นักบู๊ที่พละกำลังสูงส่งและแข็งแกร่งสองสามคน ตามหลังเฉินโม่เข้าไปในเจดีย์หินตามลำดับ
เจดีย์หินชั้นที่หนึ่งเละเทะมาก บนพื้นมีฝุ่นหนาเตอะหนึ่งชั้น และมีรอยเท้าสะเปะสะปะไปหมด
ท่ามกลางความเลือนราง ยังมีชั้นไม้ที่ยังไม่ผุพังจนหมด รวมถึงภาชนะโลหะที่มีสนิมเต็มไปหมด
เฉินโม่พูดกับเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนว่า “ตรงนี้คงเป็นที่วางเครื่องบูชา แต่น่าเสียดายที่เวลาผ่านไปนาน ของพวกนี้จึงผุพังไปหมด ไม่งั้นคงดูออกว่าที่นี่อยู่ในยุคไหนกันแน่!”
เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนมองแผ่นเหล็กสีดำครึ่งชิ้นเล็กๆ บนพื้น ถามอย่างสงสัยว่า “สามารถทำให้ของที่ทำจากโลหะที่มีพลังทิพย์ผุพังจนอยู่ในสภาพนี้ ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกันแน่ หมื่นปีหรือแสนปี”
เฉินโม่ไม่ตอบ เพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน
“ขึ้นไปดูกันเถอะ” เฉินโม่พูดเบาๆ
เฉินโม่เพิ่งก้าวขึ้นไปบนบันไดหิน ผู้อาวุโสด้านหลังสองสามคนก็ตามเข้ามา เห็นเฉินโม่หายขึ้นไปพอดี
“เขาขึ้นไปแล้ว เราก็ตามขึ้นไปกันเถอะ!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“ไปกัน!” พวกเขารีบตามไปทันที
เจดีย์หินมีทั้งหมดสามชั้น พวกเฉินโม่มาถึงชั้นสอง ทั้งชั้นสองโล่งไม่มีอะไรสักอย่าง อีกทั้งยังสะอาดมาก ไม่มีฝุ่นเลยแม้แต่นิดเดียว
“ทำไมที่นี่ไม่มีอะไรเลย” เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนถามอย่างสงสัย
เฉินโม่รู้ วิญญาณร้ายนั่นน่าจะอยู่ที่นี่ เพราะเสียงกรีดร้องของนักบู๊จำนวนมากดังมาจากตรงนี้ อีกทั้งผู้อาวุโสคนสุดท้าย ก็โดนซัดจนปลิวออกไปจากที่นี่
วิญญาณร้ายไม่ออกมา มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว นั่นคือวิญญาณร้ายมีสติปัญญา แค่คนที่มาไม่ล้ำเส้นพื้นที่ส่วนตัวของมัน มันก็จะไม่ออกมาทำร้ายคน
แต่ไม่รู้ว่าพื้นที่ส่วนตัวของวิญญาณร้ายคืออะไรกันแน่
“ในเมื่อที่นี่ไม่มีอะไร งั้นเราขึ้นไปข้างบนกันเถอะ!” เฉินโม่พูดพลางขยับเท้า เตรียมขึ้นไปชั้นสาม
ฟู่ว……
จู่ๆ ก็มีลมหนาวพัดมาดื้อๆ ทำให้เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนอดไม่ได้ที่จะสั่นเพราะความหนาว
“ลมแปลกๆ มาจากไหนกัน!” เดิมทีเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนความรู้สึกไวมากอยู่แล้ว ถึงขั้นที่ใกล้จะหวาดกลัวจนเกินไปแล้ว แค่ลมพัดหญ้าปลิว ก็ทำให้เธอระแวงได้
จู่ๆ เฉินโม่ชะงักฝีเท้าลง มองห้องที่ว่างเปล่า แล้วพูดอย่างราบเรียบว่า “ออกมาเถอะ ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ หรอก”
“ฟู่ว……”
คำตอบที่มีให้เฉินโม่ คือลมแปลกๆ วูบหนึ่งอีกแล้ว
เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนตกใจจนขยับเท้าไปข้างเฉินโม่อีก ตัวแทบจะติดกับเฉินโม่แล้ว
ผู้อาวุโสสองสามคนนั้นก็ตามขึ้นมา ยืนอยู่ตรงหัวบันไดหิน จ้องเฉินโม่เขม็ง
เฉินโม่ไม่สนใจคนด้านหลังสองสามคน แต่พูดกับห้องโล่งๆ อีกครั้ง “ในเมื่อนายไม่เป็นฝ่ายออกมา งั้นฉันจะบีบให้นายออกมาเอง!”
พูดจบ เฉินโม่เดินไปทางบันไดหินที่ขึ้นไปชั้นสาม
เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนตกใจจนสั่นไปทั้งตัว รีบตามหลังเฉินโม่ไปติดๆ
“หยุด!”
มีเสียงน่าอึดอัด ดังขึ้นมาดื้อๆ ในห้องที่ว่างเปล่าแบบนี้ ดูแปลกประหลาดอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากนั้น มีเงาคนสีขุ่น ปรากฏตัวที่หัวบันไดหิน
“ในที่สุดนายก็ยอมออกมา” เฉินโม่หน้านิ่ง เสียงเฉยเมย
“มีผีจริงๆ!” เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าขาทั้งสองข้างของตัวเองกำลังสั่น ตามหลังเฉินโม่ติดๆ สีหน้าซีดเผือด
เงาคนสีขุ่นนั่น สูงใหญ่กว่าคนปกติ ใบหน้าค่อนข้างเลือนราง เห็นไม่ชัดว่าหน้าตาเป็นยังไง
พวกผู้อาวุโสด้านหลังก็สีหน้าเคร่งขรึม ตึงเครียดเล็กน้อย ฝึกบู๊มานานขนาดนี้ ยังไม่เคยเห็นผีสางแบบนี้
วิญญาณร้ายนั้นเป่าลมใส่เฉินโม่ เสียงของมันน่าอึดอัด เหมือนพูดผ่านโลงศพออกมา
“นายไม่เหมือนกับพวกเขา นายคือผู้รอดชีวิตของสงครามครั้งใหญ่ในตอนนั้นเหรอ”
เฉินโม่ไม่ได้ปฏิเสธ และไม่ได้ยอมรับ แต่มองวิญญาณร้าย หาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อ “สงครามครั้งใหญ่ผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว”