กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ – บทที่ 228

บทที่ 228

เยี่ยเฟิงปิดปากและไอเบา ๆ หน้าตาอันหล่อเหลาของเขาดูเก้อเขิน

เมื่อเห็นท่าทางของเขา กู้ชูหน่วนก็อยากจะเป็นลม

“ไม่ใช่ว่าเจ้าก็ไม่มีเงินนะ?”

“นี่……ต้องขอโทษด้วย ครอบครัวของข้ายากจนและไม่ค่อยมีเงิน”

กู้ชูหน่วนพูดไม่ออกอยู่ชั่วขณะหนึ่ง

มีต้นหลิวอยู่ข้าง ๆ โรงเตี๊ยม

กู้ชูหน่วนและพวกเขาไม่ได้กินอาหารมาหลายวันหลายคืนแล้ว อีกทั้งยังเดินทางไกล ทั้งสามคนต่างเหนื่อยล้าและอ่อนแรง จึงหาก้อนหินสองสามก้อนเพื่อนั่งพักผ่อน

เดิมทีพวกเขาเพียงแค่ต้องการพักผ่อนสักครู่ แล้วค่อยคิดหาวิธีอื่นในการหาเงิน

แต่ไม่คิดว่าเมื่อผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาบนถนนเห็นพวกเขาทั้งสามคน ต่างก็พากันส่ายหัวและถอนหายใจ จากนั้นก็โยนเงินหนึ่งอีแปะสองอีแปะให้พวกเขา เพราะคิดว่าพวกเขาเป็นขอทาน

กู้ชูหน่วนและพวกเขาตกทุกข์ได้ยากอีกครั้ง

ฝูกวงยืนขึ้นและกล่าวอย่างเป็นกังวล “นายท่าน ข้าน้อยจะไปหาอะไรมาให้ท่านกิน”

เยี่ยเฟิงก็ยืนขึ้นเช่นกันและกล่าวอย่างเก้อเขิน “ข้าจะไปดูว่าพอจะมีอะไรที่จะทำได้บ้าง ต้องไปหาเงินมาเลี้ยงปากท้องก่อน”

ถูกผู้คนเข้าใจผิดว่าเป็นขอทาน หากยังปล่อยให้ผู้อื่นให้ทานพวกเขาอีก เรื่องเช่นนี้ พวกเขาไม่สามารถทำได้

กู้ชูหน่วนยื่นมือไปดึงพวกเขาไว้และไม่ให้พวกเขาไป จากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไปหางานอะไร ไปหาอาหารอะไร นั่งลง ไม่เห็นหรือว่าผู้คนที่นี่มีน้ำใจต่อพวกเรามากแค่ไหน?”

ด้วยแรงที่ดึงไว้ พวกเขาทั้งสองคนจึงถูกดึงให้นั่งลง

“เคร้ง……”

หญิงชราผมหงอกคนหนึ่งโยนเงินลงตรงหน้าพวกเขาสามอีแปะและถอนหายใจ “อายุยังน้อยแต่ต้องขาเป๋ ช่างน่าสงสาร เอาไปซื้ออะไรกินเถอะ”

“ขอบคุณท่านยาย” กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างอ่อนหวานและหยิบเงินสามอีแปะขึ้นมา

“เคร้ง……”

มีอีกคนหนึ่งโยนเงินมา เขาจ้องมองไปที่ฝูกวงและเยี่ยเฟิงอย่างดูถูกเหยียดหยาม

“ไม่ได้แขนขาขาด แต่มาเป็นขอทานที่นี่ ไม่ละอายใจบ้างหรือ ไม่เหมือนสาวน้อยผู้นี้ ที่นางขาเป๋ไปข้างหนึ่ง”

ฝูกวงและเยี่ยเฟิงงุ่นง่านไม่เป็นสุข

พวกเขาไม่สามารถนั่งนิ่ง ๆ ได้ และเมื่อพวกเขากำลังจะลุกขึ้น กู้ชูหน่วนก็ดึงพวกเขาให้นั่งลงอีกครั้ง

“นายท่าน นี่มันน่าอับอายเกินไปแล้ว” ฝูกวงคัดค้าน

“น่าอับอายตรงไหน?คนหนึ่งเต็มใจให้ อีกคนหนึ่งเต็มใจรับ พวกเราไม่ได้ไปปล้นชิงพวกเขามา”

“แต่……”

“เด็กดี มาตะโกนเรียกลูกค้า หาเงินให้ได้เยอะ ๆ เย็นนี้พี่จะตามใจเจ้า”

ฝูกวงตกใจมากจนเกือบจะล้มลง

ตามใจเขา?

ตามใจเขาหมายความว่าอย่างไร?ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าตอนท้ายมันเย็นวาบ?

ในขณะที่กู้ชูหน่วนกำลังพูด นัยน์ตาสีขาวดำขนาดใหญ่คู่นั้นก็มองไปที่โรงเตี๊ยมฝั่งตรงข้ามเป็นครั้งคราว

เยี่ยเฟิงมองตามสายตาของนางไป และเห็นชาวยุทธภพเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมเป็นระยะ ๆ

ตรงตำแหน่งไท่หยาง (บริเวณขมับ) ของพวกเขาแต่ละคนนูนขึ้นมา เพียงแค่มองแวบแรกก็รู้ว่าพวกเขาเป็นยอดฝีมือ

ทำให้เขาต้องชำเลืองตามอง พวกเขาแต่ละคนทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ราวกับกลัวว่าผู้อื่นจะจำพวกเขาได้ เมื่อเข้าไปในโรงเตี๊ยมแล้ว พวกเขาก็เงยหน้าขึ้นและมองไปรอบ ๆ เพื่อดูว่ามีคนน่าสงสัยเห็นว่าพวกเขาเข้ามาในโรงเตี๊ยมหรือไม่

เยี่ยเฟิงใจเต้นแรง

ในบรรดาคนเหล่านี้ เขาจำได้เพียงไม่กี่คน พวกเขาล้วนแต่เป็นคนชั่วช้าสามานย์ และตั้งรกรากอยู่ที่หุบเขากลืนวิญญาณ

พวกเขามาที่นี่ได้อย่างไร?

เมื่อดูจากลักษณะท่าทางของพวกเขาแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาหารือเพื่อวางแผนทำการใหญ่

ฝูกวงหน้าแดงและไม่กล้าที่จะขอทาน

กู้ชูหน่วนจับคางและหาวเป็นครั้งคราว นางเอียงหัวแล้วถามว่า “เจ้าว่า จะมีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้นที่เมืองชิงหงหรือไม่”

“น่าจะเป็นเช่นนั้น” ผู้คนที่เข้าไปในโรงเตี๊ยม ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีอำนาจมาก

หากไม่มีอะไรสำคัญ ยากที่คนธรรมดาทั่วไปจะเชิญพวกเขาทั้งหมดมาได้

“เช่นนั้นเจ้าว่า พวกเราเข้าไปเสริมทัพพวกเขาดีหรือไม่”

เยี่ยเฟิงเข้าใจในทันที สิ่งที่เรียกว่าเสริมทัพนั้นคือการเข้าไปประสมโรง เพื่อสร้างความวุ่นวาย

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท