กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ – บทที่ 92

บทที่ 92

“เป็นอี้เฉินเฟยจริงๆ ข้าเคยเห็นภาพวาดของเขามาก่อน ข้ามั่นใจว่าเป็นเขา”

“เซียนกวีเป็นเทพบุตรของข้า ไม่กล้าคิดเลยว่าจะเห็นเขาในหอบุปผาจริง”

“หญิงสาวที่อยู่ข้างๆเขาเป็นใคร? ดูเหมือนว่าจะมีภูมิหลังไม่น้อย”

“พวกเจ้าว่าหากคุณหนูสามตระกูลกู้กับเซียนกวีปะทะกันผู้ใดจะเก่งกว่ากัน? บทกวีที่คุณหนูสามตระกูลกู้แต่งในการแข่งขันชุมนุมวิชาการได้เป็นที่รู้จักกันไปทั่วทั้งใต้หล้าและเป็นเรื่องราวที่น่ายกย่องกันไปแล้ว”

“อันนี้ก็พูดยาก กวีของเซียนกวีดีแต่กวีของคุณหนูสามตระกูลกู้ก็ดีเช่นกัน”

กระดูกนิ้วมืออันชัดเจนของกู้ชูหน่วนเคาะโต๊ะซ้ำแล้วซ้ำอีก จากนั้นเอียงศีรษะแล้วยิ้ม “ถูกจำได้เสียแล้ว เจ้ายังจะเล่นอยู่หรือไม่?”

“เป็นการยากที่คุณหนูสามตระกูลกู้จะอารมณ์สุนทรีเช่นนี้ ข้าจะขัดอารมณ์อันสุนทรีของท่านได้อย่างไร”

กล่าวจบอี้เฉินเฟยก็ลุกขึ้น ยืมฉินจากนักดีดฉินแล้วเดินอุ้มพิณมั่วไปนั่งลงยังที่สูงอันสง่า

นิ้วอันขาววางราบอยู่บนมั่วฉิน เงยศีรษะจากนั้นอี้เฉินเฟยก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย ดวงตาคู่สดใสนั้นถูกสะท้อนไปด้วยรอยยิ้มอันเกียจคร้านของกู้ชูหน่วน

ผู้คนทั้งหอไร้กังวลต่างก็ให้ความสนใจและมองไปยังอี้เฉินเฟยบนแท่นสูงด้านบนทีละคนๆ

กลับได้เห็นมือของอี้เฉินเฟยยกขึ้นอย่างเบาพร้อมเสียงตึงเสียงหนึ่ง เสียงอันไพเราะใสกระจ่างชัดได้ดังขึ้น

แค่เสียงทดสอบเสียงหนึ่งก็ทำให้ทุกคนรู้สึกตื่นตาตื่นใจ

ไม่ทันรอให้ทุกคนตอบสนองเสียงอันไพเราะนั้นค่อยๆไหลรื่นออกมาจากสายฉิน บางครั้งเสียงสูงและตื่นเต้นราวกับม้าหลายพันตัวที่เหยียบกีบเหล็กควงมีดต่อสู้กัน เสียงอันดังถูกกรีดร้องออกมาพร้อมกับเลือดที่สูบฉีดขึ้น

บางครั้งก็ทุ้มต่ำไพเราะราวกับคู่สามีภรรยาที่ห่างหายกันไปเนิ่นนานแล้วกลับมาพบกันอีกครั้งด้วยความรักความคิดถึงอันไม่รู้จบ

บางครั้งก็บางเบาสว่างไสวราวกับสายลมอ่อนๆที่พัดผ่านป่าไผ่เขียวขจีทำให้ผู้คนรู้สึกสุขใจยิ่งนัก

เสียงฉินของเขาไพเราะเกินไปและทุกคนก็ตกเข้าไปอยู่ในเสียงฉินอันลุ่มลึกนั้น อารมณ์แปรเปลี่ยนไปตามเสียงฉินที่ไม่ขาดสายของเขา

กู้ชูหน่วนด้านหนึ่งดื่มสราอย่างเกียจคร้านพร้อมกับด้านหนึ่งที่มองไปยังอี้เฉินเฟย

เขาแต่งกายด้วยชุดสีขาวดังไร้วิญญาณอยู่ในทางธรรมพร้อมมือธรรมดาทั้งคู่นั้นดึงสายออกเบาๆ ราวกับว่าจะผสานรวมกันเป็นหนึ่ง

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดกู้ชูหน่วนได้ยินความเศร้าโศกอยู่บ้าง ได้ยินความสิ้นหวังอยู่บ้าง ความจนใจอยู่บ้างและความกังวลอยู่บ้างจากเสียงฉินอันราบเรียบของเขา

เขา……

กำลังเป็นห่วงผู้ใดอยู่?

เหตุใดฟังเสียงฉินของเขาแล้วใจของนางถึงได้หนักอึ้งเช่นนั้น?

อี้เฉินเฟย……

เขาเป็นคนเช่นไรกันแน่?

“ก็งั้นๆ หอไร้กังวลยังมีนักดีดฉินผู้หนึ่งซึ่งเล่นได้ดีกว่าเขามากนัก” เซี่ยวอวี่เซวียนอิจฉา อี้เฉินเฟยหน้าตาดีก็ช่างเถอะเหตุใดถึงเล่นฉินได้ดีเช่นนี้นะ?

“โอ้……ก็แค่หอไร้กังวลยังมีนักดีดฉินที่เล่นได้ดีกว่าเขาหรืออีกหรือ?”

กู้ชูหน่วนไม่เชื่อ

ด้วยเสียงฉินของอี้เฉินเฟยสามารถกล่าวได้ว่า…..เป็นบทเพลงจากฉินที่ดีที่สุดที่นางเคยได้ยินมา

“เหตุใดเจ้าถึงไม่เชื่อ? ทั่วทั้งเมืองหลวงผู้ใดไม่รู้ว่าเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหอไร้กังวลมีนักดีดฉินใหม่มาคนหนึ่ง เพลงทุกเพลงที่เล่นสามารถทำให้ทุกคนประหลาดใจแต่น่าเสียดายที่เขาเล่นเพียงแค่เพลงเดียวทุกคืน”

กล่าวแล้วเซี่ยวอวี่เซวียนก็หันไปหามองดูนักดีดฉินแต่กลับเห็นคนคุ้นเคยผู้หนึ่งนั่งหลังตรงอยู่

“เยี่ยเฟิง เหตุใดเขาถึงได้อยู่ที่นี่?”

กู้ชูหน่วนมองตามสายตาของเขาที่มองไป ที่แท้……

เยี่ยเฟิงสวมเสื้อผ้าของนักดีดฉินราวกับว่าจะจากไป

กู้ชูหน่วนรีบตะโกน “แม่เล้า ข้าต้องการให้ชายผู้นั้นดื่มเป็นเพื่อนข้า”

“ท่านพี่หญิงต้องขออภัยจริงๆ เขา……เขาไม่ได้ดื่มเป็นเพื่อน”

“พรึ่บ……”

กู้ชูหน่วนโยนเงินอีกหนึ่งแสนตำลึงถ้วนไป “คืนนี้ข้าต้องการให้เขาดื่มเป็นเพื่อนข้า”

แม่เล่ารีบเก็บเงินหนึ่งแสนตำลึงไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านในอย่างรวดเร็วโดยที่ยิ้มจนดวงตาเป็นเส้นบางเล็กๆ “ท่านพี่หญิงวางใจได้วันนี้ข้าจะให้เขาอยู่เป็นเพื่อนท่านเป็นแน่”

พูดยังไม่ทันจบแม่เล้าก็เดินสามก้าวในสองก้าว วิ่งไปหาเยี่ยเฟิงแล้วขวางทางเดินของเขาเอาไว้

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท