แดนนิรมิตเทพ บทที่ 705
“พลังบำเพ็ญที่ไม่มีใครสามารถเทียบได้ ตอนอยู่ที่มวยใต้ดินนั้นฉันดูหมิ่นคุณมากขนาดนั้น แต่คุณกลับเฉยเมย คุณตั้งใจต้องการให้ฉันอับอายขายหน้าจากคำพูดของตนเองเองที่อาคารสี่ฝ่ายใช่ไหม”
“เฉินไต้ซือ คุณเจ้าแผนการมาก!”
เมื่อเสิ่นหยูปิงนึกถึงเรื่องที่ตนเองดูหมิ่นเฉินโม่ที่มวยใต้ดินแล้ว เสิ่นหยูปิงรู้สึกว่าหน้าของตนเองร้อนระอุ และแทบอยากจะหารอยแยกแล้วมุดเข้าไป
“ช่างน่าขำสิ้นดี ฉันยังบอกว่าคุณเป็นคนบ้านนอกที่มาจากอำเภอเล็ก ๆ ต่อหน้าผู้ทรงอิทธิพลทั้งสี่ฝ่าย แล้วยังบอกว่าคุณเป็นหมาวัดที่อยากจะเด็ดดอกฟ้า เป็นยากจกที่อยากจะอาศัยพลังอำนาจของตระกูลมู่หรง ตอนนั้นคุณหัวเราะเยาะฉันอยู่ในใจใช่ไหม?!”
รอยยิ้มขมขื่นที่มุมปากของเสิ่นหยูปิงลึกยิ่งขึ้น
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครสนใจเธอ แต่คนเย่อหยิ่งอย่างเธอไม่สามารถยอมรับความล้มเหลวเช่นนี้ได้ เธอรู้สึกว่าทุกคนที่อยู่รอบตัวเธอกำลังหัวเราะเยาะเธอ หัวเราะเยาะว่าเธอมีตาแต่หามีแววไม่ หัวเราะเยาะความโง่เขลาของเธอ หัวเราะเยาะที่เธอคิดว่าตนเองเป็นฝ่ายถูกเสมอ
เมื่อนึกถึงตอนที่เธอดูหมิ่นเฉินโม่ และมู่หรงยานเอ๋อร์ปกป้องเฉินโม่หลายครั้ง โดยไม่ลังเลที่จะแตกหักกับเธอ ที่แท้คนของตระกูลมู่หรงรู้สถานะที่แท้จริงของเฉินโม่แล้ว
ตอนนั้นคนของตระกูลมู่หรงคงหัวเราะเยาะเธออยู่ในใจ
รอยยิ้มขมขื่นบนใบหน้าของเสิ่นหยูปิงค่อย ๆ กลายเป็นรอยยิ้มอึดอัด ความเย่อหยิ่งและสุขุมของเธอ ถูกเฉินโม่ทำลายไปหมดสิ้นแล้ว ทำให้คุณหนูที่สวยและฉลาดหลักแหลม ได้เปิดเผยด้านที่เปราะบางที่สุดของตนเองออกมา
ชั่วพริบตาเดียว หน้าของเสิ่นหยูปิงเต็มไปด้วยน้ำตา เสียใจกับสิ่งที่ตนเองทำก่อนหน้านั้น!
เมื่อมองท่าทางของลูกสาวแล้ว เสิ่นฉีเซิ่งกระเดาะปาก แต่ไม่สามารถพูดคำปลอบโยนออกมาได้แม้แต่คำเดียว เมื่อนึกถึงคำพูดที่เขาดูหมิ่นตอนที่พบเฉินโม่ครั้งแรก เสิ่นฉีเซิ่งเองก็ยังรู้สึกขวัญหนีดีฝ่อ
ถึงแม้ว่าเขาจะมอบไห่ซีทั้งหมดให้เฉินโม่แล้ว แต่เขาก็ยังกังวลว่าเฉินโม่และคนอื่น ๆ จะหาเรื่องเขา ตอนนี้เขายังเอาตัวไม่รอด และไม่มีเวลาสนใจลูกสาวของตนเอง
เฉินโม่เดินลงมาจากเวทีช้า ๆ ท่ามกลางสายตาของทุกคน แล้วเดินไปอยู่ตรงหน้าฉีเยว่หยู
ตอนนี้ฉีหมิงซานทรุดตัวอยู่บนพื้นแล้ว สั่นไปทั้งตัวและกลัวว่าเฉินโม่จะสังเกตเห็นเขา
แม้แต่ฉีฉางเฟิงที่เคยผ่านเรื่องใหญ่มามากมาย ตอนนี้เขาก็ยังตกใจ และไม่กล้าสบตาเฉินโม่โดยตรง
ตอนนี่เฉินโม่ยืนอยู่ตรงหน้าสมาชิกของตระกูลฉีทั้งสามคน และระหว่างทางที่เขาเดินมา ทุกคนต่างหลีกทางให้เฉินโม่
ฉีเยว่หยูมองเฉินโม่เหมือนราชาที่ทุกคนเคารพ ด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เธอยึดตัวตรงทันที
เฉินโม่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เสี่ยวหยู ขอบคุณมาก ต่อไปถ้ามีเรื่องอะไร อย่าลืมโทรมาหาผม!”
ฉีฉางเฟิงรู้สึกดีใจและประหลาดใจ มองลูกสาวตนเองด้วยความตื่นเต้น
ทุกคนรู้ว่าคำพูดของเฉินโม่หมายถึงอะไร หมายความว่าต่อไปคนใหญ่คนโตคนนี้จะดูแลตระกูลฉี
ฉีเยว่หยูไม่ได้คิดมาก แต่เธอรู้สึกปลื้มใจมาก โชคดีที่เธอยังคงรักษาความจริงใจที่มีต่อเฉินโม่ตั้งแต่แรกไว้เสมอ มิเช่นนั้นเกรงว่าชาตินี้เธอคงจะพลาดที่จะเป็นมิตรกับคนใหญ่คนโตที่เหมือนเทพเจ้าคนนี้แล้ว!
“ค่ะ!” ฉีเยว่หยูพยักหน้าอย่างมีความสุข เธอเข้าใจความหมายของเฉินโม่ เขากำลังเตือนทุกคนว่าต่อไปตระกูลฉีอยู่ภายใต้การดูแลของเฉินไต้ซือแล้ว
เหล่าเศรษฐีและคนที่มีชื่อเสียงที่อยู่รอบ ๆ และรู้จักฉีฉางเฟิง มองฉีฉางเฟิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉา
เกรงว่าต่อจากนี้ไป ตระกูลฉีจะเจริญรุ่งเรืองจริง ๆ แล้ว
มู่หรงเค่อเข้าใจเหตุการณ์ปัจจุบัน ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นยืนทันที กล่าวกับฉีเยว่หยูด้วยรอยยิ้มว่า “คุณหนูฉี ยินดีด้วย!”