ทุกคนทยอยไปจับฉลาก กู้ชูหน่วนเองก็ขึ้นไปจับเช่นกัน นางกางแผ่นกระดาษออกมาและพบว่าด้านในไม่มีอะไรเขียนไว้
ใบหน้าของหม่ากงกงฉาบไปด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูสามตระกูลกู้จับได้กระดาษเปล่า ดังนั้นจึงไม่ต้องแข่งขันในรอบแรกและเข้าสู่การแข่งรอบที่สองได้ทันที”
ผู้คนรอบๆ ส่งเสียงฮือฮา โดยเฉพาะบรรดานักเรียนจากสำนักศึกษาวังหลวง
“ให้ตาย กู้ชูหน่วนจะโชคดีอะไรปานนั้น ก่อนหน้านี้ก็เข้ารอบชิงชนะเลิศโดยไม่ต้องแข่งขัน ตอนนี้ยังผ่านรอบแรกเข้ารอบสองโดยไม่ต้องแข่งอีก หรือว่าเมื่อวานนี้นางไปจุดธูปบนบานที่ไหนมา”
“พระเจ้าจะเอาใจใส่นางเกินไปแล้ว เหตุใดเรื่องดีๆ จึงมักจะตกลงมาบนหัวของนางเสมอเลยนะ”
“ได้ยกเว้นการสอบแล้วอย่างไรล่ะ ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนหัวขี้เลื่อย เสียสิทธิ์โดยเปล่าประโยชน์แท้ๆ ไม่ได้อะไรสักอย่าง”
“เจ้าว่านางโกงหรือเปล่า”
กู้ชูหน่วนกลอกตาและกลับไปยังที่นั่งของตน
นางสาบานต่อสวรรค์เลยว่าที่จับฉลากได้กระดาษเปล่าคือความโชคดีล้วนๆ
“คราวนี้แบ่งการแข่งขันเป็นห้ารอบคือดีดฉิน หมากรุก กวี ประดิษฐ์อักษรและวาดรูป ผู้ที่ชนะสามจากห้าจะเป็นผู้ชนะ ขอเชิญตัวแทนทั้งสิบคนนั่งประจำที่ เริ่มจากการแข่งขันวาดภาพ โดยมีกำหนดเวลาหนึ่งก้านธูป ผู้ชนะจะได้เข้าสู่รอบที่สองของการแข่งขันแบบจับฉลากต่อไป”
กู้ชูหน่วนหาวไปหนึ่งที
การแข่งขันรอบแรกมีทั้งดีดฉิน หมากรุก กวี ประดิษฐ์อักษรและวาดภาพ แค่แข่งวาดอย่างเดียวก็กินเวลาไปแล้วหนึ่งก้านธูป แบบนี้แค่รอบแรกก็คงกินเวลาไปจนถึงช่วงบ่ายแล้วไม่ใช่หรือ
วันนี้ทั้งวันจะไปแข่งจบได้อย่างไร
ต้องรอไปถึงเมื่อไหร่นางจึงจะได้เงิน
เมื่อคืนเป็นอีกคืนที่นางไม่ได้นอน ดังนั้นกู้ชูหน่วนจึงถือโอกาสนอนลงบนม้านั่งและผล็อยหลับไป
พอทุกคนเห็นภาพนี้ก็พากันด่านางว่าโง่อย่างอดไม่ได้
ขนาดอยู่ในการแข่งขันยังหลับได้ นางเป็นคนประเภทที่ไม่มีใครเคยพบเจอมาก่อน และในอนาคตก็คงจะพบเจอได้ยากเช่นกัน
อี้เฉินเฟยมองกู้ชูหน่วนที่นอนหลับพริ้มและอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากอย่างเอ็นดู
มุมปากของซั่งกวนฉู่โค้งขึ้นเล็กน้อย ภาพเงาความมีชีวิตชีวาของกู้ชูหน่วนสะท้อนอยู่ภายในแววตาที่อ่อนโยนคู่นั้น
เซี่ยวอวี่เซวียนลูบหน้าผากตัวเอง ตั้งแต่รู้จักกับนาง เกียรติของเขาก็หายไปจนหมดสิ้นแล้ว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด กู้ชูหน่วนก็ตื่นขึ้นมาเพราะถูกเซี่ยวอวี่เซวียนปลุก
นางลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงียและมองเซี่ยวอวี่เซวียนอย่างสะลึมสะลือ
“แม่สาวอัปลักษณ์ เจ้าเป็นเทพแห่งการหลับใหลกลับชาติมาเกิดรึไง ทุกคนกำลังรอเจ้าจับฉลากอยู่ ตอนนี้เข้าสู่การแข่งรอบที่สองแล้ว”
กู้ชูหน่วนขยี้ตาและพบว่าทุกคนกำลังมองมาทางตนด้วยสายตาแปลกๆ
นางสะบัดลำคอและบ่นพึมพำว่า “เก้าอี้นี่แข็งชะมัด ข้านอนจนปวดคอไปหมด”
ฟั่นเฟือนหรืออย่างไร
นางมาที่นี่เพื่อแข่งขันหรือมาเพื่อนอนกันแน่
ก่อนที่พวกเขาจะได้พูดอะไร กู้ชูหน่วนก็พูดขึ้นมาอย่างระอาว่า
“ก็แค่การแข่งขันวิชาการจิ๊บจ๊อย แค่แข่งขันรอบแรกก็ใช้เวลาตั้งแต่เช้าจรดบ่าย แล้วเช่นนี้เมื่อไหร่จะแข่งเสร็จเสียที เอาเถอะ พวกท่านมาแข่งกับข้าตัวต่อตัวเลยดีกว่า ใครชนะข้าได้ คนนั้นจะได้เป็นที่หนึ่ง”
หัวขี้เลื่อยอย่างนางยังคิดจะแข่งตัวต่อตัวผู้มีพรสวรรค์ในใต้หล้าอีกรึ
ทุกคนต่างพูดไม่ออก
ใครมอบความมั่นใจนี้ให้นาง
ปรมาจารย์หมากรุกผู้อายุเลยหกสิบมาแล้วและดูแก่วิชาอดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางอวดดีของกู้ชูหน่วน “แม่เด็กน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่าถ้าหากแข่งตัวต่อตัวกับทุกคนแล้วพ่ายแพ้ขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้น”
“แพ้ก็แพ้ไปสิ จะเป็นอย่างไรได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าจะแพ้พวกท่าน”
กู้ชูหน่วนเอ่ยพลางสังเกตไปด้วย ผู้ที่ผ่านรอบแรกมาได้มีเจ๋ออ๋อง เยี่ยเฟิง ปรมาจารย์หมากรุก และผู้มีความสามารถจากรัฐจ้าวทั้งสองคน
ส่วนรัฐหวาซึ่งส่งจอหงวนสามอันดับแรกมากลับพ่ายแพ้จนหมดสิ้น
ไม่แปลกใจที่สีหน้าของทูตจากรัฐหวาจะดำเป็นก้นหม้อแบบนั้น
นี่มันน่าขายหน้าจริงๆ
น่าขายหน้ามาก