ร่างของเหรินเทียนหยู่ลอยสูงขึ้นเรื่อย ๆ และอยู่เหนือศีรษะของทุกคน ราวกับเทพเจ้ามาบังเกิด ทุกคนทำได้เพียงเงยหน้าขึ้นมองเท่านั้น!
เหรินเทียนหยู่มองเฉินโม่ด้วยสีหน้าเหยียดหยาม น้ำเสียงของเขาแหลมเหมือนสายฟ้าจนรู้สึกแสบแก้วหู “เจ้าหนู ฉันยอมรับว่าแกแข็งแกร่งมาก แต่แกแข็งแกร่งกว่าปรมาจารย์เหรอ?”
ทุกคนไม่มีเวลามาสนใจเรื่องเมื่อสักครู่ที่เฉินโม่ใช้ตะเกียบโจมตีจนทำให้อีกฝ่ายถอยหลังไป พวกเขามองฉากแห่งการล้มล้างวิทยาศาสตร์ของมนุษย์ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดผวา
เหล่าคนดังของมณฑลเจียงหนานตกใจจนทรุดลงบนพื้น “เขาบินขึ้นไปจริง ๆ เขายังเป็นมนุษย์อีกหรือไม่?”
สีหน้าของอานเข่อเยว่และคนอื่น ๆ เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน ซึ่งได้ล้มล้างการรับรู้ของพวกเขาอย่างสมบูรณ์
เดิมทีสายตาของลุงสุ่ยเต็มไปด้วยความคาดหวัง ตอนนี้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกลดน้อยลง ไม่ว่าหลี่โม่จะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะแข็งแกร่งกว่าปรมาจารย์ เพราะว่าเขานั้นอายุน้อยมาก
“ถ้ารออีกสักสามสี่ปี บางทีเขาอาจจะกลายเป็นปรมาจารย์ก็ได้ เฮ้อ น่าเสียดาย!”
เมื่อได้ยินคำพูดของลุงสุ่ยแล้ว สีหน้าของมู่หรงเค่อเคร่งขรึม และอดไม่ได้ที่จะคาดหวังว่าเฉินโม่จะไม่ปรากฏตัว เพราะเขาไม่เพียงไม่สามารถช่วยพวกเขาได้เท่านั้น แต่เกรงว่าคนที่มีพรสวรรค์อย่างเฉินโม่จะเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่อีกด้วย
แม้แต่มู่หรงยานเอ๋อร์ที่เชื่อมั่นในตัวเฉินโม่มาตลอด ตอนนี้เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล “เฉินโม่จะสามารถเอาชนะเขาได้ไหม?”
เมื่อเผชิญหน้ากับเหรินเทียนหยู่ที่ดุร้าย สีหน้าของเฉินโม่ยังคงราบเรียบ และมีร่องรอยความเหยียดหยาม “ถึงแม้ว่าแกแข็งแกร่งจนสามารถปล่อยพลังในออกมาได้ แต่ยังห่างกับปรมาจารย์อีกมาก แกโกหกคนอื่นได้ แต่แกไม่สามารถโกหกฉันได้หรอก”
ดวงตาของเหรินเทียนหยู่แสดงความตกใจ แต่ถูกซ่อนอย่างรวดเร็ว เขามองเฉินโม่และกล่าวเยาะเย้ยว่า “ถึงแม้ว่าฉันแค่ใกล้ปรมาจาย์ มันก็มากเกินพอที่จะฆ่าแก!”
“ฉันจะให้แกได้เห็นเคล็ดวิชาบู๊แข็งแกร่งที่สุดของฉัน ตรามือมารเลือด!”
ลุงสุ่ยอุทานออกมาทันที “เป็นปรมาจารย์ที่วางอำนาจบาตรใหญ่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตรามือมารเลือดเป็นท่าไม้ตายของเซี่ยงชงผู้มีชื่อว่าวอกเทพแปดแขน
แล้วทำไมเหรินเทียนหยู่ถึงได้รู้เคล็ดวิชานี้ได้?”
“หรือว่าอาจารย์ของเหรินเทียนหยู่ก็คือเขา!”
“ถ้าเป็นเคล็ดวิชาบู๊ของเซี่ยงชงจริง ๆ ถ้าเช่นนั้นเฉินโม่มีปัญหาแล้ว”
มู๋หรงเค่อที่อยู่ด้านข้างถามด้วยความสงสัยว่า “ลุงสุ่ย เซี่ยงชงที่คุณพูดถึงเป็นผู้ก่อตั้งแก๊งมังกรฟ้าซึ่งเป็นองค์กรชาวหัวเซี่ยที่สั่นสะเทือนไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใช่ไหม?”
ลุงสุ่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เป็นเขา!”
มู่หรงเค่อตกใจเล็กน้อยและถอนหายใจ “แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ก็สามารถฝึกลูกศิษย์อย่างเหรินเทียนหยู่ที่มีฝีมือเก่งขนาดนี้ได้ ถ้าเช่นนั้นเซี่ยงชงน่าจะเก่งมากใช่ไหม?”
ดวงตาของลุงสุ่ยมีร่องรอยความทรงจำ ความเลื่อมใสปรากฏขึ้นบนใบหน้า น้ำเสียงเลื่อนลอยเล็กน้อย “ผมไม่รู้ว่าเซี่ยงชงแข็งแกร่งแค่ไหน ผมรู้แค่ว่าเซี่ยงชงนำพาแก๊งมังกรฟ้าเข้ามายังหัวเซี่ย และกวาดล้างมณฑลต่าง ๆ ตามแนวชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของหัวเซี่ย เอาชนะปรมาจารย์ห้าคนอย่างต่อเนื่อง สั่นสะท้านไปทั่วหัวเซี่ย และปราบจนโลกฝึกบู๊ของหัวเซี่ยอับอาย จนสุดท้ายหยางติ่งเทียนแห่งยานจิงออกมา ถึงจะสามารถเอาชนะเขาได้ และบังคับให้เขาสาบานว่าจะไม่เข้าหัวเซี่ยตลอดชีวิต”
มู่หรงเค่อตกตะลึง “หยางติ่งเทียนที่เป็นเทพสงครามแห่งยานจิงใช่ไหม?”
“ถูกต้อง!” ลุงสุ่ยพยักหน้า
มู่หรงเค่อมองเฉินโม่ด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม “ถ้าเช่นนั้นเฉินโม่มีปัญหาจริง ๆ แล้ว!”
เหรินเทียนหยู่พุ่งขึ้นไปกลางอากาศ ร่างของเขาพุ่งสูงขึ้นสามฟุต แสงสีแดงที่ประกายอยู่ทั่วร่างกันไปรวมตัวกันเป็นรูปฝ่ามือขนาดใหญ่อยู่เหนือศีรษะ รัศมีที่ทรงพลังปกคลุมไปทั่วทันที
ถึงแม้ว่าฝ่ามือนั้นจะรวมตัวจากชี่แท้ แต่มันเกือบจะเป็นรูปร่าง ราวกับภูเขาเล็ก ๆ ที่ลอยอยู่กลางอากาศ ถ้าถูกมันกระแทก เกรงว่าร่างกายจะแหลกเหลวทันที
สีหน้าของเหรินเทียนหยู่เต็มไปด้วยความดุร้าย ชี้ไปที่เฉินโม่และตะโกนเสียงดังว่า “ฆ่า!”
ฝ่ามือสีแดงเลือดขนาดใหญ่ เหมือนกับท้องฟ้าถล่มลงมาพร้อมแรงกดดันมหาศาล กระแทกไปที่เฉินโม่