เฉินเข่อเอ๋อร์ได้ยินคำพูดของพวกเขา ทำให้สาวน้อยรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก “พี่เฉินโม่ คนพวกนี้มันพูดเกินไปแล้ว พี่จะต้องสั่งสอนพวกมันนะ ให้พวกมันเห็นว่าใครกันแน่ที่จะขายหน้า !”
เฉินโม่ยังคงหลับตา พูดออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายว่า “ทำไมต้องไปยุ่งกับคนแบบนี้ด้วย มีแต่จะเป็นการลดฐานะของตัวเองลง”
เฉินควางมองเฉินโม่ด้วยความแววตาชั่วร้าย “ไอ้ขยะ ยังทำตัวไม่สะทกสะท้านอยู่ได้ ฉันจะรอดูว่านายจะทนได้อีกนานแค่ไหน !”
เฉินธงและเฉินเยว่มองเฉินโม่ด้วยท่าทางที่ประหลาดใจ ถึงขนาดนี้แล้วเจ้านี่ยังไม่โมโหอีกงั้นหรือ ?
ณ ตำแหน่งที่นั่งด้านหน้า เฉินตงหวา ประสานมือเคารพเฉินตงเยว่ด้วยรอยยิ้ม “พี่ใหญ่ ยินดีด้วยจริง ๆ ดูท่าแชมป์ในครั้งนี้คงตกเป็นของเฉินเหล่ยแล้วล่ะ !”
คนอื่น ๆ ต่างก็รีบเข้ามาแสดงความยินดี “พี่ตงเยว่สั่งสอนได้ดีจริง ๆ ยินดีด้วย ๆ !”
เฉินตงเยว่พูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจว่า “การที่เฉินเหล่ยทำผลงานได้ดีขนาดนี้ แม้จะเป็นผลจากการกวดขันที่เข้มงวด แต่นอกเหนือจากนั้นก็คือความสามารถในตัวเขาเอง เพื่อที่จะคว้าแชมป์ในการทดสอบครั้งนี้ได้ เด็กคนนี้ต้องผ่านความยากลำบากมาไม่น้อยทีเดียว !”
เฉินฉงซานทนไม่ไหว พูดด้วยเสียงเยาะเย้ยว่า “พี่ตงเยว่ คำพูดของพี่เกือบจะเหมือนกับดาราที่ขึ้นรับรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมเลย ดูปลอมเหลือเกิน ! ไม่นึกว่าพี่จะพูดออกมาได้ !”
“แล้วก็เรื่องของแชมป์ ด้านหลังยังเหลือผู้เข้าแข่งขันอีกสี่คน พี่แน่ใจว่าเฉินเหล่ยจะได้แชมป์จริงหรือ ?”
“นายคิดว่าฉันพูดถูกหรือเปล่า น้องจิงเย่ !” จู่ ๆ สายตาของเฉินฉงซานก็มองไปยังเฉินจิงเย่ อยากจะดึงเฉินจิงเย่เข้ามาร่วมวงการแข่งขันด้วย
เฉินจิงเย่ไม่พูดอะไร เขาไม่คิดจะเข้าไปมีส่วนร่วมอะไรกับอีกฝ่าย
เฉินตงเยว่โกรธจนตาเบิกกว้าง มองเฉินฉงซานด้วยความโมโห “นายหมายความว่ายังไง ? ฉันจะเสแสร้งทำไม นายยังหวังกับไอ้ขยะที่ไม่กล้ารับเงินทุน ว่าจะมาแย่งแชมป์กับลูกชายฉัน เฉินเหล่ยอีกงั้นหรือ ?”
คำพูดนี้ของเฉินตงเยว่เต็มไปด้วยความเดือดดาล คำพูดพวกนี้ไม่ได้ผ่านการคิดมาก่อน พูดเสร็จเขาก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา แต่ว่าต่อหน้าคนมากมาย เขาอายเกินกว่าจะเข้าไปขอโทษเฉินจิงเย่ อย่างไรก็ตาม เฉินจิงเย่ในตอนนี้ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับตระกูลเฉินอีกแล้ว
ทันใดนั้นห้องโถงก็เกิดความเงียบขึ้นอย่างประหลาด สายตาทุกคู่ที่มองไปยังเฉินตงเยว่ ก็เปลี่ยนไปจับจ้องเฉินจิงเย่ทันที
เฉินจิงเย่โกรธจนสองกำสองมือแน่น หน้าเขียวคล้ำ แต่ไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เพราะถึงแม้คำพูดของเฉินตงเยว่จะไม่น่าฟัง แต่มันก็เป็นความจริง
เฉินฉงซานสบถออกมา “น้องจิงเย่ นายได้ยินแล้วใช่ไหม ! เฉินตงเยว่กล้าบอกว่าลูกนายเป็นขยะต่อหน้า แสดงให้เห็นเลยว่าเขาไม่เห็นนายอยู่ในสายตา และถึงขนาดไม่เห็นผู้นำตระกูลอยู่ในสายตาเลยด้วย !”
เฉินฉงซานแค้นเฉินตงเยว่จึงใช้โอกาสนี้แก้แค้นเฉินตงเยว่ไปด้วย
เฉินตงเยว่พูดด้วยความโกรธว่า “เฉินฉงซาน แกอย่ามาใส่ร้ายคนอื่น ฉันไม่เห็นผู้นำตระกูลอยู่ในสายตาตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”
เฉินฉงซานแสยะยิ้ม “น้องจิงเย่เป็นสายเลือดของผู้นำตระกูล นายพูดว่าลูกชายของเขาเป็นขยะ นั่นไม่เท่ากับด่าผู้นำตระกูลว่าเป็นขยะด้วยหรือ ?”
เฉินตงเยว่ร้อนรน การต่อว่าผู้นำตระกูลให้ได้รับความอับอาย จะต้องถูกขับไล่ออกจากตระกูล
“อย่าเอาสองเรื่องมาปนกัน เฉินโม่เป็นขยะทุกคนต่างรู้ดี และฉันก็พูดถึงเขา เกี่ยวอะไรกับผู้นำตระกูลด้วย ? เฉินฉงซานอย่ามาพูดจาไร้เหตุผล !”
เสียงของทั้งสองค่อย ๆ ดังขึ้น ทำให้เสียงดังไปทั่วห้องโถงอย่างไม่รู้ตัว
แต่สายตาทุกคู่กลับไม่ได้มองไปยังผู้ที่ต่อว่าคนอื่นเลย แต่มองไปยังเฉินจิงเย่ รวมถึงเฉินโม่ที่นั่งหลับตาอย่างสงบด้วย
กำปั้นทั้งสองข้างของเฉินจิงเย่ปรากฏเส้นเลือดปูดขึ้น ร่างกายสั่นสะท้าน พยายามอย่างหนักเพื่อระงับความโกรธเอาไว้
โชคดีที่หลี่ซู่เฟินไม่อยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้นถ้าได้เห็นฉากนี้เข้าคงอาละวาดไปแล้ว
เฉินเข่อเอ๋อร์โกรธจนหน้าขาวซีด จ้องไปยังเฉินตงเยว่เขม็งด้วยความโมโห จากนั้นหันกลับมามองเฉินโม่ เธอร้อนรนจนอยากรีบวิ่งขึ้นไปบนเวทีเพื่อเปิดเผยตัวตนของเขาในที่สาธารณะ
แต่ว่า เฉินโม่ยังคงหลับตาทำสมาธิ ราวกับว่าไม่ได้ยินอะไรเลย