ในไม่ช้าก็มีคนนำม้านั่งตัวยาวอีกตัวมาวางลงทางขวามือเยื้องไปด้านล่าง จากนั้นนางกำนัลจึงพาเยี่ยเฟิงไปนั่งตรงที่นั่งชั้นล่างสุด
กู้ชูหน่วนเลิกคิ้ว
ขนาดสามัญชนอย่างเยี่ยเฟิงยังมีที่นั่ง
แล้วเหตุใดกู้ชูอวิ๋นจึงไม่มีที่นั่งเหมือนคนอื่น
กู้ชูอวิ๋นแอบกำมือไว้แน่นในแขนเสื้อ ความกังวลฉายวาบบนใบหน้าอันงดงามอ่อนหวานนั้น
นางคิดว่าคนดูแลจะนำเก้าอี้ยาวมาให้อีกตัวหนึ่ง แต่รออยู่นานก็ยังไม่เห็นมาเสียที ดังนั้นจึงทำได้เพียงกระซิบถามนางกำนัลที่อยู่ข้างๆ
“ขอถามหน่อยสิ เก้าอี้ขาดไปตัวหนึ่งหรือเปล่า”
นางกำนัลส่ายหัวอย่างไม่แน่ใจ “ไม่นี่เจ้าคะ ตำแหน่งที่จัดเตรียมไว้มีเพียงเท่านี้”
“ไม่มีที่นั่งสำหรับผู้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศงั้นหรือ ข้าเห็นว่าสามอันดับในแต่ละรัฐต่างก็มีที่นั่งทั้งนั้น” ถ้านับตามฐานะ นางไม่ได้ด้อยไปกว่าเยี่ยเฟิงเลยด้วยซ้ำ เหตุใดเยี่ยเฟิงจึงมีที่นั่งแต่นางไม่มี
“เรื่องนี้บ่าวไม่รู้เจ้าค่ะ”
หลายๆ คนเริ่มหันมามองกู้ชูอวิ๋นและกระซิบกระซาบกัน
แม้ว่ากู้ชูอวิ๋นจะเป็นบุตรีของอนุภรรยา แต่นางก็มีพรสวรรค์โดดเด่น ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีคนยกย่องเสมอ ทั้งยังไม่เคยมีใครพูดจาแย่ๆ เกี่ยวกับนางเลย
เพราะกู้ชูหน่วนและกู้ชูหลาน ตอนนี้นางไปที่ไหนก็มีแต่คนเพ่งเล็ง ซึ่งนั่นทำให้นางหัวเสียเป็นอย่างมาก
กู้ชูหน่วนกะพริบตาที่พราวระยับและเอ่ยยิ้มๆ ว่า “พี่รอง ท่านไม่มีที่นั่งงั้นหรือ ทำไมไม่มานั่งกับข้าล่ะ”
นางเอ่ยอย่างไร้เดียงสา ทว่าในแววตาของกู้ชูอวิ๋นกลับสะท้อนให้เห็นประกายแสงอันเย็นเยียบ
ถ้านางเดินไปนั่งด้วยจริงๆ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ผู้คนในนครหลวงจะพูดถึงเรื่องนี้ว่าอย่างไร
นางระงับความไม่พอใจเอาไว้และเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ไม่เป็นไร ข้ายืนได้ ขอบใจน้องสามมากสำหรับความหวังดี”
มุมปากของกู้ชูหน่วนแฝงไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขใจ
ที่ด้านหลังของนางมีนักเรียนจากสำนักศึกษาวังหลวงยืนอยู่เป็นจำนวนมาก
เพียงแค่เหลือบมองปราดเดียวนางก็จำกู้ชูหลานที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชนได้ทันที
เวลานี้กู้ชูหลานกำลังก้มหน้าก้มตาและปิดหน้าตัวเองไว้ราวกับกลัวว่าคนอื่นจะจำนางได้
กู้ชูหน่วนตะโกนออกไปอย่าง ‘เอาใจใส่’ ว่า “น้องห้า พี่รองไม่ยอมมานั่ง ถ้าอย่างนั้นเจ้ามานั่งกับข้าซี ที่นั่งยังว่างเหลือเฟือ”
ทันทีที่กู้ชูหน่วนพูดออกไป สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่กู้ชูหลานอย่างรังเกียจ บางคนถึงกับด่าทอนางตรงๆ
“เหตุใดกู้ชูหลานจึงยังอยู่ที่นี่อีก ผู้หญิงหยำฉ่าหน้าไม่อายอย่างนาง ข้าเห็นแล้วเอียนเต็มทน”
“ไปให้พ้น ออกไปจากสำนักศึกษาวังหลวงไป๊ ข้าขยะแขยงชะมัดที่ต้องเรียนร่วมกับเจ้าที่นี่”
กู้ชูหลานกำหมัดแน่นและอยากจะกลืนกู้ชูหน่วนทั้งเป็น
กู้ชูหน่วนตั้งใจทำแบบนั้นแน่ๆ นางตั้งใจจะทำให้ชื่อเสียงของนางป่นปี้
พลั่ก
มีใครบางคนผลักกู้ชูหลานอย่างแรงจนนางล้มลงไปทันที มือของนางมีแผลถลอกและเลือดก็หยดลงมา
“กู้ชูหลาน เจ้าจะหน้าด้านเกินไปแล้ว ทำเรื่องไร้ยางอายขนาดนั้นแต่ยังจะกล้าเสนอหน้ามาที่สำนักศึกษาวังหลวง”
“ฝะ… ฝ่าบาททรงให้ข้ามาเรียนที่นี่ เหตุใดข้าจะมาไม่ได้”
กู้ชูหลานจ้องมองเจ๋ออ๋องอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ นางหวังว่าเจ๋ออ๋องจะช่วยพูดแทนนางบ้างสักคำสองคำ แต่สายตาคู่นั้นกลับมีแต่ความเย็นชาและไม่เคยเหลือบมองมาที่นางเลย และนั่นทำให้หัวใจของนางเย็นยะเยือกถึงขีดสุด
นักเรียนจากสำนักศึกษาวังหลวงไม่สนใจว่าจะมีคณะทูตอยู่ตรงนั้นและเริ่มก่นด่ากู้ชูหลาน
อย่างไรก็ตาม กู้ชูหน่วนผู้ก่อปัญหากลับกำลังเพลิดเพลินกับการกินผลไม้สดใหม่
เซี่ยวอวี่เซวียนยืนอยู่ข้างหลังกู้ชูหน่วน
เขาไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี