กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ – บทที่ 67

บทที่ 67

หม่ากงกงกล่าวด้วยความกังวลว่า “ในการประลองหมากรุกรอบต่อไป ปรมาจารย์หมากรุกได้ออกหมากรุกหลิงหลงกระดานหนึ่ง เพียงแค่มีผู้ที่อยู่ในที่นี้สามารถล้มหมากรุกหลิงหลงของปรมาจารย์หมากรุกได้จะถือว่าผู้นั้นชนะ”

กู้ชูหน่วนเกาหูไปมาแล้วกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “ผู้ท้าดวลไม่ใช่ข้าหรือ? เหตุใดถึงได้กลายเป็นท่านผู้เฒ่าเสียหล่ะ?”

“เอ่อ……”

หม่ากงกงอยากจะตบนางให้ตื่น

หมากรุกหลิงหลงกระดานนี้ของปรมาจารย์หมากรุกไม่เคยมีผู้ใดสามารถล้มได้มาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว ครั้งนี้ปรมาจารย์หมากรุกมาที่สำนักศึกษาวังหลวงคาดว่ามาแข่งหมากล้อมกับท่านอาจารย์ซั่งกวน ท่านอาจารย์ซั่งกวนไม่รับคำเชิญท่านปรมาจารย์หมากรุกจึงได้เข้าร่วมการชุมนุมแข่งขันวิชาการเพื่อดูว่ามีผู้ใดสามารถล้มได้หรือไม่

เกมหมากรุกนี้แม้ว่าท่านอาจารย์ซั่งกวนและคุณชายอี้จะเล่นพร้อมกันก็อาจจะไม่สามารถล้มมันได้ คุณหนูสามก็หยิ่งทะนงเกินไปแล้ว

ปรมาจารย์หมากรุกลูบเคราขาวโพลนของเขาและหัวเราะเสียงดัง “แม่สาวน้อยข้าไม่เอาเปรียบเจ้าหรอก เพียงแค่เจ้าสามารถรุกหมากรุกสามก้าวได้เกมนี้ก็ถือว่าเจ้าชนะ”

“ท่านผู้เฒ่า ท่านคงไม่ได้ลืมว่าท่านก็เป็นผู้พ่ายแพ้ต่อข้า เงินหนึ่งแสนตำลึงที่ท่านติดค้างข้าจะให้ข้าเมื่อใด”

ท่านผู้เฒ่าหมากรุกสำลัก หยิบเงินหนึ่งแสนตำลึงจากอ้อมอกออกมาด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นแล้วโยนให้นางอย่างไม่พอใจ “เมื่อครู่ประมาทไปหน่อย คราวนี้ข้าจะดูซิว่าเจ้าจะล้มอย่างไร”

“ท่านผู้เฒ่า ไม่ใช่ว่าท่านไม่สามารถล้มหมากรุกหลิงหลงได้ด้วยตัวเองดังนั้นจึงได้ใช้พวกเราเป็นหนูทดลองหรอกนะ”

เมื่อถูกสะกิดกลางใจใบหน้าของปรมาจารย์หมากรุกก็หมองคล้ำในทันที เขายืนกรานเสียงแข็งว่า “ไร้สาระ ข้าเป็นปรมาจารย์หมากรุกอันดับหนึ่งของใต้หล้า ในโลกนี้มีหมากรุกใดที่ข้าไม่สามารถแก้ได้ ข้าเพียงแค่ถอนหายใจว่าใต้หล้านี้กว้างใหญ่แต่กลับไร้ซึ่งคู่ต่อสู้เท่านั้นเอง”

กู้ชูหน่วนทิ้งสายตาชวนสงสัยไว้ให้เขาจนทำให้ปรมาจารย์หมากรุกเกือบจะกระโดดขึ้น

“เคารพผู้อาวุโสและรักใคร่เอ็นดูผู้อ่อนกว่าเป็นคุณธรรมดั้งเดิมของจีน ข้าก็จะไม่เอาเปรียบท่านผู้เฒ่าเช่นท่าน ผู้ท้าดวลก็ยังคงเป็นข้า พวกท่านทั้งห้าคนรุกข้า ผู้ใดสามารถเอาชนะข้าได้กระดานนี้ก็จะถือว่าผู้นั้นชนะ”

“น้ำเสียงช่างบ้าบิ่น ได้ งั้นข้าจะเดิมพันกับเจ้าอีกครั้ง หากว่าเจ้าพ่ายแพ้แล้วข้าจะให้เจ้าเป็นผู้รับใช้เก็บหมากรุกของข้าไปยี่สิบปี”

“ได้ หากว่าท่านพ่ายแพ้ ข้าก็จะไม่เอาเงินของท่าน ท่านคารวะข้าเป็นอาจารย์เถอะ ข้ายอมรู้สึกไม่เป็นธรรมเล็กน้อยเพื่อเป็นอาจารย์ของท่าน”

บ้าบอ ช่างบ้าบอยิ่งนัก

ใต้หล้านี้กลับมีผู้ที่กล้าประลองหมากรุกกับปรมาจารย์หมากรุกแล้วยังกล้าที่จะให้ปรมาจารย์หมากรุกเป็นลูกศิษย์

กู้ชูหน่วนรู้หรือไม่ว่าความเชี่ยวชาญด้านหมากรุกของปรมาจารย์หมากรุกนั้นมากเท่าใด?

ซั่งกวนฉู่มองกู้ชูหน่วนอย่างสนใจราวกับว่าจะมองนางให้ทะลุปรุโปร่ง

อี้เฉิงเฟยจับโต๊ะแน่นจนเห็นนิ้วกระดูกข้อต่อมือชัดเจนพร้อมกับความสงสัยที่ผ่านดวงตาไป

นิสัยของอาหน่วนแปรเปลี่ยนไปมากเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?

ลักษณะโอหังเช่นนี้ไม่เหมือนนิสัยอันสงบนิ่งแต่ก่อนของนางเลย

จักรพรรดิเยี่ยทรงมัวแต่ทอดพระเนตรไปที่การแสดงออกอย่างมั่นใจของกู้ชูหน่วนและรู้สึกไม่มั่นพระทัยอยู่บ้าง

นางคงจะไม่เหมือนเช่นเมื่อครู่นี้ที่มีสามารถมากมายเช่นนั้นหรอกนะ?

เสี่ยวหลี่จือข้างพระวรกายของจักรพรรดิเยี่ยกล่าวเอาอกเอาใจว่า “ฝ่าบาททรงมิต้องเป็นกังวลพ่ะย่ะค่ะ ท่านปรมาจารย์หมากรุกมีชื่อเสียงร่ำลือไปทั่วโลกและหมากรุกหลิงหลงเป็นหมากรุกที่ตกทอดมาแต่โบราณซึ่งร้อยๆปีมานี้ไม่มีผู้ใดสามารถล้มได้ ไม่ว่าคุณหนูสามจะเก่งกาจเพียงใดหรือว่าจะยังสามารถเอาชนะปรมาจารย์หมากรุกได้หรือ เมื่อครู่ที่นางชนะก็เป็นเพียงแค่ความบังเอิญเท่านั้น”

เสี่ยวหลี่จือพูดเช่นนี้จักรพรรดิเยี่ยก็รู้สึกสบายพระทัยขึ้นมาทันที

พระองค์ทรงกังวลสิ่งใด?

แม้แต่คุณชายรองเซี่ยวก็ไม่สามารถล้มหมากรุกหลิงหลงได้ กู้ชูหน่วนผู้โง่เง่าจะล้มได้เช่นไรพ่ะย่ะค่ะ

ดอกโบตั๋นเมื่อครู่นั้นต้องเป็นมนต์ปีศาจของนางเป็นแน่

ท่านอาจารย์สวีต้องการชกกู้ชูหน่วนให้ตาย

ไร้ซึ่งความสามารถนั้นยังจะกล่าวโอ้อวดใด ชื่อเสียงของสำนักศึกษาวังหลวงจะต้องถูกนางทำลายย่อยยับเป็นแน่

ปรมาจารย์หมากรุกอดหัวเราะอย่างขมขื่นไม่ได้ “แม่สาวน้อย เจ้าเป็นคนแรกที่กล้าบ้าบิ่นเข่นนี้กับข้า ข้ารับคำท้าแล้วเจ้าก็รอเป็นลูกมือหมากรุกของข้าไปยี่สิบปีเถอะ”

เจ๋ออ๋องหัวเราะเยาะ “ไม่รู้จักดูกำลังตน”

เนื่องจากเขาถูกผึ้งมากมายต่อยหน้าบวมจนมองลักษณะเดิมไม่ออกโดยเฉพาะปากที่บวมราวกับไส้กรอกนั้น บอกว่าดูแย่เท่าใดก็ดูแย่เท่านั้น

อาจเป็นเพราะบวมมากซะจนแม้แต่พูดจาเจ๋ออ๋องก็รู้สึกเจ็บปวดเหลือทน เสียงที่เปล่งออกมาก็งึมงำฟังไม่ชัด

กู้ชูหน่วนพร่ำบ่นขึ้น “ช่างเป็นใบหน้าที่น่าเกลียด เฮ้อ โชคดีที่งานหมั้นได้ยกเลิกแล้วมิเช่นนั้นข้าคิดว่าจะต้องอาเจียนอยู่ทุกวี่วัน”

เจ๋ออ๋องโมโหเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

นางซึ่งเป็นแม่สาวอัปลักษณ์ยังรังกียจที่เขาอัปลักษณ์?

“หากเจ้ามีความสามารถก็ถอดผ้าคลุมหน้าออก ปกปิดเอาไว้ด้วยเหตุอันใด”

หมายเหตุ

หมากรุกหลิงหลง หมากรุกในสมัยโบราณ

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท