Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1640 กระบี่อเวจี

ตอนที่ 1640 กระบี่อเวจี
หลินสวินเดินออกมา ยิ้มพูด “ไม่ถึงกับล่วงเกิน เขากับข้าเป็นคนคุ้นเคยเก่าก่อน หลายครั้งที่คิดว่าฆ่าเขาตายแล้ว แต่สุดท้ายกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีก ชีวิตแข็งกว่าก้อนหินในส้วมรางเสียอีก”
ทุกคนอึ้งไปโดยพร้อมเพรียงกัน สีหน้าแปลกประหลาด
นี่ทำให้ทุกคนประหลาดใจเกินไปแล้ว ต่างคิดไม่ถึงว่าคนรุ่นเยาว์ที่ดูไม่คิดแข่งขันชิงชัยในโลก กลับมีผลงานรบที่สะดุดตาเช่นนี้
บุตรนรกนี่ไม่ธรรมดา แม้จะชิงชังแค่ไหนก็ไม่อาจไม่ยอมรับว่ารากฐาน พรสวรรค์และพลังของเขา ล้วนเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะชั้นหนึ่งในยุคปัจจุบัน แข็งแกร่งจนน่าตกใจ
แต่ใครจะคิดว่าบุตรนรกกลับเคยถูกคนสังหารไปหลายครั้ง
ชั่วขณะเดียวสายตาที่พวกเขามองหลินสวินล้วนแฝงแววประหลาดใจ สามารถทำให้หลิงเซียวจื่อยอมรับในวิถีสลักวิญญาณ และยังเคยเอาชนะบุตรนรกได้ นี่ไม่ธรรมดาเกินไปแล้ว
บนตัวเจ้าหนูนี่มีความลับซ่อนอยู่เท่าไหร่กันแน่
“เจ้าสวะ จนตอนนี้ยังกล้าปากร้าย ไม่รู้ว่าคำว่าตายเขียนอย่างไรหรือ”
บุตรนรกโกรธจนแทบระเบิด คำพูดของหลินสวินเหมือนสาดเกลือบนบาดแผล ทำเอาหนี้เก่าแค้นใหม่พวยพุ่งขึ้นในใจเขา ไอสังหารที่พลุ่งพล่านไปทั่วตัวก็เพิ่มพูนขึ้น
ตูม!
แสงเลือดน่ากลัวสายหนึ่งพุ่งทะลวงฟ้า ลมเมฆสั่นสะเทือน ไอสังหารหนาทึบนั่นถึงกับเปลี่ยนเป็นควันสีเลือดที่ประหนึ่งจับต้องได้!
“เจ้าจะทำอะไร ที่นี่คือในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ ห้ามสู้กันในนี้!”
สีหน้าของซุ่นจี้อึมครึม ตวาดกร้าวออกมา
“นี่เป็นเรื่องของข้ากับเขา ไม่เกี่ยวกับทุกท่าน หากไม่อยากทำลายไมตรีต่อกันอย่าแทรกแซงจะดีที่สุด ไม่เช่นนั้นข้ารับรองว่าใครก็อย่าคิดว่าจะได้อยู่อย่างสงบ!”
บุตรนรกขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
อริยะเองก็มีช่วงเวลาโกรธ ไม่ใช่เพราะจิตใจไม่มั่นคง แต่เพราะสามารถกระทำการตามอำเภอใจ ไม่ต้องเกรงกลัวอะไร
ก็เหมือนบุตรนรกในตอนนี้
เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าต่างไม่พอใจ ยิ่งมองบุตรนรกก็ยิ่งขัดตา นึกว่ามีที่พึ่งก็สามารถไม่เห็นพวกเขาในสายตาได้แล้วหรือ
“ทำให้ผู้อาวุโสทุกท่านเห็นเรื่องตลกเสียแล้ว จะโทษก็ต้องโทษที่ตอนนั้นข้าไม่ได้ตีเขาให้ตายสนิท ทำให้ตอนนี้เขากัดมั่วซั่วเหมือนหมาบ้า”
หลินสวินยิ้มประสานมือไปทางพวกซุ่นจี้ ฮูหยินมู่ แล้วเอ่ยว่า “แต่ที่เขาพูดก็ไม่ผิด นี่เป็นความแค้นส่วนตัวของข้ากับเขา ข้ากลับหวังว่าจะฉวยโอกาสนี้จัดการอย่างสิ้นเชิง”
คำพูดสบายๆ แต่กลับแฝงความเด็ดขาดอย่างหนึ่ง
ทุกคนเข้าใจแล้ว ไม่เพียงแค่บุตรนรกที่อยากสังหารหลินสวิน ที่แท้หลินสวินเองก็อยากใช้โอกาสนี้กำจัดบุตรนรกเช่นกัน!
“ฮ่าๆๆ จัดการข้าหรือ ดีสิ ไม่อาจดีไปกว่านี้แล้ว ทุกท่านได้ยินชัดแล้วสินะ เจ้าสวะนี่รนหาที่ตายเอง!”
บุตรนรกหัวเราะ ผมสีเลือดปลิวไสวบ้าคลั่ง สีหน้าเหี้ยมโหด
หากไม่ใช่เพราะเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าอยู่ในลาน เขาคงลงมือในทันทีแล้ว ไม่มัวพูดจาไร้สาระเช่นนี้หรอก!
‘เจ้าหนู ที่นี่คือกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ ต่อให้เจ้ามั่นใจว่าสามารถเอาชนะบุตรนรกได้ ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางปล่อยให้เจ้าฆ่าเขา นี่เป็นกฎ ไม่ว่าใครก็ต้องทำตาม’
ซุ่นจี้สื่อจิตอย่างรวดเร็ว ตักเตือนหลินสวิน
หลินสวินขมวดคิ้วทันที ไม่เพียงแค่บุตรนรก เขาเองก็ไม่อาจไม่สนใจความรู้สึกของเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าเช่นเดียวกัน ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ทนมาถึงตอนนี้
คำว่าศัตรูพบหน้ายิ่งกระตุ้นความโกรธก็เป็นเช่นนี้
“หลินสวิน ถามเจ้าประโยคเดียว กล้าสู้กับข้าหรือไม่”
บุตรนรกตะโกน ไม่ปกปิดไอสังหารของตนสักนิด ดวงตาแดงก่ำน่ากลัว เขากระหายการแก้แค้นเกินไปจริงๆ
“เหลวไหล!”
กึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งตวาดเสียงขรึม “เจ้าเห็นกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิเป็นอะไร เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะกำราบเจ้าตอนนี้แล้วขังคุกเสีย”
บุตรนรกสีหน้าเปลี่ยนไปไม่อาจสงบ ครู่หนึ่งจึงแค่นเสียงเย็น “กฎข้ารู้ เปิดสังเวียนเทพมารก็ได้แล้ว ลงมือในสังเวียนเทพมารไม่นับว่าผิดกฎใช่หรือไม่”
เห็นได้ชัดว่าเขามุ่งมั่นจะต่อสู้!
ทุกคนเคลื่อนสายตาไปที่หลินสวิน ความหมายชัดเจนมาก ขอเพียงเจ้าไม่ตอบรับ ไม่ว่าบุตรนรกจะโวยวายอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์
“ผู้อาวุโสทุกท่าน พวกท่านก็เห็นแล้ว หากข้าไม่ตอบรับ หมาบ้าตัวนี้ก็จะกัดคนมั่วซั่วไม่หยุด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ปล่อยให้ข้าจัดการเถอะ”
หลินสวินสีหน้าราบเรียบ แววตาเยียบเย็น
เขาเองก็ไม่อยากพลาดโอกาสนี้!
“เอาเถอะ ซุ่นจี้ เจ้าเปิดสังเวียนเทพมารให้พวกเขาเข้าไปต่อสู้ก็แล้วกัน”
ฮูหยินมู่ถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่งแล้วกำชับ
ซุ่นจี้พยักหน้า พลันทะยานขึ้นกลางอากาศแล้วสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง กลางอากาศปรากฏคลื่นรุนแรงระลอกหนึ่ง
ทันใดนั้นสังเวียนขนาดใหญ่มหึมาก็ปรากฏขึ้น เปล่งแสงอร่าม แผ่คลื่นผนึกที่คลุมเครือและแปลกประหลาดออกมา
นี่ก็คือสังเวียนเทพมาร
ในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ หากมีข้อพิพาทและความขัดแย้งที่ไม่สามารถไกล่เกลี่ยได้เกิดขึ้น ก็จะเลือกจัดการในสังเวียนเทพมาร
ทว่าในสังเวียน ไม่อนุญาตให้เข่นฆ่าถึงตาย นี่คือกฎที่กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิกำหนดไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม
ฟุ่บ!
บุตรนรกไม่ลังเลสักนิด พุ่งขึ้นสังเวียนเทพมารทันที เงาร่างยืนตระหง่านภายในนั้น เสื้อคลุมสีเลือดโบกสะบัดจนเกิดเสียงดัง
แววตาของเขาเย็นเยียบ มองลงมายังหลินสวินที่อยู่ด้านล่างแล้วกล่าว “ยังไม่ไสหัวมารับความตายอีกหรือ”
เสียงราวกับฟ้าร้อง กึกก้องฟ้าดิน
ท่าทีบ้าระห่ำและกำเริบของเขาทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าต่างไม่พอใจอย่างมาก บุตรนรกนี่… ช่างไม่รู้จักกฎจักเกณฑ์!
“สหายน้อย เจ้าแน่ใจหรือว่าจะสู้กับเขา”
ฮูหยินมู่กังวลเล็กน้อย แม้ก่อนหน้านี้หลินสวินจะเคยชนะบุตรนรก แต่ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นสมัยก่อน บุตรนรกในตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
“เมื่อก่อนเขาสู้ไม่ได้ ตอนนี้… ก็สู้ไม่ได้เช่นกัน!”
หลินสวินพูดจบก็ก้าวทะยานขึ้นไป เข้าสู่สังเวียนเทพมาร สีหน้านิ่งสงบใจเย็น ราวกับเซียนมาเยือนโลก
สัตว์ประหลาดเฒ่าเห็นเช่นนี้ก็ไม่เกลี้ยกล่อมอีก
ตรงกันข้าม มีพวกเขาควบคุมสถานการณ์ เรื่องคอขาดบาดตายไม่มีทางเกิดขึ้นแน่
เพียงแต่พวกเขาอดกังวลไม่ได้ หลายปีมานี้บุตรนรกฝึกอย่างหนักในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิมาโดยตลอด พวกเขาต่างเห็นและรู้ดีว่ายามนี้บุตรนรกแข็งแกร่งเพียงใด
ทว่าศักยภาพของหลินสวินเป็นอย่างไรนั้น พวกเขากลับแทบไม่รู้เลย สามารถดูออกเพียงว่า เขาเองก็ก้าวสู่ระดับมกุฎอริยะแล้วเช่นกัน รากฐานพลังไม่ธรรมดา
“ฆ่า!”
ในสังเวียนเทพมารบุตรนรกแทบอยากลงมือทันที เขาอดกลั้นไม่ไหวแล้ว ไอสังหารพวยพุ่งถึงที่สุด
“ช้าก่อน”
แต่จู่ๆ หลินสวินกลับพูดขึ้น
เงาร่างของบุตรนรกชะงักไป พูดด้วยสีหน้าเย็นเยียบ “ทำไม เดินขึ้นสังเวียนแล้วเกิดกลัวหรือ ไม่เจอกันหลายปี ความกล้าของเจ้าเทพมารหลินเปลี่ยนเป็นน้อยลงหรือไร”
หลินสวินยิ้มน้อยๆ “ในใจเจ้าคงรู้ดีว่า ไม่ว่าใครชนะล้วนไม่สามารถตัดสินเป็นตายได้ แน่นอนว่านี่พาให้คนไม่สะใจ ข้ามีข้อเสนอหนึ่ง ก่อนต่อสู้ เจ้ากับข้าเดิมพันกันด้วยสิ่งของสักหน่อยเป็นอย่างไร”
บุตรนรกสายตาวูบไหว เอ่ยว่า “ได้!”
เรื่องดีเช่นนี้เขาจะไม่ตอบรับได้อย่างไร
ฮูม…
หลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง กระบี่ยอดสังหารที่ดุจดั่งมีแม่น้ำนรกสีโลหิตไหลเวียน กับโล่สำริดลายพร้อยที่ย้อมด้วยคราบเลือดชิ้นหนึ่งพลันปรากฏขึ้น
จากนั้นเขายิ้มพูด “หากข้าแพ้ สมบัติสองชิ้นนี้ก็จะคืนสู่เจ้า หากข้าชนะ ก็ส่งกาหลอมจิตจักรพรรดินรกในตัวเจ้ามาเป็นอย่างไร”
“ต่ำช้า!”
บุตรนรกโกรธจนแทบระเบิด กระบี่ยอดสังหารกับโล่สำริดล้วนเป็นสมบัติของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่ถูกหลินสวินชิงไปในปีที่อยู่แดนมกุฎ
ตอนนี้อีกฝ่ายกลับจะใช้มันเป็นของเดิมพันอย่างหน้าไม่อาย แผนการชั่วร้ายเพียงใด!?
สิ่งที่ทำให้เขาทนไม่ได้ที่สุดคือ เจ้าสวะนี่ถึงกับหมายตากาหลอมจิตของเขา นี่เป็นถึงไพ่ตายและที่พึ่งที่ใหญ่ที่สุดในมือเขา!
“กระบี่ยอดสังหารกับโล่ธารโลหิต นี่เป็นถึงสมบัติคู่กายของจักรพรรดินรกเลือดทมิฬก่อนจะก้าวสู่ระดับจักรพรรดิ ฮ่า คราวนี้ในที่สุดข้าก็เชื่อแล้วว่าเจ้าเด็กหลินสวินนี่เคยเอาชนะบุตรนรกมาจริงๆ”
ซุ่นจี้เบิกบานขึ้นมาทันที
สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ ก็มีสีหน้าแปลกประหลาด แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางไม่รู้จักกระบี่ยอดสังหารและโล่ธารโลหิต
“ทำไม เจ้าไม่กล้าหรือ”
หลินสวินพูดง่ายๆ แต่กลับแฝงความดูถูก
บุตรนรกสูดหายใจาลึกหลายครั้ง เมื่อพลิกฝ่ามือพลันปรากฏกระบี่เทพดำสนิททั้งเล่ม มีประกายเทพสีดำน่ากลัวพลุ่งพล่าน มีเสียงเทพมารคำรามร่ำไห้อยู่รางๆ ปรากฏเป็นภาพนรกเซินหลัว
เขาพูดเสียงเย็น “กาหลอมจิตจักรพรรดินรกเป็นสมบัติระดับใด จะเอามาเป็นของเดิมพันตามอำเภอใจได้อย่างไร แต่มีกระบี่นี้อยู่ก็เพียงพอแล้ว!”
กระบี่อเวจี!
พวกซุ่นจี้ ฮูหยินมู่ต่างหวั่นไหว
กระบี่นี้เหมือนกับกระบี่ยอดสังหาร ล้วนเป็นสมบัติอริยะฟ้าประทานที่น่ากลัว ว่ากันว่าถือกำเนิดในแดนนรก พลังสังหารสามารถทำให้เทพผีตะลึง
ศัตรูที่ถูกกระบี่นี้สังหาร จิตวิญญาณจะถูกกักขังไว้ใน ‘นรก’ ตลอดกาล ได้รับความทรมานอย่างเจ็บปวดที่สุด
กระบี่อเวจีก็เป็นกระบี่คู่กายของจักรพรรดินรกเลือดทมิฬเช่นเดียวกัน
หลินสวินตาเป็นประกาย ลอบถอนหายใจในใจ คนอย่างพวกบุตรนรก ต่อให้สมบัติบนร่างมีไม่มาก ทว่าสำหรับตน เจ้าหมอนี่กลับเหมือนเด็กส่งสมบัติคนหนึ่ง สามารถนำพาความประหลาดใจมาให้ตนได้ทุกครั้งไป
“ดี ก็เดิมพันด้วยกระบี่นี้แล้วกัน”
หลินสวินตอบรับว่องไวโดยไม่คิดด้วยซ้ำ
“หึ แต่ข้ารู้สึกว่ายังไม่พอ”
บุตรนรกพูดเสียงเย็น “อีกเดี๋ยวไม่ว่าใครแพ้ก็ต้องคุกเข่าโขกหัว ตบหน้าตัวเอง เจ้ากล้าพนันหรือไม่”
เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็รู้ดีกว่ามีสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านี้อยู่ ต่อให้ครั้งนี้เขาอยากสังหารหลินสวินแค่ไหนก็ทำไม่ได้
แต่ถ้าสามารถเหยียบหลินสวินไว้ใต้ฝ่าเท้า เยาะเย้ยไม่จำกัด ก็พอจะระบายความแค้นเก่าก่อนได้บ้าง
“เจ้าแน่ใจหรือ เจ้ากังวลเล็กน้อยว่าหากเจ้าแพ้แล้วจะเบี้ยว”
หลินสวินสีหน้าราบเรียบไร้อารมณ์
“มีคนมากมายขนาดนี้ดูอยู่ เจ้าคิดว่าข้าจะเบี้ยวหรือ”
บุตรนรกสีหน้าเย็นเยียบ แค้นจนกัดฟัน
พูดยังไม่ทันจบเขาก็กดไอสังหารในใจไม่อยู่แล้ว ออกโจมตีอย่างเหี้ยมหาญ
อานุภาพของเขาราวกับสีเลือดพลุ่งพล่าน แฝงอานุภาพบ้าบิ่น กำเริบเสิบสาน และรุนแรงไร้ที่เปรียบ ทลายการพันธนาการของห้วงอากาศ ทะลวงสังหารเข้ามา!
ตูมโครม!!
ชั่วขณะนั้นฟ้าดินเปลี่ยนสี ถูกไอสังหารน่ากลัวปกคลุม บุตรนรกในตอนนี้ดุจดั่งเทพชั่วร้ายพลิกฟ้าที่เดินออกมาจากนรก พลานุภาพปกคลุมฟ้าดิน
ในฝ่ามือของเขา ประทับใหญ่ที่พร่างพราวดุจกระจกสีเลือดกดทลายอากาศ
เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าต่างนัยน์ตาหดรัด เป็นพลังที่แข็งแกร่งมาก นี่ก็คือพลังแห่งมกุฎอริยะแท้ที่สร้างวิชาแห่งตนหรือ
หลินสวินไม่ถอยไม่หลบ เงาร่างพลิ้วลอยผะแผ่ว กดฝ่ามือลงง่ายๆ
ตึง!
เสียงปะทะสะเทือนหูดังขึ้น ฟ้าดินกึกก้อง แสงมรรคสั่นไหว
ภาพน่าตกใจปรากฏขึ้นแล้ว พลังฝ่ามือของหลินสวินดูเหมือนเรียบง่ายและลวกๆ อย่างที่สุด แต่ในชั่วพริบตาก็ตบประทับกระจกสีเลือดที่โจมตีเข้ามากระเด็นแล้ว
ส่วนเงาร่างที่พุ่งมาอย่างรวดเร็วของบุตรนรก ก็เหมือนเจอภูเขาลูกใหญ่ผลักออก พลันส่ายไหวกลางอากาศ เกือบจะเซถอยหลังไป
“เอ๋!”
พวกซุ่นจี้ ฮูหยินมู่ต่างแปลกใจ ดวงตาเผยแววประหลาด
ฝ่ามือแรกที่ประมือกันเท่านั้น กลับมีอานุภาพระดับนี้ นี่ไม่ใช่หมายความว่า เจ้าเด็กหลินสวินคนนี้ก็ไม่ใช่บุคคลระดับมกุฎอริยะทั่วไปหรอกหรือ
——
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท