นัยน์ตาที่นิ่งสงบของเยี่ยจิ่งหานไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
ซูมู่ ชายในชุดสีเขียวครามหัวเราะเยาะเบาๆ
“นิกายเทพอสูร เผ่าปีศาจ แล้วก็มีท่านอีกคน แบ่งเป็นสามก๊กสามเหล่า ต่างฝ่ายต่างไม่รุกรานกัน เมื่อสถานการณ์นี้พังทลาย เสือสองถ้ำคิดจะห้ำหั่นกัน เผ่าเพลิงฟ้าจะต้องเข้ามาฉวยโอกาสอย่างแน่นอน”
“เผ่าเพลิงฟ้าเป็นเผ่าโบราณที่มีอายุนับพันปี มีภูมิหลังที่หยั่งรากลึก หัวหน้าเผ่ามีวรยุทธ์ที่สูงส่งยากจะหยั่งรู้และไม่ได้ด้อยไปกว่าท่าน ในเผ่ายังมีผู้อาวุโสมากมาย มีแม้กระทั่งผู้อาวุโสที่อายุยืนยาวเกินไป ว่ากันว่าผู้นำเผ่าเพลิงฟ้ารุ่นเยาว์เก่งกาจยิ่งกว่าผู้เป็นอาจารย์ วรยุทธ์สูงส่งไม้แพ้กับผู้อาวุโส แม้ว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านจะเก่งกาจ แต่จะเทียบกับพวกเขาได้หรือ”
“ยิ่งไปกว่านั้นอำนาจของเผ่าเพลิงฟ้ายังเป็นสิ่งที่สลับซับซ้อน ทุกรัฐในใต้หล้าล้วนมีอำนาจของพวกเขาแฝงอยู่ รัฐเยี่ย… เหอะ… ถ้าไม่มีท่าน ป่านนี้คงถูกแบ่งแยกดินแดนไปนานแล้ว เพราะมีท่าน จักรพรรดิพระองค์น้อยในจึงยังสงบสุขอยู่ได้”
เยี่ยจิ่งหานกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ข้าว่าเจ้าคงว่างเกินไป”
ซูมู่ลูบแขนเสื้อและนั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้างๆ อย่างเกียจคร้าน จากนั้นจึงกินผลไม้อย่างมีสง่า ที่มุมปากเหมือนจะมีรอยยิ้ม
“ข้าเองก็คิดว่าตัวเองว่างเกินไปเหมือนกัน ขนาดท่านยังไม่กังวล แล้วข้าจะไปกังวลแทนท่านทำไม เพียงแต่ว่า… ท่านจะทำจริงๆ หรือ”
เยี่ยจิ่งหานกับเผ่าเพลิงฟ้ามีความบาดหมางต่อกันอย่างรุนแรงจนอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันไม่ได้
ที่เขาต้องทนทุกข์มากมายขนาดนี้ ที่คนในครอบครัวของเขาต้องล้มตายอย่างอนาถ ทั้งหมดเป็นผลงานชิ้นเอกของเผ่าเพลิงฟ้า
เขาแสร้งทำเป็นล้มหมอนนอนเสื่ออยู่นานหลายปีไม่ใช่เพียงเพื่อทำให้เผ่าเพลิงฟ้าลดความระมัดระวังที่มีต่อเขาลง
ตอนนี้ยากนักที่จะตามหาตัวผู้อาวุโสเผ่าเพลิงฟ้าให้พบ
การเตรียมการเพื่อบุกโจมตีเผ่าเพลิงฟ้าจัดการไว้เรียบร้อยแล้ว แต่เพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียวเขากลับหันไปหาเรื่องกับเผ่าปีศาจ
ฮึ…
“เรื่องของข้า เจ้าอย่ายุ่งให้มาก”
“ก็ได้ๆๆ ข้าไม่ยุ่งละ ข้าจะดูเสือทั้งสามตัวต่อสู้กันอย่างเงียบๆ จะดูสิว่าก่อนที่ขาของท่านจะฟื้นคืนสภาพ ท่านจะปักหลักต่อสู้กับเสือสองตัวอย่างเผ่าปีศาจกับเผ่าเพลิงฟ้าได้อย่างไร”
“นายท่าน คนของเราบุกโจมตีหุบเขาพิศวิญญาณแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ทหารอารักขาปรากฏตัวขึ้นมาเหมือนผี คุกเข่าลงและรายงาน
“นายท่าน เยี่ยเฟิงเข้าไปในหุบเขาพิศวิญญาณเร็วกว่าพวกเราหนึ่งก้าว ตอนนี้กำลังต่อสู้กับคนของเผ่าปีศาจอย่างดุเดือดพ่ะย่ะค่ะ”
“นายท่าน เยี่ยเฟิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้ได้รับความคุ้มครองจากคนของเราเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“นายท่าน คนของเรากำลังต่อสู้ติดพันกับพวกนั้นบนยอดเขาลูกที่ห้า หุบเขาพิศวิญญาณง่ายต่อการป้องกันแต่ยากต่อการโจมตีพ่ะย่ะค่ะ”
ตลอดเวลาที่สถานการณ์สู้รบกำลังดำเนินไป เยี่ยจิ่งหานไม่ได้ขยับตัวเลยแม้แต่นิด
จนกระทั่ง…
“นายท่าน คนของเผ่าเพลิงฟ้าปรากฏตัวขึ้นจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ พวกนั้นถูกจับทั้งหมดตามแผนของเรา แต่น่าเสียดายที่พวกนั้นกัดลิ้นตัวเองจนตายทั้งหมด”
“นายท่าน พระชายาวางแผนหลบหนีไปท่ามกลางความวุ่นวายพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยจิ่งหานมีสีหน้าไม่พอใจ “พระชายาหนีไปงั้นรึ”
“พ่ะย่ะค่ะ พระชายาอาศัยว่าในครรภ์มีท่านอ๋องน้อย ข้ากระหม่อมจึงไม่กล้าบังคับให้หยุด นอกจากนี้พระชายายังแกล้งตายด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าบอกพวกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่าผู้หญิงคนนั้นปลิ้นปล้อนขนาดไหน ไม่ว่านางจะพูดอะไรก็เชื่อไม่ได้”
“ข้ากระหม่อม… ข้ากระหม่อม…”
ทหารอารักขาปาดเหงื่อ
พวกเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อ
แต่เพราะเห็นพระชายาอาเจียนออกมาเป็นเลือดและหมดลมหายใจ พวกเขาจึงตื่นตระหนก
“หลังจากคืนนี้ ทุกคนต้องโทษโบยหนึ่งร้อยไม้”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ส่งคนออกไปทันที ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องหาพระชายาให้เจอ สั่งให้คนจำนวนมากไล่ล่าที่หุบเขาพิศวิญญาณ ถ้าข้าเดาไม่ผิด ผู้หญิงคนนั้นจะต้องไปที่หุบเขาพิศวิญญาณอย่างแน่นอน”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“หลีลั่ว ข้าอยากให้เจ้าออกค้นหาพระชายาด้วยตัวเองและคอยปกป้องนางอย่างใกล้ชิด”
“พ่ะย่ะค่ะ” หลีลั่วเป็นหัวหน้าทหารอารักขาของเยี่ยจิ่งหาน ทักษะการต่อสู้ของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าชิงเฟิงหรือเจี้ยงเสวี่ย นอกจากนี้ยังเป็นทหารอารักขาที่พึ่งพาและไว้วางใจได้มากที่สุด
“นายท่าน คนของเราฝ่ายอดเขาลูกที่ห้าไปได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้กำลังประชิดยอดเขาลูกที่หก คนของเผ่าปีศาจพ่ายแพ้หมดรูป ผู้นำกองธงกล้วยไม้ก็ถูกข้ากระหม่อมและคนอื่นๆ ล้อมไว้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“นายท่าน ช่วยเหลือยายเยี่ยได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ขณะที่ข่าวดีกำลังหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด ข่าวร้ายข่าวหนึ่งก็เวียนมาถึง
“นายท่าน จอมมารย่างกรายมาถึงพื้นที่ของกองธงกล้วยไม้ด้วยเหตุผลบางอย่าง ตอนนี้กำลังเข้ามาใกล้หุบเขาพิศวิญญาณแล้วพ่ะย่ะค่ะ”