แดนนิรมิตเทพ บทที่ 632
สายตาของทุกคนจับจ้องเฉินโม่ทันที
อานเข่อเยว่และเพื่อนร่วมชั้นที่รู้จักสถานะของเฉินโม่แล้ว ไม่ได้แสดงความรู้สึกใด ๆ
แต่นักเรียนที่ไม่รู้ว่าเฉินโม่คือเฉินไต้ซือ แล้วจู่ ๆ ก็รู้ว่าเฉินไต้ซือที่ชื่อเสียงเลื่องลือที่เป็นเหมือนเทพ อยู่ข้างกายพวกเขา แถมยังเป็นเพื่อนร่วมชั้นของพวกเขาอีก แล้วยังขึ้นชื่อว่าเป็นคนไร้ประโยชน์ ซึ่งมันทำให้กลุ่มนักเรียนตกใจจนอ้าปากค้าง แล้วไม่ได้ปิดเวลานาน
“ที่แท้เฉินโม่ก็คือเฉินไต้ซือ!” หวางลี่ ครูประจำชั้น หัวหน้าฝ่ายวิชาการ และกลุ่มครูที่อยู่ด้านหลัง พวกเขาต่างมองเฉินโม่ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเคารพและความเกรงกลัว
“เป็นเรื่องที่ไม่คาดฝันจริง ๆ เฉินไต้ซือที่ชื่อเสียงสั่นสะท้านไปทั่วฮ่านหยาง เป็นเพียงนักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่งเท่านั้น! ถ้าไม่เห็นผู้ทรงอิทธิพลจำนวนมากมายโค้งคำนับต่อหน้าเขาเมื่อสักครู่ ถึงตีให้ตายผมก็ไม่เชื่อว่าเขาเป็นเฉินไต้ซือ!”
การที่สถานะของเฉินโม่ถูกเปิดเผย อันที่จริงมันอยู่ในการคาดการณ์ของเขานานแล้ว ตอนที่เขาใช้สถานะเฉินไต้ซือเรียกงานเลี้ยงไวน์เพื่อน้ำชีวิต เขาก็ไม่คิดที่จะปกปิดสถานะของเฉินไต้ซือแล้ว
เพราะตอนนั้นอานเข่อเยว่กับคนไม่น้อยก็รู้ว่าเฉินโม่คือเฉินไต้ซือ เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เฉินโม่คิดไท่ถึงก็คือคนที่รู้สถานะที่แท้จริงของเขา จนถึงตอนนี้แล้วพวกเขายังไม่เปิดเผยสถานะของเขาออกมา
ถ้าไม่ใช่เพราะผู้ชายที่เร่อร่าคนนั้นตะโกนออกมา เกรงว่าขณะนี้คนส่วนใหญ่ยังคงเดาว่าเฉินโม่เป็นใคร!
เฉินโม่เพิกเฉยต่อการแสดงออกของทุกคน เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น แล้วเลื่อนสายตาไปมองเจิ้งซิ่วลี่ที่สีหน้าหมองหม่น
“เธอแพ้แล้ว!” เสียงของเฉินโม่ราบเรียบ แต่มีพลังที่ทำให้คนอื่นรู้สึกใจหวาดผวา สีหน้าของเจิ้งซิ่วลี่เปลี่ยนเป็นขาวซีดทันที เธอมองเฉินโม่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น แต่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ
“ปฏิบัติตามเดิมพันเถอะ!” ถึงแม้ว่าเจิ้งซิ่วลี่จะไม่พูดอะไร แต่เฉินโม่ก็จะไม่ปล่อยเธอไป เพราะเธอเป็นคนหาเรื่องใส่ตัวเอง หนียังไงก็หนีไม่พ้น
สายตาที่พวกนักเรียนมองเจิ้งซิ่วลี่เต็มไปด้วยความเศร้า แต่เจิ้งซิ่วลี่เป็นฝ่ายเสนอเดิมพันเอง ดังนั้นตอนนี้จึงไม่มีใครสงสารเธอ
กระทั่งบางคนยังรู้สึกว่าเจิ้งซิ่วลี่เป็นคนหาเรื่องใส่ตัวเอง ก็ต้องรับด้วยตนเอง
เจิ้งซิ่วลี่ยังคงนิ่งเงียบ กัดฟันจนได้ยินเสียง และดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกเจ็บปวดมาก
“อย่าบังคับให้ผมลงมือเอง” เฉินโม่กล่าวย้ำอีกครั้ง
สีหน้าของจางเฉียงที่อยู่ด้านข้างเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม ดวงตาของเขาขยับไปมา ราวกับว่าเขาพยายามหาวิธีช่วยเจิ้งซิ่วลี่ให้ผ่านภัยพิบัติครั้งนี้
จางเฉียงลุกขึ้นยืนทันทีและตะโกนบอกผู้อำนวยการ “ผู้อำนวยการ คุณครูหวาง พวกคุณเห็นแล้วใช่ไหม เฉินโม่รังแกเพื่อนนักเรียนอีกแล้ว พวกคุณจะไม่สนใจเหรอ?”
ผู้อำนวยการรู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที จ้องจางเฉียงด้วยสายตาดุดัน เขาจำได้ว่าก่อนสอบเอ็นทรานซ์เจ้าหมอนี้มาหาเขา แล้วพูดบิดเบือนข้อเท็จจริง จนถึงตอนนี้แล้วยังไม่รู้จักสำนึกผิดอีก!
แต่หลังจากคิดว่าตอนนี้จางเฉียงเรียนจบแล้ว ผู้อำนวยการก็ส่ายศีรษะด้วยความจำใจ และเพิกเฉยจางเฉียงทันที
เมื่อก่อนตอนที่หลินทาวยุยงต่อหน้าเขา เขาเกือบจะปรักปรำเฉินโม่แล้ว เฉินโม่ไม่เพียงไม่ถือสา แต่ยังช่วยเขาคลี่คลายการคุกคามของหลินเจิ้งหัวอีกด้วย
เขาจดจำไว้ในใจเสมอ และรู้สึกซาบซึ้งเฉินโม่ และตอนนี้เขาไม่ตกหลุมพรางของจางเฉียงอย่างแน่นอน
ผู้อำนวยการไม่พูดอะไร แต่หวางลี่ซึ่งเป็นครูประจำชั้นที่ไม่รู้เรื่องราวภายใน ทนดูไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
“เฉินโม่ ถึงแม้ว่านายจะเป็นเฉินไต้ซือ แต่นายไม่สามารถอาศัยอำนาจรังแกคนอื่นได้ ครูหวังว่านายจะไม่ทำให้เจิ้งซิ่วลี่ลำบากใจ” หวางลี่รวบรวมความกล้า และกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
เฉินโม่ยังคงชื่นชมครูประจำชั้นหวางลี่ ไม่ว่าจะเป็นชาติก่อนหรือชาตินี้ เพราะหวางลี่เป็นครูที่มีคุณธรรมอย่างแท้จริง
ชาติก่อนหวางลี่พุ่งเป้ามาที่เฉินโม่เสมอมา จนทำให้เฉินโม่รู้สึกเกลียดแค้นเธอตลอดช่วงมัธยมปลาย แต่หลังจากเฉินโม่เข้าสู่สังคมแล้ว เขาถึงได้เข้าใจความทุ่มเทของหวางลี่ และรู้สึกซาบซึ้งหวางลี่มาก