพริบไหว กระบี่ยอดสังหารแทงในแนวเฉียงก่อกวนหยินหยาง ปะทะปราณดาบของอีกฝ่ายดังปัง ราวกับสุริยันจันทราพุ่งชน เกิดเสียงระเบิดสะเทือนหู
ร่างของฮว่าหงเซียวชะงักไป นัยน์ตาหดรัดลง พอประมือกับหลินสวินจริงๆ เขาถึงได้รู้ว่าพลังต่อสู้ของศัตรูคนนี้น่ากลัวเพียงใด
“ฟัน!”
สือพั่วไห่โจมตีมาแล้ว เขากำทวนวงเดือนสีเงินที่ลุกโชนอย่างที่สุด ทั้งร่างอาบอยู่ในประกายดวงดาวสีเงินยวง ราวกับเทพสงครามดารา
ทวนวงเดือนฟันออกไป พลังกฎเกณฑ์อริยมรรคที่น่ากลัวพลังราวกับธารดาราท่วมทับ ปูแผ่เต็มฟ้าดิน น่ากลัวถึงขีดสุด
ชิ้ง!
ดาบหักโฉบออกจากร่างหลินสวิน เข้าประชันกับทวนวงเดือน พริบตาเดียวก็ปะทะกันหลายสิบครั้งแล้ว เพลิงศักดิ์สิทธิ์ระเบิด เสียงสะเทือนเก้าชั้นฟ้า
ส่วนหลินสวินใช้กระบี่ยอดสังหารต่อสู้อย่างดุเดือดกับฮว่าหงเซียวที่โจมตีมาอีกครั้ง
หลินสวินในตอนนั้นกร้าวแกร่งและผงาดผยองถึงขีดสุด ตัวคนเดียวต่อสู้กับบุคคลระดับผู้นำของสองดินแดน ทั้งไม่เสียเปรียบสักนิด
ภาพนี้ทำเอาทั้งที่นั้นตะลึงอีกครั้ง ราวกับเห็นเทพ!
ในสมรภูมิเก้าดินแดนนี้ บุคคลแห่งยุคระดับแปดยอดนภาครามก็คือตัวแทนของพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ละคนนำค่ายทัพดินแดนหนึ่ง ชื่อเสียงกึกก้อง อานุภาพปานฟ้า
แต่ตอนนี้หลินสวินคนเดียวกลับต้านการเข่นฆ่าของบุคคลระดับผู้นำสองคนได้!
ยามผู้แข็งแกร่งแปดดินแดนที่หลบอยู่ในกระบวนค่ายกลเห็นภาพนี้ ลูกตาแทบหลุดออกมา แต่ละคนตะลึงร้องจนเสียงหลง
ตูมโครมโครม!
ทั้งสามต่อสู้กันอย่างดุเดือด สู้จากท้องฟ้าลงมายังพื้นดิน ราวกับมังกรปะทะเสือ สุริยันประชันแสง ความรุนแรงของพลังที่สำแดงออกมา ทำเอามกุฎอริยะที่อยู่ห่างไปไม่สามารถแทรกแซงได้
ห่างออกไปดวงตาคู่งามของจ้าวจิ่งเซวียนเปล่งประกาย จ้องเงาร่างที่กล้าหาญสะท้านโลก ในใจอนุมานเงียบๆ
‘ขอเพียงโจมตีพวกเซวี่ยชิงอีสามคนสำเร็จ ทำลายค่ายกลศึกนั่น คนอื่นก็ไม่ต้องกังวลแล้ว การต่อสู้นี้ก็เท่ากับตัดสินแพ้ชนะได้แล้ว’
‘เพียงแต่ทางเข้าของแดนลับสนามแม่เหล็กกำลังจะมาเยือนแล้ว เวลากระชั้นชิดไม่น้อย…’
ตอนที่กำลังใคร่ครวญอยู่ก็เห็นเซวี่ยชิงอีที่อยู่ห่างไปส่งเสียงคำรามยาวออกมากะทันหัน เงาร่างก้าวย่างกลางอากาศพุ่งเข้าสนามรบ!
ดวงตาของจ้าวจิ่งเซวียนจ้องเขม็งทันที
“หลินสวิน ใกล้ถึงเวลาแล้ว เจ้ายังไม่ยอมแพ้อีกหรือ”
ท่ามกลางเสียงตะคอก เซวี่ยชิงอีสะบัดแขนเสื้อ กระถางใหญ่ที่ประหนึ่งหลอมจากหินหยกสีเลือดปรากฏกลางอากาศ กำราบลงมา
นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นสมบัติอริยะที่แปลกประหลาดอย่างที่สุดชิ้นหนึ่ง ตัวกระถางประทับสัญลักษณ์เทพมารมากมาย กลิ่นอายที่แผ่ออกมาดุร้ายอย่างที่สุด
พร้อมกับการโจมตีที่ร่วงลู่ลงมานี้ ราวกับเทพมารนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา โจมตีเข้าใส่หลินสวินพร้อมกัน
“ยังเหลืออีกครึ่งเค่อ รีบร้อนอะไร รีบไปเกิดใหม่หรือ”
หลินสวินสีหน้าเย็นเยียบ โคจรวิชาทั้งหมดรอบตัว ปลดปล่อยนัยน์เร้นลับแห่งไตรมรรครวมเป็นหนึ่งออกมาอย่างไม่กักเก็บสักนิด
ตูม!
ชั่วขณะนี้กลิ่นอายรอบตัวเขายกระดับขึ้น พลังปราณ พลังกาย และจิตวิญญาณหลอมรวมเป็นเตาเดียว เปล่งแสงสว่างไสวไปทั่วทั้งตัว
พร้อมๆ กับการแกว่งแขนของเขา พลังที่ไพศาลพลุ่งพล่านนั่นแผ่ออกมา ทำเอาฟ้าดินแถบนี้ล้วนสั่นไหว คล้ายต้านพลังยิ่งใหญ่นี้ไม่ไหว!
ปัง!
กระบี่ยอดสังหารแหงนเงยหน้าครวญใส ฟันแม่น้ำนรกสีโลหิตสายหนึ่งออกมา ซัดใส่ฮว่าหงเซียวจนเซถอยไปหลายก้าว สีหน้าเปลี่ยนไป “สมควรตาย เจ้าหมอนี่ถึงกับฝึกมรรคาสามสายจนบรรลุระดับมกุฎอริยะทั้งหมด! มิน่าเขาถึงกล้ากำเริบเสิบสานเช่นนี้!”
“อะไรนะ”
ในใจสือพั่วไห่สะท้านไหว
ต่อมาเขาก็ต้องตกตะลึงเช่นกัน เลือดลมในร่างปั่นป่วน เกือบจะถูกดาบหักตัดหูเสียแล้ว
ตูมโครม!
เวลาเดียวกันหลินสวินก้าวไปข้างหน้า หุบเหวใหญ่ปรากฏขึ้นรอบตัว โคจรโดยพลัน ก็เห็นเงามายาเทพมารทั้งหมดถูกกลืนกินกลบมิด
เซวี่ยชิงอีไม่ทันตั้งตัว กระถางสมบัติหยกเลือดเกือบหลุดมือ
พริบตาเดียวอานุภาพการล้อมโจมตีก็ถูกสลาย!
พอมองหลินสวินอีกครั้ง สีหน้าของพวกเซวี่ยชิงอีล้วนเปลี่ยนไปแล้ว เคร่งขรึมอย่างยากจะได้เห็น ทั้งยังมีความยากจะเชื่อ
มกุฎมรรคาสามสายล้วนฝึกถึงระดับอริยะ!
บุคคลที่แข็งแกร่งระดับนี้ ต่อให้เป็นในแปดดินแดนยังแทบจะหาไม่เจอ มีเพียงในตำนานโบราณเท่านั้นที่เคยปรากฏ
ไม่คิดว่าวันนี้พวกเขากลับได้เจอตำนานที่มีชีวิต!
“ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องฆ่าเขาให้ได้ ไม่เช่นนั้นการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งนี้ มีความเป็นไปได้สูงมากที่ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณจะพลิกสถานการณ์ได้เพราะเจ้าหมอนี่!”
สีหน้าของเซวี่ยชิงอีครัดเคร่ง กัดฟันเอ่ยออกมา
“ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว”
สีหน้าของสือพั่วไห่เองก็เปี่ยมไปด้วยไอสังหาร เขารู้สึกถึงภัยคุมคามอันหนักหน่วงอย่างที่สุดแล้วจากตัวหลินสวิน
“ฆ่า!”
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป แต่ต่างจากก่อนหน้านี้ บุคคลระดับผู้นำทั้งสามอย่างพวกเซวี่ยชิงอีต่างไอสังหารพวยพุ่ง ไม่มีเก็บงำ
ความยิ่งใหญ่ของภัยคุมคามที่หลินสวินนำมา ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกหวาดหวั่น จะออมมืออีกได้อย่างไร
“สู้ตัวต่อตัวพวกเจ้าไม่ไหว ล้อมโจมตีหรือ พวกเจ้าก็ไม่ไหวเช่นกัน”
หลินสวินก้าวเท้าพุ่งไปข้างหน้า ผมดำพลิ้วไหว กระบี่ยอดสังหารและดาบหักสอดรับสะท้อนซึ่งกันแล้วกัน โจมตีพาดขวาง แข็งกร้าวอย่างที่สุด
พวกเซวี่ยชิงอีแค่นเสียงเย็น โจมตีเต็มกำลังโดยไม่พูดสักคำ
ตูม โครม โครม!
ชั่วขณะเดียวในสนามรบมีเสียงกึกก้องไม่ขาดสาย สะท้านฟ้าสะเทือนดิน
การต่อสู้ระดับนี้อย่าว่าแต่ในสมรภูมิเก้าดินแดนเลย ทอดสายตามองไปในเก้าดินแดน ยังเรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้แห่งยุคในระดับอริยะ สามารถสะเทือนทั้งอดีตและปัจจุบัน!
เหล่าผู้แข็งแกร่งที่อยู่ห่างไปต่างตาค้างอึ้งงั้น ถูกฝีมือของหลินสวินทำให้สะท้านขวัญ คิดจนหัวแตกก็คิดไม่ออกว่าบนโลกนี้มีตัวประหลาดที่เย้ยฟ้าขนาดนี้ได้อย่างไร
ที่เหลือเชื่อที่สุดคือบุคคลระดับนี้ไม่ได้ถือกำเนิดในแปดดินแดน แต่กลับปรากฏตัวในดินแดนที่ยากไร้ผุพังอย่างดินแดนรกร้างโบราณ
“ตาย!”
ทันใดนั้นกระบี่ยอดสังหารถูกซัดสะเทือน ฮว่าหงเซียวคว้าโอกาสมาถึงตรงหน้าหลินสวินโดยพลัน ดาบศึกแคบยาวที่เจิดจ้าราวกับหิมะในฝ่ามือฟันผ่าออกไป
ดาบนี้นามว่า ‘นรกสังหาร’ สืบทอดมายาวนาน ใครก็ตามที่ถูกดาบนี้ฟาดฟัน จิตวิญญาณจะถูกกำราบเข้าไปในคมดาบ ได้รับความทรมานปานตกนรกชั่วชีวิต โหดเหี้ยมและดุร้ายอย่างที่สุด
แต่ก้เป็นในตอนนี้ที่ฮว่าหงเซียวรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ
ในดวงตาดำของหลินสวินเย็นชาลุ่มลึก ไม่เพียงไม่ลนลาน กลับเหมือนรอการมาเยือนของเขาอยู่ตลอดเวลาอย่างไรอย่างนั้น…
จากนั้นฮว่าหงเซียวก็เห็นขวดหยกมันแพะขนาดไม่กี่ชุ่นใบหนึ่งปรากฏในฝ่ามือหลินสวิน
“นี่มัน…”
ฮว่าหงเซียวแข็งทื่อไปทั้งตัวทันที สัมผัสได้ถึงภัยคุมคามที่อันตรายถึงชีวิตตามสัญชาตญาณ
แต่เขาหนีไม่ทันแล้ว ทำได้เพียงฝืนต้านเต็มกำลัง
ฉัวะ!
ในขวดมหามรรคไร้ขอบเขต ปราณกระบี่สายหนึ่งโฉบพุ่งออกไป สำแดงนัยเร้นลับแห่ง ‘ไปไร้หวน’ เฉียบคมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ไร้ซึ่งพันธการใดๆ
ตูม!
ภายใต้การปะทะปานสะเทือนฟ้าดิน ฮว่าหงเซียวถูกโจมตีจนกระเด็นออกไปโดยตรง แม้เขาจะต้านเต็มที่แล้วก็ยังไม่มีประโยชน์
ร่างเขาแหลกเละไม่เหลือสภาพ เนื้อเลือดปะปน สองแขนมีกระดูกขาวโผล่ออกมา โดยเฉพาะตรงหน้าอก คันฉ่องปกป้องหัวใจที่เดิมปกคลุมอยู่ตรงนั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ ไปหมด เผยให้เห็นหลุมเลือดหลุมหนึ่ง
หากไม่ใช่เพราะเขาหลบทัน การโจมตีนี้ก็สามารถพรากชีวิตเขาได้แล้ว!
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไวเกินไป ทำให้ตอนที่เซวี่ยชิงอีและสือพั่วไห่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่างก็แข็งทื่อไปทั้งตัว สูดหายใจหนาวเหน็บ หน้าถอดสีทันที
การโจมตีเดียวก็ทำให้ฮว่าหงเซียวบาดเจ็บหนักแล้วหรือ!?
หากพวกเขารู้ว่า ตอนนั้นเจี้ยนชิงเฉินเองก็บาดเจ็บสาหัสจนสิ้นชีพจากการโจมตีนี้ ก็คงไม่ประหลาดใจเช่นนี้แล้ว
ตูม!
และฉวยโอกาสนี้ หลินสวินออกลงมือแล้ว ในร่างที่สง่างามพลันปรากฏปราณกระบี่ไท่เสวียนปกคลุมฟ้าดิน แผ่กว้างไพศาล ดุจดั่งมหาสมุทรปราณกระบี่ปรากฏออกมา
ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นก็ปกคลุมมาทางสือพั่วไห่
กระบี่แสนแปดพัน!
ส่วนดาบหักของหลินสวินก็สำแดงพลังมรดก ‘ปฐม’ ‘ยอด’ ‘สังหาร’ ทั้งสามออกมา รวมกับพลังที่ไตรมรรครวมเป็นหนึ่งของหลินสวิน ฟันกระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้ออกมา
เป้าหมายคือเซวี่ยชิงอี
หลินสวินในตอนนี้ไม่มีออมมือใดๆ ปลดปล่อยถึงขีดสุด ระเบิดพลังของตนออกมาในที่นั้น
“สมควรตาย! เจ้าหมอนี่เก็บซ่อนพลังไว้ลึกล้ำมาก!”
สือพั่วไห่หน้าเปลี่ยนสีครั้งใหญ่ ต่อต้านอย่างเต็มกำลัง
อีกฝั่งเซวี่ยชิงอีเองก็นัยน์ตาหดรัด ลงมืออย่างเต็มกำลังโดยไม่อาจสนใจสิ่งอื่น เร่งเร้าพลังของตนจนถึงขีดสุด
“การต่อสู้ตัดสินแพ้ชนะกันในตอนนี้!”
จ้าวจิ่งเซวียนที่อยู่ห่างไปมองออกตั้งแต่แวบแรกแล้วว่า สถานการณ์มาถึงช่วงสำคัญแล้ว
——