แดนนิรมิตเทพ – บทที่ 1125

บทที่ 1125

“ไปให้พ้น!” จี๋ต๋าจิ่วตูกระโจนเข้ามาทันที ต่อสู้นัวเนียกับห่าวเจี้ยน

เฉินโม่กับคนที่เหลือดูอยู่ข้างๆ เมื่อทั้งสองคนทะเลาะกัน บรรยากาศแห่งการจากลาก็ลดลงไปไม่น้อย

“ไอ้อ้วน ถึงปิดเทอมกลับบ้าน เราก็คุยกันทางวิดีโอคอลได้บ่อยๆ อีกทั้งตอนนี้การคมนาคมก็พัฒนามาก นั่งรถไฟความเร็วสูงไม่กี่ชั่วโมง สามารถไปถึงเมืองต่างๆ ทั่วประเทศได้ นายไม่เห็นต้องเวอร์ขนาดนี้เลย” เหวินถิงอี้วางบทกวีโบราณในมือลง แล้วพูดติดตลก

จี๋ต๋าจิ่วตูปล่อยห่าวเจี้ยน มองเหวินถิงอี้แล้วพูดว่า “ไอ้เฉื่อย นายจะไปรู้อะไร บ้านเกิดของฉันมีรถไฟความเร็วสูงที่ไหนกันล่ะ!”

“ฉันจะบรรยายสภาพบ้านเกิดของฉันให้ฟัง พวกนายฟังจบแล้วจะรู้ว่าทำไมฉันถึงเศร้าขนาดนี้”

พวกเฉินโม่มองจี๋ต๋าจิ่วตูอย่างสงสัย กำลังรอให้เขาพูดต่อ

เมื่อจี๋ต๋าจิ่วตูเห็นว่าเรียกความสนใจของคนพวกนี้ได้ จึงหัวเราะคิกคักแล้วพูดว่า “บ้านเกิดของฉัน การเดินทางส่วนใหญ่อาศัยเดินเท้า ด้านความปลอดภัยส่วนใหญ่อาศัยสุนัข ความบันเทิง……ความบันเทิงส่วนใหญ่อาศัยมือ”

“ตอนนี้พวกนายเข้าใจความเศร้าของฉันหรือยัง” จี๋ต๋าจิ่วตูใบหน้าน่าสงสาร

“เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน! ไอ้อ้วน นายพูดประโยคสุดท้ายอีกรอบสิ ความบันเทิงอาศัยอะไรนะ ทำไมฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย” ห่าวเจี้ยนเริ่มซ้ำเติมอีกแล้ว

จี๋ต๋าจิ่วตูถลึงตาใส่ ห่าวเจี้ยน แล้วพูดเสียงดังว่า “ความบันเทิงส่วนใหญ่อาศัยมือ เข้าใจหรือยัง”

“ฮ่าๆ!”

เสียงหัวเราะของทุกคนดังลั่นห้อง

ความรู้สึกของผู้ชาย เรียบง่ายและตรงไปตรงมามาก บางครั้งเพียงประโยคทำให้เหม่อลอยได้ บางครั้งบทเพลงเดียวทำให้น้ำตาไหลได้

เหล้าแก้วเดียวอาจทำให้สงบศึกได้ แววตาสามารถแทนคำพูดนับไม่ถ้วนได้

การจากลาของเฉินโม่กับรูมเมทเป็นไปอย่างมีความสุข แต่การจากลาของมู่หรงยานเอ๋อร์กับเล่หรูหั่ว กลับรู้สึกเข้าใจผิดเหมือนจากกันคนละฟากฟ้า

ในมหาวิทยาลัย ใต้ร่มไม้ บนทางเดินหิน

ชายหญิงที่ทุกคนอิจฉา เดินอย่างเงียบๆ เป็นภาพในความฝันแรกที่อยู่ในใจนักเรียนทุกคน

มู่หรงยานเอ๋อร์เอาสองมือจับชายเสื้อแน่น ระยะทางสั้นๆ แค่สิบเมตร เธอแอบมองเฉินโม่ตั้งหลายครั้ง

“เฉินโม่ ถ้านายว่าง ปิดเทอมมาเที่ยวที่ไป๋หม่าได้นะ ฉันกับพ่อจะต้อนรับนายอย่างอบอุ่นเลย” มู่หรงยานเอ๋อร์พูดเสียงเบาด้วยความเขินอาย

เฉินโม่มองหญิงสาวที่เหมือนภาพวาด ในใจมีภาพอื่นผุดขึ้นมา

ตอนนั้นจันทร์กลมโตลอยบนฟ้า พร้อมดวงดาวมากมาย เขากับศิษย์น้องหญิงเหยียบจันทร์ขึ้นไป ท่องจักรวาลและดวงดาวบนท้องฟ้า ราวกับคู่รักเทพเซียน มันดีสุดยอดไปเลย

แต่น่าเสียดายความรู้สึกอยู่ได้ไม่นาน ท้ายที่สุดศิษย์น้องหญิงจากเขาไป……

“เฉินโม่ นายเป็นอะไรไป” เห็นเฉินโม่เหม่อลอย มู่หรงยานเอ๋อร์จึงถามอย่างสงสัย

เฉินโม่หลุดจากภวังค์ มองมู่หรงยานเอ๋อร์แล้วยิ้มบางๆ “เปล่า จู่ๆ ก็คิดบางเรื่องขึ้นมาน่ะ”

“ถ้าปิดเทอมแล้วไม่มีอะไรทำ ฉันจะไปเที่ยวที่เธอนะ”

มู่หรงยานเอ๋อร์พูดอย่างดีใจว่า “จริงเหรอ ไม่พูดจาสุ่มสี่สุ่มห้านะ!”

“อืม” เฉินโม่พยักหน้า

เหมือนมู่หรงยานเอ๋อร์เป็นคนที่พอใจง่ายมาก หลังจากได้คำตอบของเฉินโม่ ความเศร้าหมองของการจากลาที่อยู่ในใจหายไปในพริบตา เธอเดินกระโดดโลดเต้นออกไป

แต่วิธีบอกลาของเล่หรูหั่ว กลับทำให้เฉินโม่รู้สึกอึดอัดใจ

ชาติที่แล้วเธอตายเพราะเฉินโม่ แม้ชาตินี้เฉินโม่ช่วยเธอจากอันตรายได้ แต่มันยังฝังเมล็ดพันธุ์ที่ไม่สามารถลบออกจากหัวใจเธอได้

ทว่าเล่หรูหั่วเป็นผู้หญิงที่ไม่ชอบแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมา เธอต่างกับมู่หรงยานเอ๋อร์ ภาระและความอึดอัดใจที่มีมานาน ทำให้เธอชอบเก็บทุกเรื่องเอาไว้ในใจ อดทนไว้โดยไม่บอกใคร

เธอเป็นคนมีความกระตือรือร้น แต่ในเวลาเดียวกันเธอก็เฉยชากว่าใคร แต่เมื่อเข้ามาในหัวใจของผู้หญิงแบบนี้ ชีวิตเธอก็มีอยู่เพื่อคนคนเดียวเท่านั้น

แดนนิรมิตเทพ

แดนนิรมิตเทพ

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท