แดนนิรมิตเทพ บทที่ 930
แต่ว่า หัวเราะอยู่ดีๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของนักศึกษาพวกนั้นก็หายไป แล้วจู่ๆก็มีความรู้สึกแย่ขึ้นมา
ไม่รู้ว่าความรู้สึกแย่พวกนี้มาจากไหน ไม่รู้ว่ารู้สึกแย่เพราะปลา หรือเพราะคนคนนั้น
เสียงออกเฉินโม่เล่าต่อไป “บางเรื่องก็เป็นเช่นนี้ ดำเนินอยู่แล้วก็ลืมความตั้งใจแรกไป….”
ตามคำพูดของเฉินโม่แล้ว บนใบหน้าของนักศึกษาหลายคนแทบจะไม่มีรอยยิ้มอีก บนใบหน้าของทุกคนมีแต่ความรู้สึกแย่ แม้แต่พวกหยางจื่อหนิงเองก็เช่นกัน
“แทบทุกคนคงจะเคยได้ยินว่า ไม่ลืมความตั้งใจแรก จะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน แต่กลับมีคนรู้ประโยคต่อมาน้อยมาก นั่นก็คือ ความตั้งใจแรกเกิดขึ้นได้ง่าย แต่จะทำมันให้ได้นั้นยาก ชีวิตคนก็เหมือนกับการบำเพ็ญ ไม่ลืมความตั้งใจแรก รักษาความตั้งใจไว้ ถึงจะสามารถบำเพ็ญได้สำเร็จ”
ไม่ลืมความตั้งใจแรก รักษาความตั้งใจไว้!
มีหลายคนค่อยๆเข้าใจคำพูดนี้ แต่มีบางคนเข้าใจความหมายของเฉินโม่ แล้วมองเฉินโม่อย่างรู้สึกละอาย
หยางจื่อหนิงหัวเราะ “ดีมากเจ้าหนุ่ม แม้แต่การพูดกล่อมผู้อื่นยังมีความคิดสร้างสรรค์เช่นนี้ ถึงว่าทำไมเขาถึงประสบความสำเร็จด้านนิเวศวิทยามากขนาดนี้”
หลายคนต่างก็เข้าใจความหมายของเฉินโม่ แต่เรื่องเล่านี้ของเฉินโม่ก็ทำให้พวกเขาได้รับประโยชน์อย่างมาก
แต่ก็มีหลายคนที่ไม่เข้าใจว่าเฉินโม่เล่าเรื่องนี้ทำไม จึงอดไม่ได้ที่จะต้องสอบถามคนข้างกาย “บอกว่าจะแบ่งปันเรื่องราวการศึกษาของเขาไม่ใช่หรอ? หรือสิ่งนี้ก็ถือเป็นประสบการณ์เรียนรู้ของเขาด้วยเช่นกัน?”
บางคนที่ฟังเข้าใจแล้วหัวเราะออกมา “อย่าลืมความตั้งใจแรก หมายความว่าอย่าลืมอุดมคติของตัวเอง รักษาความตั้งใจไว้ คือบอกให้ตัวเองอย่าหวั่นไหว ตั้งใจในอุดมคติของตัวเอง แล้วดำเนินต่อไป”
“นี่ก็คือประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีผลที่สุด!และเขาก็กำลังกล่อมพวกเราว่า อย่าได้ถูกคนอื่นหลอกใช้ประโยชน์ แล้วลืมอุดมคติของตัวเอง นักศึกษาปีหนึ่งคนนี้ ทำให้ผู้อื่นรู้สึกยกย่องนับถือจริงๆ!”
“อย่าได้ถูกคนอื่นหลอกใช้?” นักศึกษาคนนั้นพยักหน้า เหมือนว่าเข้าใจอะไรบางอย่าง
แปะๆๆ!
พิธีกรเริ่มปรบมือ ใบหน้ายิ้มขอโทษ “นักศึกษาเฉินโม่ นายพูดได้ดีมาก! สะดวกให้ช่องทางการติดต่อมั้ย? ต่อไปหากเจอปัญหาที่ไม่เข้าใจ จะได้สามารถสอบถามนายได้!” พูดจบ พิธีกรสาวสวยก็หน้าแดง
นักศึกษาด้านล่างตกตะลึง พิธีกรถึงกับอดไม่ได้ขอช่องทางการติดต่ออย่างเปิดเผย ความตั้งใจนี้ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าคืออะไร!
ผู้ชายหลายคนมองพิธีกรสาวที่สวยงาม แล้วมองเฉินโม่อย่างอิจฉา
แต่ กลับมีคนรู้สึกริษยาน้อยมาก เนื่องจากความสามารถของเฉินโม่ ทำให้พวกเขายอมรับ หากว่าเปลี่ยนตำแหน่งนึกคิด หากว่าพวกเขาเป็นผู้หญิง ก็คงไปแสดงความรู้สึกดีให้กับเฉินโม่ก่อนเองเช่นกัน
“ใช่ ให้ช่องทางการติดต่อไว้หน่อยสิ พวกเราเองก็อยากเรียนรู้จากนักศึกษาเฉินโม่เช่นกัน!” หญิงสาวด้านล่างหลายคนก็เริ่มหยอกล้อเฉินโม่ด้วยเช่นกัน
หอประชุมที่มีความเคร่งเครียดได้กลายเป็นเหมือนตลาดนัดในทันที
“แค่กๆ!ทุกคนเงียบ ไร้มารยาทจริงๆ!” ผู้ตัดสินคนหนึ่งกระแอม แล้วพูดอย่างเคร่งเครียด
ทุกคนเงียบสงบในทันที
แต่ว่าผู้ตัดสินคนนี้เปลี่ยนท่าทางในทันที แล้วพูดยิ้มๆกับเฉินโม่ว่า “นักศึกษาเฉินโม่ รองานแลกเปลี่ยนจบแล้ว นายอย่าเพิ่งกลับได้มั้ย ฉันมีคำถามเกี่ยวกับนิเวศวิทยาอยากจะเรียนรู้กับนายสักหน่อย”
“….” พวกนักศึกษาสีหน้าเหยียดหยาม
เฉินโม่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก นักวิจัยพวกนี้บางทีก็ดื้อดึง แต่บางทีก็น่ารัก
“ได้ครับ” เฉินโม่พยักหน้า
“ขอบคุณมาก!” ผู้ตัดสินคนนั้นตื่นเต้น
ผู้ตัดสินคนอื่นที่เหลือรู้สึกเสียดายในทันที พวกเขาเองก็อยากให้เฉินโม่อยู่รอ แล้วพูดคุยกระชับมิตรกันสักหน่อย แต่กลับถูกผู้ตัดสินคนนั้นแย่งโอกาสไปก่อน
แม้แต่ผู้ตัดสินยังเสนอตัวประจบเฉินโม่ ผลคะแนนการกล่าวสุนทรพจน์ของเฉินโม่จึงไม่ต้องพูดถึง แม้จะมากกว่าของหยางจื่อหนิงก็ไม่น่าแปลกใจ
หานทงที่หลบอยู่ในกลุ่มผู้คนสีหน้าชั่วร้าย เขารู้ว่าตัวเองแพ้แน่นอน สุนทรพจน์ที่เขาเตรียมพร้อมมาอย่างดี เมื่อเทียบกับของเฉินโม่แล้ว เป็นเหมือนดั่งแค่กองขี้หมาเท่านั้น
แต่หานทงรู้สึกไม่พอใจที่พ่ายแพ้อย่างนี้ เขาจะต้องสู้สักตั้ง
“นักศึกษาเฉินโม่ นายไม่ได้อธิบายให้พวกเราฟังว่านายไปศึกษาเรื่องพวกนี้มาจากที่ไหน? หรือว่ามีความลับอะไรที่ไม่สามารถบอกผู้อื่นได้งั้นหรอ?”