อี้เฉินเฟยยิ้มสง่าอย่างบัณฑิต มองกู้ชูหน่วนด้วยนัยน์ตามั่นใจ “ไม่ต้องประมูล ถ้าพวกเราอยากได้ ย่อมมีคนมอบคัมภีร์กวีฉบับสมบูรณ์ให้พวกเราแน่ ไยต้องเสียเงินด้วยเล่า”
“หา……”
ใครใจป้ำมอบคัมภีร์กวีฉบับสมบูรณ์ให้พวกเขา?
อีกอย่าง……คุณชายอี้รู้ว่าใครจะเป็นผู้ประมูลชนะหรือ?
หาไม่แล้ว คุณชายอี้คงรู้ว่าแม่นางกู้จะประมูลอีก ดังนั้นจึงคิดจะออกเงินแทนนาง?
แล้วต่างจากประมูลเองที่ไหน?
“คัมภีร์กวีเฟิงหย่าซ่งฉบับสมบูรณ์ ราคาประมูลเริ่มต้นที่สามล้านตำลึง”
สามล้านตำลึงอีกแล้ว…….
ครั้งนี้ก็จะได้ราคาสูงลิบลิ่วเหมือนกันสิท่า?
“สี่ล้านตำลึง”
“ห้าล้านตำลึง”
“ห้าล้านห้าแสนตำลึง”
“หกล้านสองแสนตำลึง”
“เจ็ดล้านตำลึง”
“เจ็ดล้านหนึ่งแสนตำลึง”
แค่ชั่วพริบตา ไยจึงขยับขึ้นสูงเพียงนี้?
องค์หญิงตังตังรู้สึกห่อเหี่ยวใจ
ก็แค่กวีบ้าบอไม่กี่บท เหตุใดจึงมีราคาเยี่ยงนี้?
นางคือองค์หญิงผู้ได้รับความโปรดปรานมากที่สุด ทว่าก็ไม่อาจนำเงินออกมาได้เร็วในช่วงเวลาสั้น ๆ แล้วคนพวกนี้นำเงินมาจากไหน? เหตุใดจึงใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายแบบไม่ยั้งมือเยี่ยงนี้
เห็นกู้ชูหน่วนนั่งจิบชาอย่างสุนทรีย์โดยที่ไม่ร่วมประมูลซื้อ
องค์หญิงตังตังรู้สึกมึนงง
หรือว่าอีกฝ่ายจะไม่สนใจคัมภีร์กวีชุดนี้?
ไม่สนใจก็ดี นางจะได้มีคู่แข่งประมูลน้อยลง
กู้ชูอวิ๋นตะโกนกล่าว “เจ็ดล้านห้าแสนตำลึง”
อัครเสนาบดีกู้ขมวดคิ้วแน่นเป็นปม “ลูกสาว แม้นคัมภีร์จะสำคัญ แต่สำหรับพวกเราก็ไร้ประโยชน์ เงินเจ็ดล้านห้าแสนตำลึงไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ”
เฟิง หย่า ซ่ง รวมกันทั้งหมดหนึ่งร้อยเก้าสิบหกบท พวกเราสามารถแบ่งขาย ซึ่งราคาคงไม่ต่ำกว่าเจ็ดล้านห้าแสนตำลึงแน่ และยังสามารถมอบบางส่วนให้สำนักศึกษาหลวง คาดว่าท่านพ่อคงรู้ตำแหน่งของสำนักศึกษาหลวงดี
อัครเสนาบดีกู้ลังเลใจเล็กน้อย
ถึงกระนั้น เงินเจ็ดล้านกว่าตำลึงก็ไม่ใช่ตัวเลขน้อย ๆ อยู่ดี
“เจ็ดล้านเจ็ดแสนตำลึง”
“เจ็ดล้านแปดแสนตำลึง” กู้ชูอวิ๋นกล่าว
“แปดล้านตำลึง”
“แปดล้านหนึ่งแสนตำลึง” กู้ชูอวิ๋นกล่าวอีกครั้ง
นัยน์ตาขี้เกียจของกู้ชูหน่วนเกิดประกายรื่นรมย์หลายส่วน
คล้ายกับว่ากู้ชูอวิ๋นสนใจคัมภีร์กวีมาก?
ก็แค่อยากประมูลเพื่อเอาใจท่านอาจารย์ซั่งกวน
นึกถึงสัญญาแต่งงานระหว่างนางกับเซี่ยวอวี่เซวียน กู้ชูหน่วนก็เยียบยิ้มเย้ยหยัน
ในเมื่อนางอยากประมูล เช่นนั้นก็ส่งเสริมนางหน่อยจะเป็นไร
“หนึ่งพันตำลึง” กู้ชูหน่วนยกป้าย
กู้ชูอวิ๋นขบฟัน
กู้ชูหน่วนนี่กำลังคิดจะทำอะไรกันนะ?
นางจะเอาคัมภีร์ไปทำไม?
จงใจต่อกรกับนางใช่ไหม?
“สิบล้านห้าแสนตำลึง”
“สิบสามล้านตำลึง”
“สิบสี่ล้านตำลึง”
ยามที่กู้ชูอวิ๋นเสนอราคาสิบสี่ล้านตำลึง ร่างกายพลันสั่นสะท้าน
อัครเสนาบดีกู้ร้อนรนใจจนกุมขมับ เอ่ยห้ามว่า “อย่าเพิ่มราคาอีกเลย คัมภีร์กวีสำคัญไม่เท่าไข่มุกเหวินหยวน ลูกสาว พวกเราไม่ประมูลของชิ้นนี้แล้ว”
เขายังไม่ยอมเพิ่มเงินประมูลไข่มุกเหวินหยวนเลย มีหรือจะเพิ่มให้กับคัมภีร์กวีไม่กี่เล่ม
“ท่านพ่อ ราคาของคัมภีร์กวีสูงกว่าไข่มุกเหวินหยวนอยู่แล้วเจ้าค่ะ มัน……”
“ได้ ๆ ข้าอายุปูนนี้แล้ว เก็บเงินมากมายก็มีชีวิตอีกไม่กี่ปีเอง เช่นนั้นก็เอาไข่มุกเหวินหยวนให้จงได้”
กู้ชูหน่วนยิ้มเย็น ไม่ได้เสนอราคาเพิ่มมาก แค่อยู่ที่ตัวเลข “สิบห้าล้านตำลึง เฮอะ ต้องโทษที่เมื่อครู่ข้าประมูลซื้อตำรากลั่นยาสูงเกินไป บัดนี้มีเงินในกระเป๋าไม่กี่ตำลึงเอง”
นางไม่พูดคำนี้ยังดี แต่เมื่อลั่นออกมาแล้ว กู้ชูอวิ๋นที่อยากละทิ้งการประมูลก็มองไปยังซั่งกวนฉู่ ก่อนจะขบฟันกล่าวว่า “สิบหกล้านตำลึง”