“ยืนเซ่ออยู่ทำไม รีบตามพวกเขาไป!” หลิ่วอี้เฟยดุบอดี้การ์ด แล้วเดินเข้าไปหลังเวทีอย่างรวดเร็ว
หยางบี้ถิงพาเฉินโม่และคนอื่น ๆ เดินไปที่สำนักงานของประธานหลี่โดยตรง
“ที่นี่แหละ!” หยางบี้ถิงกล่าว
จี๋ต๋าจิ่วตูมองหยางบี้ถิง และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เสี่ยวถิง เคาะประตู!”
หยางบี้ถิงรู้สึกลังเลเล็กน้อย
จี๋ต๋าจิ่วตูกล่าวว่า “ไม่ต้องกลัว พวกเราจะอยู่เป็นเพื่อนคุณ เคาะประตูเถอะ!”
หยางบี้ถิงพยักหน้าแล้วเคาะประตูสำนักงานเบา ๆ
“เข้ามา!” น้ำเสียงผู้ชายที่เล็กแหลมดังขึ้น เสียงแปลก ๆ เหมือนเสียงของขันทีในวังสมัยโบราณ
หยางบี้ถิงยื่นมือไปผลักประตูห้องทำงานของประธานหลี่ ภายใต้สายตาที่ให้กำลังใจของจี๋ต๋าจิ่วตู
“โอ้ เสี่ยวถิง! เกิดอะไรขึ้น คิดได้แล้วใช่ไหม? ต้องแบบนี้สิ เป็นผู้หญิงก็ควรใช้จุดแข็งของตนเองให้เป็นประโยชน์ เพราะการทำเช่นนั้น มันจะสามารถทำให้คุณเดินอ้อมน้อยลง?”
น้ำเสียงนั้นมีความลำพองใจเล็กน้อย และเจตนาลากยาว ทำให้คนฟังรู้สึกขนลุกทันที
สีหน้าของหยางบี้ถิงแดงระเรื่อด้วยความอาย มองชายหัวล้านอายุประมาณสี่สิบปี ที่นั่งอยู่หลังโต๊ะสีแดงสด เธอกล่าวด้วยความโกรธว่า “ประธานหลี่ คนที่ต้องการพบคุณไม่ใช่ฉัน แต่เป็นเพื่อนของฉัน”
หยางบี้ถิงหลีกทาง จี๋ต๋าจิ่วตู เฉินโม่และคนอื่น ๆ เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วยืนอยู่หน้าประธานหลี่
สีหน้าของประธานหลี่เปลี่ยนไปทันที
“เสี่ยวถิง คุณหมายความว่ายังไง?” ประธานหลี่หัวเราะ แต่น้ำเสียงของเขาแหบเล็กน้อย เขารีบใช้มือหนึ่งจับโทรศัพท์มือถือ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังกลัว
จี๋ต๋าจิ่วตูกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ประธานหลี่ ผมแค่อยากถามประโยคหนึ่ง คะแนนโหวตผู้ชมของเสี่ยวถิงสูงที่สุด แต่ทำไมเธอถึงไม่ผ่านการคัดเลือก? ผมสงสัยความเป็นธรรมของการประกวดครั้งนี้มาก!”
ประธานหลี่รู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย “ที่แท้เป็นเรื่องนี้เอง ตอนแรกผมคิดว่าพวกคุณมาที่นี่เพื่อออกหน้าแทนหยางบี้ถิงเสียอีก? ทำให้ผมรู้สึกตกใจแทบแย่!”
ประธานหลี่เปลี่ยนท่านั่งเป็นสบายขึ้น ท่าทางของเขาก็เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น มองหยางบี้ถิงด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นน่าเกรงขามขึ้นเล็กน้อย
“เสี่ยวถิง เกรงว่าคุณยังไม่บอกเพื่อนเกี่ยวกับกฎการคัดเลือกของพวกเราใช่ไหม?”
“ถึงแม้ว่าคะแนนโหวตจากผู้ชมจะมีความสำคัญสำหรับการออดิชั่นมาก แต่การตัดสินขั้นสุดท้ายยังคงอยู่ที่บริษัท ถึงแม้ว่าคุณจะเก่งทุกด้าน แต่ละครที่บริษัทกำลังจะถ่ายเรื่องนี้ ไม่มีตัวละครที่ตรงกับคาแรคเตอร์ของคุณเลย”
ประธานหลี่แสดงสีหน้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง และกล่าวต่อไปว่า “ถึงแม้ว่าผมจะชื่นชมคุณเป็นการส่วนตัว แต่ต้องขอโทษจริง ๆ นี่เป็นการตัดสินใจของบริษัท และความชื่นชมของผมนั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้!”
“ประธานหลี่!” หลิ่วอี้เฟยพาคนมาถึง และล้อมรอบประธานหลี่เอาไว้ มองเฉินโม่ด้วยท่าทางระมัดระวัง
หลิ่วอี้เฟยกล่าวด้วยความระมัดระวัง “ประธานหลี่ คุณต้องระวังตัวให้ดี เจ้าเด็กพวกนี้แปลกมาก!”
เมื่อประธานหลี่เห็นว่าบอดี้การ์ดของตนเองมาถึงแล้ว ก็รู้สึกหายกลัวทันที เปลี่ยนเป็นสีหน้าเย็นชาและกล่าวว่า “เสี่ยวถิง ถ้าคุณมาหาผมด้วยเรื่องออดิชั่น ก็ไม่มีความจำเป็นแล้ว พวกคุณกลับไปเถอะ!”
จี๋ต๋าจิ่วตูกล่าวด้วยความโกรธว่า “นี่คือคำตอบของคุณเหรอ? คุณยังปฏิบัติตามกฎอีกไหม? ในเมื่อทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของพวกคุณ แล้วทำไมต้องมีคะแนนโหวตของผู้ชมด้วย? ผมคิดว่าคุณมีแรงจูงใจที่ซ่อนเร้นอื่น ๆ!”
หลิ่วอี้เฟยด่าด้วยน้ำเสียงแหลมว่า “เจ้าหนู แกพูดกับประธานหลี่แบบนี้ได้ยังไง แกรู้หรือไม่ว่าสถานะของประธานหลี่นั้นสูงศักดิ์เพียงใด? อย่าว่าแต่แกเลย แม้แต่ผู้อำนวยการของมหาวิทยาลัยพวกแก เมื่ออยู่ต่อหน้าประธานหลี่แล้ว ยังต้องเคารพนอบน้อมประธานหลี่ แกคิดว่าตนเองเป็นใคร ถึงกล้ามาพูดกับประธานหลี่แบบนี้!”
สีหน้าของประธานหลี่เย็นชาทันที เขายื่นมือข้างหนึ่งออกไปเพื่อให้หลิ่วอี้เฟยหยุดพูด
จากนั้น ประธานหลี่มองจี๋ต๋าจิ่วตูด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “เจ้าหนุ่ม อย่าพูดเรื่องกฎกับผม เพราะคำพูดของผมก็คือกฎ!”
“ถ้ารู้จักเอาตัวรอดก็ไสหัวออกไป มิฉะนั้นผมก็จะสอนความเป็นคนแทนพ่อแม่ของพวกคุณ!”