องค์หญิงตังตังสังเกตว่าทุกคนมองนางด้วยสายตาอันแปลกประหลาดจึงรู้สึกได้เพียงความอับอายขายหน้าแทบแย่
“กู้ชูหน่วนเจ้าพูดเรื่องบ้าอันใด ระดูข้ามาเมื่อใดกัน”
กู้ชูหน่วนทำปากจู๋อยู่ด้านหลังของนาง “กระโปรงตรงก้นเปื้อนเลือดหมดแล้วหรือว่าท่านได้รับบาดเจ็บหรือ?”
องค์หญิงตังตังมองไปยังด้านหลัง จริงตามนั้นกระโปรงขาวราวกับหิมะของนางเปื้อนเลือดหยดหนึ่ง มีเพียงแค่หยดเดียวเท่านั้นหากไม่ได้สังเกตโดยละเอียดนั้นดูไม่ออกเลยจริงๆ
แต่ว่าเพียงแค่เลือดหยดหนึ่งนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้นางล้มทั้งยืน ยิ่งกว่านั้นคำพูดของกู้ชูหน่วนก็พูดตรงไม่น่าฟังเช่นนั้น องค์หญิงตังตังอับอายยิ่งนักโดยตะคอกเสียงดังแทบเป็นแทบตาย “อ๊า……”
หันศีรษะแล้วนางก็วิ่งพรวดออกไปทางด้านนอก
กู้ชูหน่วนขวางทางไปของนางในเวลาอันเหมาะแล้วกล่าวด้วยเสียงหัวเราะว่า “เพคะ ร้อยใบก็พอแล้ว ข้าจะให้ท่านอีกหนึ่งร้อยใบ ไม่ต้องขอบคุณแค่นำจี้หยกออกมา”
องค์หญิงตังตังไม่ต้องการมอบให้นาง แม้ว่านางจะไม่ชอบจี้หยกนี้แต่เสด็จแม่ถือว่าเป็นสมบัติอันเป็นที่รักและสั่งให้นางสวมใส่บนร่างทุกวันพร้อมกับทุกครั้งที่พบเสด็จแม่เสด็จแม่ก็จะทรงตรวจสอบว่าจี้หยกยังอยู่หรือไม่
หากถูกเสด็จแม่ทรงรู้เข้าว่านางเดิมพันจี้หยกแพ้ นางจะไม่ถูกเฆี่ยนตีจนตายเลยหรือ
กู้ชูหน่วนยิ้มดูถูก “องค์หญิง ท่านคงไม่ได้คิดที่จะบิดพลิ้วหรอกนะ?”
กู้ชูหน่วนและเซี่ยวอวี่เซวียนคนหนึ่งหน้าคนหนึ่งหลังโดยปิดถนนตายเอาไว้รวมถึงมีผู้คนจำนวนมากยังคงเฝ้าดูอยู่โดยรอบ ใบหน้าขององค์หญิงตังตังก็เร่าร้อนเสียจนไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นจึงทำได้เพียงถอดจี้หยกที่เอวอย่างเสียดายจากนั้นก็โยนให้กู้ชูหน่วนอย่างขุ่นเคือง
“ก็เพียงแค่หยกชิ้นหนึ่งใช่ว่าข้าจะไม่มีให้”
กู้ชูหน่วนรับจี้หยกมาด้วยมืออันเบา หยกจันทร์เสี้ยวราวกับว่ามีพลังวิเศษบางอย่าง เพียงแค่กุมหยกเอาไว้ในมือความอบอุ่นนั้นได้แผ่ซ่านไปยังแขนขาทั้งสี่ซึ่งช่างสบายยิ่งนัก
เซี่ยวอวี่เซวียนยกมามอบให้แล้วกล่าวด้วยความสงสัยว่า “แม่สาวอัปลักษณ์ข้าดูแล้วก็ไม่เห็นว่าหยกชิ้นนี้จะมีสิ่งใดพิเศษเลย เหตุใดเจ้าถึงใช้เงินจำนวนมากเช่นนั้นไปเดิมพันเพื่อหยกชิ้นนี้?”
กู้ชูหน่วนเก็บหยกจันทร์เสี้ยวเอาไว้ในอกและไม่ให้โอกาสเขาได้ดูอย่างละเอียดจากนั้นก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ก็บอกแล้วว่าทองเป็นพันก็ซื้อความชอบของข้าได้ยาก”
แม้ว่าจะอยู่ในสำนักศึกษาแต่นางก็รู้สึกอยู่เงียบๆว่ามีสายตาไม่น้อยจ้องสำรวจหยกจันทร์เสี้ยวในมือของนางอยู่
รวมทั้ง……เยี่ยเฟิง
เยี่ยเฟิงเปลี่ยนเป็นเครื่องแต่งกายของสำนักศึกษาหลวง ชุดทั้งร่างเป็นสีฟ้าขาวบรรจบกันทำให้ดูสูงส่งสง่างามและรูปร่างหล่อเหลาอย่างสุดที่จะพรรณนาออกมาได้
หากว่าเขาเกิดความคิดก็ไม่รู้ว่าเขาสงสัยในหยกจันทร์เสี้ยวหรือไม่
“อาจารย์ซั่งกวนมาถึงแล้ว……”
ทุกๆคนรีบลุกขึ้นและส่งเสียงพร้อมกัน “สวัสดีท่านอาจารย์”
ก่อนที่อาจารย์ซั่งกวนจะกล่าวกู้ชูหน่วนได้มอบภาพวาดไปถึงยังตรงหน้าเขาแล้วกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ ภาพวาดที่ท่านได้ให้ข้าวาดหนึ่งร้อยรอบข้าๆได้วาดเสร็จแล้ว โปรดตรวจสอบด้วย”
มือเรียวราวของซั่งกวนฉู่พลิกภาพกองใหญ่พร้อมดวงตาอันอบอุ่นของก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย ราวกับว่าคิดไม่ถึงว่านางจะวาดภาพร้อยภาพจริงๆ และแต่ละภาพก็เหมือนกันทุกประการ
เพียงแต่ว่ารอยยิ้มบนภาพวาดเหตุใดถึงแฝงด้วยความโหดร้ายท่ามกลางความอบอุ่น?
“ท่านอาจารย์ ท่านดูสิว่าข้าทำงานที่ได้รับมอบหมายเรียบร้อยแล้ว บัญชีของเราควรจะลบล้างกันหมดแล้วหรือไม่”
ซั่งกวนฉู่ค่อยๆเข้ามาถึงยังตรงหน้ากู้ชูหน่วน มืออันขาวยกกระดานไม้ใต้โต๊ะของนางขึ้นจากนั้นตรงมุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มที่ยิ้มราวกับไม่ยิ้มขึ้น
“ความคิดอันแปลกของคุณหนูสามไม่เลว”
“ท่านไม่ได้บอกว่าห้ามใช้ไม้แกะสลักมาคัดลอก ดังนั้นข้าก็ไม่ถือว่าทำผิดข้อบังคับใช่หรือไม่”
ทุกๆคนต่างละอายใจ
ไม้นี้ของคุณหนูสามตระกูลกู้ก็ไม่มีผู้ใดเอาความผิดได้
ใช้ไม้แกะสลักคัดลอกมีแต่นางที่สามารถคิดออกมาได้
ไม่รู้ว่าในสมองของนางมีสิ่งใดอยู่ ความคิดแปลกประหลาดเช่นนี้ก็สามารถคิดออกมาได้
แท้จริงแล้ว……
อาจารย์ซั่งกวนหาความผิดของนางไม่พบจึงทำได้เพียงกล่าวอย่างเชื่องช้าว่า “วิชาเรียนในช่วงบ่ายของข้ายกเลิก หัวหน้าสำนักศึกษาและปรมาจารย์หมากรุกจะมาอธิบายหลักการหมากรุกให้ทุกคนฟัง