แดนนิรมิตเทพ บทที่ 492
ดวงตาของเฉินโม่เลื่อนลอย มองทะเลสาบกลับคืนรังที่มีหมอกในระยะไกล สีหน้าเย็นชา หากใครต้องการแตะต้องสิ่งของของเฉินโม่ พวกเขาจะต้องสูญเสียอย่างหนัก ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นใครก็ตาม
วันรุ่งขึ้น เฉินโม่ให้เฉินซงจื่อส่งบัตรเชิญให้ผู้ทรงอิทธิพลทั้งหมดของมณฑลฮ่านหยางแทนเขา บัตรเชิญไม่ได้เขียนอะไร เพียงแค่บอกว่าอีกสามวัน ให้พวกเขาไปร่วมงานเลี้ยงที่โรงแรมว่านเซี่ยงในอู่โจว
เมื่อเฉินไต้ซือเป็นคนเชิญ แล้วผู้ทรงอิทธิพลทั้งหมดในมณฑลฮ่านหยางจะกล้าไม่เชื่อฟังได้อย่างไร วันรุ่งขึ้น พวกเขารีบไปที่อู่โจวทันที
สามวันต่อมา ณ โรงแรมว่านเซี่ยงในอู่โจว
มีรถหรูหราจำนวนมากจอดอยู่หน้าประตู ซึ่งคราวนี้ยิ่งใหญ่อลังการกว่าการประชุมสูงสุดฮ่านหยางเสียอีก ผู้ทรงอิทธิพลจากทั่วฮ่านหยางเดินทางมาพร้อมกับผู้ติดตาม ฟางหยู่ฉิงประธานของโรงแรมว่านเซี่ยงสวมชุดทำงานดำ ยืนอยู่ที่ประตูและต้อนรับแขกด้วยตนเอง
ฟางปู้ถงเศรษฐีแห่งชิ่งหยางได้ข่าวแล้ว คราวนี้เฉินไต้ซือเป็นคนส่งบัตรเชิญเอง คนที่มาล้วนเป็นผู้ทรงอิทธิพลจากทั่วมณฑลฮ่านหยาง ซึ่งสถานะของพวกเขานั้นไม่มีใครด้อยกว่าฟางปู้ถง ดังนั้นฟางปู้ถงจึงไม่กล้าเมินเฉยแม้แต่น้อย
ชื่อของเฉินไต้ซือดังก้องไปทั่วฮ่านหยางนแล้ว กระทั่งผู้คนลือจนกลายเป็นเรื่องลึกลับ คนมากมายเคยได้ยินแค่ชื่อ แต่ยังไม่เคยเจอหน้าตา คนที่เคยเห็นหน้าเฉินไต้ซืออย่างแท้จริงนั้นมีไม่มาก
ดังนั้น บุคคลที่มีชื่อเสียงเล็กน้อยในมณฑลฮ่านหยางทั้งหมด พวกเขารู้สึกภูมิใจที่จะได้เห็นหน้าเฉินไต้ซือด้วยตาตนเอง
ได้ยินมาว่าคราวนี้เฉินไต้ซือเป็นคนส่งบัตรเชิญเอง บางคนที่ได้รับข่าวแต่ไม่ยังเคยพบเฉินไต้ซือ พยายามหาวิธีให้คนใช้เส้นสายเพื่อที่จะสามารถมาร่วมงานเลี้ยงที่โรงแรมว่านเซี่ยงได้
เฉินโม่พาเฉินซงจื่อ เอียนชิงเฉิงและซังซังไปนั่งเงียบ ๆ ที่โต๊ะตรงมุมห้อง และดื่มชาอย่างสบาย ๆ มองเหล่าผู้ทรงอิทธิพลและเหล่าคนดังที่ทยอยเดินทางมาถึง และพูดชื่นชมและสนทนากัน บรรยากาศค่อนข้างคึกคัก
อย่างไรก็ตาม โต๊ะของพวกเขาเงียบผิดปกติ เหมือนแยกตัวออกจากโลกภายนอก
หยางเชี่ยนเชี่ยน อานเข่อเยว่ เจิ้งหยวนฮ่าวและคนอื่น ๆ เดินเข้ามา หลังจากพวกเขาเข้ามาแล้ว พวกเขามองไปรอบ ๆ ราวกับว่าพวกเขากำลังมองหาใครบางคน
หยางเชี่ยนเชี่ยนกวาดสายตาไปรอบ ๆ แต่ไม่ได้สังเกตเห็นเฉินโม่และคนอื่น ๆ เธอกล่าวด้วยความสงสัย “ฉันได้ยินมาว่าวันนี้เฉินไต้ซือจะมาด้วย ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่?”
จางเสี่ยนที่อยู่ข้างหลังเธอ พยักหน้าและกล่าวว่า “น่าจะเป็นเรื่องจริง ผมได้ยินข่าวนี้มาจากพ่อ และพ่อบอกว่าได้ยินข่าวนี้มาจากฉู่เหวินสง ผู้ทรงอิทธิพลแห่งอู่โจว ไม่ผิดอย่างแน่นอน”
เจิ้งหยวนฮ่าวพยักหน้าเช่นกัน “ถูกต้อง ผมได้ยินมาเหมือนกัน ว่ากันว่าคราวนี้เฉินไต้ซือเป็นคนส่งบัตรเชิญเอง ดังนั้นเขาจะต้องมาอย่างแน่นอน”
แววตาของหยางเชี่ยนเชี่ยนประกายความคาดหวัง “ทุกคนพูดจนเฉินไต้ซือน่าทึ่งมาก ฉันอยากเห็นว่าหน้าตาของเฉินไต้ซือจะเป็นอย่างไร จริงสิ พวกเธอคิดว่าเฉินไต้ซือก็คือเฉินโม่หรือเปล่า?”
มีความหม่นหมองประกายอยู่ในดวงตาของอานเข่อเยว่ เธอหัวเราะและดุว่า “เชี่ยนเชี่ยน วัน ๆ สมองของเธอคิดอะไรอยู่? ชื่อเสียงของเฉินไต้ซือสั่นสะท้านไปทั่วฮ่านหยาง อย่างน้อยเขาต้องเป็นคนแก่ที่อายุห้าสิบปีขึ้นไป เฉินโม่เพิ่งจะอายุเท่าไหร่ เขาจะเป็นเฉินไต้ซือได้อย่างไร!”
หยางเชี่ยนเชี่ยนยิ้มด้วยความเก้อเขิน “ฉันแค่คาดเดาไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น ทำไมถึงมีปฏิกิริยาตอบสนองมากขนาดนั้น!”
อานเข่อเยว่รู้สึกสั่นไหวและขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ขอเพียงเธอได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเฉินโม่ ดูเหมือนเธอจะอ่อนไหวผิดปกติ
เรื่องนี้แม้แต่ตัวเธอยังไม่ยังรู้ตัว
คนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาขณะที่พูดคุยกัน
หลังจากหลายคนเดินเข้าไปแล้ว ชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาทันที พวกเขาแต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหรา และมีความเย่อหยิ่งในดวงตา มองแวบแรกก็รู้ว่าพวกเขามาจากตระกูลเศรษฐี