เพียงแต่เฉินซงจื่อนั้นไม่เหมือนกัน เพราะตอนนี้เขาไม่ใช่คนธรรมดาอีกต่อไปแล้ว และเขารอบุคคลนั้นมานานแล้ว
ประตูถูกเปิดออก เฉินซงจื่อมองแขกไม่ได้รับเชิญสามคนที่ยืนอยู่ตรงประตูอย่างเงียบ ๆ
ชายชราหนึ่งคนกับชายหนุ่มสองคน
“ผู้ควบคุมหอการค้าโม่เจียที่แท้จริง พวกเราต้องการคุยกับนาย!”
เฉินซงจื่อหันหลังแล้วเดินเข้ามาในห้อง และกล่าวว่า “ยินดีต้อนรับ อย่าลืมปิดประตูด้วย!”
ชายชรานั่งตรงข้ามเฉินซงจื่อ ส่วนชายหนุ่มสองคนยืนอยู่หลังชายชราด้วยความนอบน้อม เขามองเฉินซงจื่อซึ่งกำลังจิบชาอย่างสบาย ๆ ด้วยความเย็นชา
“มองจากชุดลัทธิเต๋าที่นายสวมแล้วนายน่าจะเป็นคนที่ตัดขาดจากโลกภายนอกแล้ว แต่ทำไมนายถึงยังตั้งรกรากอยู่ในโลกมนุษย์อีก?” ชายชรามองเฉินซงจื่อ และกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เฉินซงจื่อมองชายชราและกล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “แล้วนายล่ะ? พลังบำเพ็ญของนายอยู่ระดับแดนในชั้นสูงสุดแล้ว ทำไมนายถึงยังไม่ปล่อยวางเรื่องโลกีย์ของโลกมนุษย์ แล้วมุ่งมั่นกับการฝึกฝน แล้วพยายามบรรลุถึงแดนแปรภาพเร็วที่สุด?”
สีหน้าของชายชราไม่เปลี่ยนแปลง แต่มีความประหลาดใจอยู่ในดวงตา เขาไม่สามารถมองเห็นพลังบำเพ็ญของเฉินซงจื่อได้ แต่แค่มองเพียงแวบเดียว เฉินซงจื่อก็มองเห็นความแข็งแกร่งของเขาแล้ว
ความแตกต่างนี้ เห็นได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องประมือ
“พวกเราไม่เหมือนนาย เพราะพวกเราเป็นนักบู๊ ถึงแม้จะบรรลุถึงแดนแปรภาพแล้ว พวกเรายังคงต้องอาศัยอยู่ในโลกมนุษย์ แต่นายได้เข้าสู่ลัทธิเต๋าแล้ว จะมายุ่งเกี่ยวกับโลกีย์ของโลกมนุษย์ทำไม?” ชายชรากล่าวเตือน
เฉินซงจื่อกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ผมแค่เข้าสู่ลัทธิเต๋า ไม่ได้กลายเป็นเซียน ดังนั้นผมยังคงต้องอาศัยอยู่ในโลกมนุษย์เหมือนกัน?”
สีหน้าของชายชราเย็นชาลง “นายแน่ใจหรือว่าต้องการครอบครองผลประโยชน์ของเมืองจงไห่แห่งนี้?”
เฉินซงจื่อวางแก้วสีม่วงลง และเลียนแบบเฉินโม่ โดยกล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบว่า “ผมมาอยู่ตรงนี้แล้ว จะถอยได้อย่างไร?”
เฉินซงจื่อติดตามเฉินโม่มานานแล้ว ทำให้เขาสามารถเลียนแบบเฉินโม่ได้คล้ายมาก
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ตระกูลหยุน หยุนหยาน ก็ต้องขอคำชี้แนะจากยอดฝีมืออย่างนายแล้ว!”
หลังจากชายชรากล่าวจบ เขาก็ลุกขึ้นยืน กำหมัดทั้งสองข้างแล้วคารวะเฉินซงจื่อ
เฉินซงจื่อยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ และกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ลงมือเถอะ!”
สีหน้าของหยุนหยานเคร่งขรึม กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “นายจองหองมากเกินไปแล้ว ไม่ว่ายังไงตระกูลหยุนของผมก็เป็นตระกูลบู๊อันดับหนึ่งในจงไห่ แต่นายกลับนั่งเผชิญหน้ากับศัตรูแบบนี้เหรอ?”
เฉินซงจื่อหัวเราะเบา ๆ “นั่ง ถือเป็นการให้เกียรตินายแล้ว! ถ้าเปลี่ยนเป็น……”
เฉินซงจื่อพูดครึ่งหนึ่ง แล้วนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจึงไม่พูดต่อ ตอนแรกเขาต้องการจะบอกว่าถ้าเป็นอาจารย์ของเขา เกรงว่าเขาจะตบหยุนหยานตายด้วยฝ่ามือเดียวแล้ว และไม่มาพูดเรื่องไร้สาระกับเขาหรอก?
หยุนหยานรู้สึกโกรธมาก “เอาล่ะ ดูเหมือนว่าตระกูลหยุนจะสงบนานเกินไปแล้ว จึงทำให้ถูกคนเหยียดหยามขนาดนี้!”
“ลุงหยุน บุคคลนี้จองหองมากเกินไปแล้ว ให้พวกเราสอนบทเรียนให้เขาก่อนเถอะ!” ชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังกล่าว
“ตกลง แต่อย่าอวดดี!” หยุนหยานต้องการหยั่งเชิงความแข็งแกร่งของเฉินซงจื่อผ่านชายหนุ่มสองคนนี้
“นักพรตเฒ่า กล้าดูถูกตระกูลหยุน ผมจะทำให้นายเสียใจ!” ชายหนุ่มตะโกนเสียงดัง มีความกระตือรือร้นที่จะแสดงฝีมือของตนเองออกมา จากนั้นเขาปล่อยพลังหมัดไปที่เฉินซงจื่อ
“พลังบำเพ็ญแค่แดนนอกเท่านั้น ยังกล้ามาจองหองต่อหน้าผมอีก!” เฉินซงจื่อโบกมือ “ไสหัวออกไปให้พ้น!”
ชายหนุ่มคนนั้นถูกพลังที่ทรงพลังกระแทกจนกระเด็นออกไปชนผนังถึงจะหยุดลง
พู่!
ชายหนุ่มอ้าปากและพ่นเลือดออกมา มองเฉินซงจื่อด้วยสีหน้าหวาดกลัว
ชายหนุ่มอีกคนที่เตรียมตัวจะลงมือ แต่เมื่อเขาเห็นภาพนี้แล้ว มือที่ยกขึ้นหยุดอยู่กลางอากาศด้วยความอึดอัด จะรุกก็ไม่ได้ จะถอยก็ไม่ได้ จากนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง
“ถอยออกไปเถอะ!” หยุนหยานกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาไม่สามารถมองเห็นพลังบำเพ็ญของเฉินซงจื่อจากการโจมตีเมื่อสักครู่ได้!
ถึงแม้จะให้ชายหนุ่มที่เหลือคนนี้ออกไปต่อสู้กับเขา เป็นเพียงการออกไปเสียหน้าเปล่า ๆ เท่านั้น